ศาลสั่งจำคุกระนาว! 'ส.ต.ท.' ร่วมแก๊งลักปืนหลวงไปขาย หนักสุดโดน 96 ปี

ศาลอาญาคดีทุจริตสั่งจำคุกระนาว สิบตำรวจโทร่วมกับพวก 8 คนลักปืนหลวงขาย หนักสุดโดน 96 ปี เบาสุด 6 ปี 8 เดือน ให้การเป็นประโยชน์ลดกึ่งหนึ่งยกฟ้องจำเลยที่ 9

22 ธ.ค.2566 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษา ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 72และ 119/2566 ที่ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 2 ยื่นฟ้อง สิบตำรวจโท น. กับพวกรวม 9 คน จำเลย ทั้งสองคดีศาลสั่งรวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกันโดยโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งเก้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา83,86,91,147157, 57,371 พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ พรบฯอาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปีน , พรบ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่องกำหนดยุทธภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาต ตามพรบ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ ให้จำเลยทั้ง 9 คืนอาวุธปืนเล็กยาวแบบเอ็ม 16 จำนวน 71 กระบอก หรือใช้ราคาแทนเป็นเงิน 1,483,900 บาท

จำเลยทั้ง 9 ให้การปฏิเสธศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยทั้งเก้าตามทางไต่สวนแล้ว ฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 เจ้าหน้าที่ทหารสืบทราบว่ามีการลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนสงครามชนิดต่างๆ หน่วยข่าวกรองทหารใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือ การใช้แอปพลิเคชันทางการเงิน แอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ชนิดต่างๆตรวจสอบกระบวนการซักถามไปแล้วบันทึกข้อมูลร่วมกับเจ้าพนักงานตำรวจสืบสวนขยายผลจากภาพกล้องวงจรปิดมีการสื่อสารการใช้แอพพลิเคชั่น Google Maps นำทางมาบริเวณที่เกิดเหตุ

เส้นทางทำธุรกรรมของธนาคารที่เกี่ยวข้องกับการเงินของจำเลยทั้งหมด และพยานที่เกี่ยวข้องสอบสวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องตามลำดับพบว่า มีการเก็บกุญแจคลังเก็บอาวุธไว้ในที่เดียวกันเพื่อง่ายต่อการที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิดนำกุญแจคลังเก็บอาวุธอาศัยจังหวะและโอกาสที่ตนเองทำหน้าที่เวรยามกระทำการลักลอบนำเอาอาวุธปืนออกจากคลังอวุธและมีเส้นทางการธุรกรรมการเงินโอนเงินระหว่างจำเลย ด้วยกันแต่ละครั้งเป็นจำนวนมาก และพบว่ามีจำเลยบางคนทำรายการถอนเงินสดหน้าธนาคารที่ได้รับมาจากภาพวงจรปิดกล้องของธนาคารต่างๆ เชื่อมโยงสัมพันธ์กันว่ามีการตกลงซื้อขายอาวุธปืน แต่ละช่วงเวลาที่มีการลักเอาและส่งมอบอาวุธปืนวันเกิดเหตุเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการส่งมอบกันจริงมีภาพวงจรปิดยืนยันว่ามีจำเลยที่ 2 พบกับจำเลยที่ 1 ถือสิ่งของเป็นซองกระดาษบรรจุเงินมอบให้แก่กันแล้วจำเลยที่ 1 นำเอาถุงบรรจุเงินสดส่งมอบให้จำเลยที่ 2ในกรุงเทพมหานครแล้ว จำเลยที่ 1 ถือถุงดังกล่าวกับทางอาวุธตามภาพถ่ายของกล้องวงจรปิด

ในชั้นซักถาม สืบสวนและสอบสวนจำเลยแต่ละคนได้ให้การถึงรายละเอียดของการซื้อขายอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนชนิดต่างๆ กับบุคคลภายนอกจำนวนหลายครั้งพยานหลักฐานของโจทก็สอดคล้องเชื่อมโยงตามพฤติกรรมที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นคำซัดทอดที่ต้องห้ามตามกฎหมายคำให้การของจำเลยแต่ละคนในชั้นสอบสวนสามารถนำมารับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นได้ไม่

