'ก.ตร.' ฝากการบ้าน 'บิ๊กต่อ' สังคายนาระบบแต่งตั้งตำรวจ

ก.ตร. ฝากการบ้านเร่งด่วน ‘บิ๊กต่อ’ สังคายนาระบบแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ หลังมีแต่ข่าวซื้อขายตำแหน่ง สีกากีไปเป็นฐานนักการเมืองท้องถิ่น

29 ก.ย. 2566 – พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวถึงภารกิจเร่งด่วน ที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ ที่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่หลังจากนี้ว่า เรื่องที่ต้องรีบสังคายนากันใหญ่ คือเรื่องการบริหารงานบุคคล การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ที่จะต้องให้ความเป็นธรรม เพราะต้องยอมรับความจริงกันว่า ในช่วง 7 – 8 ปีที่ผ่านมา มันเกิดอะไรขึ้นกับการแต่งตั้งโยกย้าย ระบบอุปถัมภ์ การซื้อขายตำแหน่ง ภาพของตำรวจที่ไปถือพวงมาลัย แสดงความขอบคุณนักการเมือง มันเป็นเรื่องที่บ่งบอกอยู่แล้ว

ทั้งนี้ถือเป็นปัญหาเร่งด่วน ที่ ผบ.ตร. คนใหม่ ต้องทำ โดยทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย เพราะตอนนี้ ถือว่าได้หัวแล้ว คือได้ว่าที่ผบ.ตร. คนใหม่แล้ว แต่ ผบ.ตร. คนเดียว คงไม่สามารถปกครองบังคับบัญชาตำรวจได้ทั่วประเทศ จะต้องมีผู้บังคับบัญชาในระดับที่ลดหลั่นกันไป คือต้องได้ผู้บัญชาการ (ผบช.) ที่ดี ต้องได้คนที่ดี มีความรู้ความสามารถ มีความอาวุโส เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ เพราะเมื่อได้ผู้บัญชาการดี ได้ผู้บังคับการดี ก็จะทำให้ได้หัวหน้าสถานีตำรวจที่ดี แล้วทุกอย่าง ก็จะค่อยๆ ปรับปรุง คือปรับปรุงที่ตัวตำรวจ เพราะเมื่อปรับปรุงแล้ว ทุกคนก็ต้องอยากทำงาน เพราะมีขวัญกำลังใจในการทำงานตามหน้าที่ไปบริการรับใช้ประชาชน

“หากได้คนอย่างที่มีข่าว มีการซื้อขายตำแหน่งมา แล้วเข้ามาเจริญเติบโต ต่อไ มันก็จะมีปัญหา บางทีอาวุโสไม่ถึง ข้ามหัวรุ่นพี่ไปเยอะๆ วุฒิภาวะยังไม่ได้ที่จะดำรงตำแหน่งต่างๆ ประสบการณ์ยังน้อยอยู่ มันก็เป็นปัญหาอย่างที่เห็น การบริหารงานบุคคล ก็ควรต้องยึดหลักเกณฑ์ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฯ ที่ได้วางหลักเกณฑ์กลไกการบริหารงานบุคคลไว้” พล.ต.อ.เอก ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายโดยให้คำนึงถึงหลักอาวุโส สำคัญมากน้อยแค่ไหน เพราะบางคนอาจอาวุโส แต่ผลงานอาจไม่ดี มีผลงานน้อยกว่าคนที่อาวุโสน้อยกว่า พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ ไม่ขัดข้อง แต่เราต้องดูในภาพรวม เพราะหากเราไม่มีกติกา ไม่เอาเรื่องอาวุโส ไม่เอาเรื่องอะไรมาพิจารณาเลย มันก็จะหากรอบในการพิจารณาได้ยาก ซึ่งหลายคนอาจไม่ทราบว่า ในร่างเดิมของกฎหมายตำรวจ จากปัญหาเรื่องการบริหารงานบุคคลที่หลายคนรับฟังมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

“ผมยังเคยเห็นคลิปที่มีบางคนออกมาพูดด้วยถ้อยคำรุนแรง ที่พูดว่า ตำแหน่งพ่อ ตำแหน่งแม่หรือ ถึงเอามาซื้อขายกัน เราต้องยอมรับความจริงว่ามันเกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และอย่างที่ผมบอก ภาพของเรื่องการแต่งตั้งบ้านใหญ่ในแต่ละจังหวัด ทั้งผู้กำกับ ผู้บังคับการอะไรต่างๆ มันเป็นเรื่องจริง เป็นฐานของนักการเมืองท้องถิ่นบ้างอะไรต่างๆเหล่านี้ ทำให้กฎหมายจึงวางกรอบไว้ และเมื่อกรอบกฎหมายดีแล้ว ก็ต้องมาดูที่ตัวคน ไม่ว่าจะเป็น ก.ตร.ที่มีการคัดเลือกกันมา จนได้คนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาทำหน้าที่ แล้วทุกคนปฏิบัติตามกฎหมาย ผมว่าก็จะเป็นเรื่องที่จะมีการพิจารณาไปตามลำดับ และตอบโจทย์ได้” พล.ต.อ.เอก ระบุ

เมื่อถามถึงหลังจากนี้ เมื่อ ผบ.ตร. คนใหม่ เข้าปฏิบัติหน้าที่แล้ว ในเดือนตุลาคมจะต้องมีการทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายครั้งใหญ่ระดับนายพล ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ถึง ผบก.ทั่วประเทศ ทาง ก.ตร. จะมีหลักพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายอย่างไร จะมีเรื่องของตั๋วอะไรต่างๆ หรือไม่ พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า ขอบอกเลยว่า จะมีหรือไม่ ไม่สามารถที่จะรับทราบหรือยืนยันได้ แต่ถ้าเป็นการแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพล ต้องมาผ่านการพิจารณาของ ก.ตร. ซึ่งยืนยัน และในส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายในระดับรองๆ ลงมา ที่ ก.ตร. ก็ต้องมีหน้าที่ในการกำกับดูแล เราก็จะมีการสอบทานติดตาม

“อย่างผมก็ดีใจ เพราะก็มีเสียงสะท้อนจากการลงมติ ก.ตร. เมื่อ 27 ก.ย. เรื่องแต่งตั้ง ผบ.ตร. ก็มีน้องๆ โทรศัพท์มาให้กำลังใจ มาชื่นชม ถึงแม้จะเป็นเสียงข้างน้อยก็ตาม ยืนยันเพราะมันเป็นหน้าที่ เมื่อเราอาสา เราปวารณาตัวเองมาทำงานตรงนี้ ก็ต้องทำให้เต็มที่ ก็มีเวลาทำงานอยู่ 3 – 4 ปีเท่านั้นเอง” พล.ต.อ.เอก กล่าว.