ปรากฎว่าพนักงานสอบสวนบังคับ ขู่เข็ญ ให้สัญญาล่อลวงทำร้ายร่างกายหรือกระทำการอื่นใดอันมิชอบด้วยกฎหมายจำเลยแต่ละคนให้การถึงรายละเอียดดังกล่าว ตามลำดับขั้นตอนข้อเท็จจริงสอดคล้องกันเป็นอย่างมากพูดถึงรายละเอียดการกระทำความผิดที่เจือสมสอดคล้องกัน การวินิจฉัยพยานหลักฐานของศาลฟังประกอบหลักฐานอื่นมิได้รับฟังแต่เพียงพยานบอกเล่าโดยลำพังมีเหตุผลหนักแน่นแม้จะไม่สามารถยึดอาวุธปืนของกลางนำมาตรวจสอบได้ว่าเป็นอาวุธปืนจากคลังอาวุธที่ถูกลักไปหรือไม่ แต่ภาพที่บันทึกในโทรศัพท์ของจำเลยที่ 6,7 มีสัญลักษณ์ของกองบัญซาการ ต. จำนวน 3 กระบอก มีหมายเลขอาวุธปืน 2 กระบอก ปะปนอยู่กับอาวุธปืนที่สูญหายอีก 71 กระบอก จึงเชื่อว่าเป็นจำนวนเดียวกันกับที่จำเลยที่  1 กับพวกลักนำออกไป

พยานหลักฐานของโจทย์ที่นำสืบและไต่สวนสามารถพิสูจน์ ความผิดของจำเลยผู้ทำความผิดได้ ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลย แต่ละคนที่อ้างว่าไม่เกี่ยวข้องนั้น เห็นว่า เป็นการกล่าวอ้างที่ไม่สมเหตุสมผล ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานของโจทก็ได้ ฟังได้ว่าจำเลยแต่ละคนรู้หน้าที่และบทบาทของกันและกันมีสักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ รวมถึงรู้ถึงการกระทำในแต่ละครั้งของจำเลยที่ 1 ด้วยจำเลย 2,4-8 และที่ 8 มิใช่เจ้าพนักงานตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตำแหน่งเฉพาะตัวบุคคล การกระทำของจำเลยดังกล่าวข้างต้นเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานนี้เท่านั้น

ดังนั้นการกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนโดยทุจริตหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเจ้าหนักงนของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างใดในตำแหน่งหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

การกระทำของจำเลยที่ 2,4-6 และ 8 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างหนึ่งอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

การกระทำของจำเลยที่ 1,2,4-6 และ 8 มีความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ฐานร่วมกันค้าหรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ และฐานร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยที่ 3 มีอาชีพรับจ้างอยู่ที่ห้างสรรพสินค้ามีจำเลยที่ 2เป็นผู้ว่าจ้างให้ชับรถยนต์มารับที่กรุงเทพมหานคร

แม้จำเลยที่ 3 จะรู้จักจำเลยที่ 1 จากการแนะนำของจำเลยที่ 2 ซึ่งเล่นกีฬาบาสเกตบอลด้วยกันรู้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ก็ตามแต่เมื่อจำเลยที่ 3 ได้ถามจำเลยที่ ว่ามาทำธุระอะไร จำเลยที่ 2 แจ้งว่าจะมาขนอาวุธ เมื่อถึงบริเวณหลักสี่แล้วจำเลยที่ 3 แจ้งเพียงเท่าที่จำเลยที่ 2 ต้องการให้ทราบ ไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ 3 ล่วงรู้มาก่อนจำเลยที่ 1 เเละ 2 วางแผนลักลอบเอาอาวุธปืนออกมาหรือไม่อย่างไร แล้วไม่ปรากฎการโอนเงินมากไปกว่าที่ตกลงการจ้างเป็นเงิน 2 หมื่นบาท

พฤติการณ์เท่านี้จึงไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการรักษาทรัพย์ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

การกระทำของจำเลยที่ 3 เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ไว้ได้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ฐานสนับสนุนผู้อื่นพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร และสนับสนุนให้ผู้อื่นมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต

จำเลยที่ 7 เป็นนายทหารมีความรู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาวุธปืนทราบได้ว่าปืนที่ ลักมาเป็นปืนที่บุคคลธรรมดาไม่อาจครอบครองได้ จำเลยที่ 6 นำอาวุธปืนมาให้จำเลยที่ 7 ถอดแยกชิ้นส่วนโดยอ้างว่าเป็นปืนตัดจำหน่าย จำเลยที่ 7 นำปืนดังกล่าวมาแยกชิ้นส่วนติดสติกเกอร์เขียนเครื่องหมายกำกับไว้ในโครงปืนแล้ว ถ่ายภาพอาวุธปืนและลักษณะสติกเกอร์ที่มีตราหน่วยราชการกองบัญชาการ ต. ย่อมเป็นที่สังเกตของจำเลยที่ 7 ได้ง่ายล่วงรู้ได้ว่าเป็นอาวุธปีนจำเลยที่ 6 ได้มาโดยไม่ซอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 7 แยกชิ้นส่วนใส่ถุงดำแล้วนำใส่กล่องกระดาษไปให้จำเลยที่ 6 ที่บ้านพักอยู่ห่างจากบ้านพักจำเลยที่ 7 ประมาณ 10 กิโลเมตร และมีบุคคลมารับต่อไป ไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 7ร่วมกันหรือจำหน่ายอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้

เมื่อพิเคราะห์ถึงเส้นทางการเงินแล้วปรากฎว่าจำเลยที่ 7 ได้รับเงินโอนเพียง 5 หมื่นบาทโดยที่ทางไต่สวนจำเลยที่ 6,7 เคยทำธุรกิจต่างๆ ต่อกัน จำนวนเงินที่อ้างว่ากู้ยืมเงินติดค้างกันมาจึงไม่ใช่ข้อพิรุธซึ่งผิดวิสัยว่าหากร่วมการลงทุนค้าขายอาวุธซึ่งมีความเสี่ยงสูงต้องได้รับค่าตอบแทนที่มากกว่านี้ การกระทำของจำเลยที่ 7 เป็นเพียงความผิดฐานร่วมกันมีอวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ฐานเป็นผู้ร่วมทำประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ ซึ่งอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นค้าหรือจำหน่ายอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่ข้างหรือทางสาธารณะไม่ได้รับอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควรและร่วมกันมีไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ส่วนจำเลยที่ 9 ทางไต่สวนไม่ปรากฏข้อเท็จจริงระบุเส้นทางการเงินเกี่ยวพันจำเลยที่ 9 ทั้งไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนว่าจำเลยที่ 9 กระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-8 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,86,91,147157, 57,371 พรบ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ พรบฯอาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปีน , พรบ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. ประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่องกำหนดยุทธภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาต ตามพรบ.ควบคุมยุทธภัณฑ์การกระทำของจำเลยที่ 1,2,4-6,8 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 6ปี สองกระทงจำคุก12ปี การกระทำของจำเลยที่2,4,6,8 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 4 ปี สองกระทงจำคุกคนละ 8 ปี

จำเลยที่ 1,2,4-6,8 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานร่วมกันค้าหรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปีนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบนุญาตให้ได้ ตาม พรบ.อาวุธปืนมาตรา 78 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 20 ปี

จำเลย 1,2-4,6 และ ๘กระทำผิดคนละสองกระทง จำคุกคนละ 40 ปี ส่วนจำเลยที่ 5 กระทำผิด4กระทงจำคุก 80 ปีการกระทำจำเลยที่ 3 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ตาม พรบ.อาวุธปืน มาตรา 78 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 2 ปี สองกระทงรวมจำคุก 4ปี และการกระทำจำเลยที่7เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นค้า หรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบนุญาตให้ได้ ตาม พรบ.อาวุธปืนมาตรา 78วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 13ปี 4 เดือน สองกระทงจำคุก 26 ปี8เดือน

การกระทำของจำเลยที่ 1,2,4-8 ที่เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาต ตามพรบ.อาวุธปืน มาตรา 72ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 2ปี

การกระทำของจำเลยที่ 1,2,4,6-8กระทำผิดคนละสองกระทง จำคุกคนละ 4ปี จำเลยที่ 5กระทำผิดสี่กระทงจำคุก 8ปี การกระทำของจำเลยที่ 3เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานสนับสนุนผู้อื่นให้พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาต ตาม พรบ.อาวุธปืน มาตรา 72ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 1ปี4เดือน สองกระทงจำคุก 2 ปี 8 เดือน จำคุกจำเลยที่ 1รวม 56 ปี จำคุกจำเลยที่ 2,4,6,8 รวมคนละ 52ปี จำคุกจำเลยที่ 5รวม 96 ปี จำคุกจำเลยที่ 3รวม 6ปี 8เดือน จำคุกจำเลยที่ 7รวม 30ปี 8เดือน

จำเลยที่ 1-8 ให้การในชั้นซักถาม ชั้นสืบสวนและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1มีกำหนด 28ปี คงจำคุกจำเลยที่2,46,8 มีกำหนดคนละ 26ปี จำคุก

จำเลยที่ 3มีกำหนด 3ปี 4เดือน จำเลยที่ 5มีกำหนด 48ปี จำคุกจำเลยที่ 7มีกำหนด 15ปี 4เดือน และให้จำเลยที่ 1-8คืนอาวุธปืนเล็กยาวแบบเอ็ม 16เอ จำนวน 71กระบอก หรือใช้ราคาแทนเป็นเงิน 1,483,900 บาทแก่ผู้เสียหาย ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 9 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จำคุกคนละ 18 ปี 24 เดือน อดีตผอ.-รองผอ.สามเสนวิทยาลัย เบียดบังเงินแป๊ะเจี๊ยะ

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ถนนเลียบรางรถไฟ ศาลกลางอ่านคำพิพากษา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นโจทก์ฟ้องนายวิโรฒ สำรวล อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย

งามไส้! คุก 2 เดือน 'ลูก รมต.' เมาขับฝ่าด่าน

นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยความคืบหน้าเรื่องนี้ว่า วันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลเเขวง 1

ศาลอาญาคดีทุจริตฯ นัดฟังคำสั่ง 'ก้าวไกล' ฟ้อง 'กกต.' 2 มาตรฐาน ปมยุบพรรค

ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำสั่งในคดีที่ เรือเอก ย. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคณกรรมการการเลือกตั้งทั้ง6 เเละเลขาฯกกต.กับพวกรวม 7 คน คดีอาญาหมายเลขดำที่ อท 58/2567 ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157ประกอบมาตรา83

ศาลยกฟ้อง 'พล.ต.อ.ธนา' กับตำรวจชุดคดีเว็บพนันมินนี่ 244 คน หลังลูกน้องบิ๊กโจ๊กยื่นฟ้อง

ศาลอาญาคดีทุจริตฯยกฟ้องชั้นตรวจฟ้อง ‘ธนา ชูวงศ์’ กับ 244 ชุดพนักงานสอบสวนคดีเเก๊งนายตำรวจพัวพันเว็บพนัน หลัง ‘เขมรินทร์ พิสมัย ‘ยื่นฟ้อง ชี้ ที่โจทก์อ้างไม่ได้ทำผิดเป็นข้อต่อสู้ในคดี ไม่ใล่เหตุนำมาฟ้องจำเลยกับพวกระบุ การขอออกหมายจับ ไม่ระบุอาชีพยศ ไม่ใช่สาระสำคัญ

ทนาย 'บิ๊กโจ๊ก' ฟ้องกราวรูด ชุดทำคดีเว็บพนัน ไม่ส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.

นายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางมายื่นฟ้องผู้มีคำสั่งแต่งตั้ง และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีเว็บพนัน BNk Master ของ สน.เตาปูน รวม 30 นาย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

'บิ๊กโจ๊ก' ฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตฟัน 'นครบาล' บี้ สน.เตาปูน ยุติสอบ โอนคดีไป ปปช.

ทนาย 'บิ๊กโจ๊ก' บุก สน.เตาปูน พบพนักงานสอบสวน ให้ยุติสอบคดีเว็บพนันบีเอ็นเค รวบรวมสำนวนส่ง ป.ป.ช. โวยทำไมยังออกหมายเรียก 'รอง ผบ.ตร.' จ่อฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตฟันยกชุด