ป.ป.ส. เปิดห้องมั่นคงเคลียร์ยาเสพติดของกลาง 15.7 ตัน ตั้งเป้าเผาทิ้งทุก 2 เดือน


23 ธ.ค.2566 - ที่สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) น.ส.กัญญนันท์ คงภัสนิธิโรจน์ ผอ.สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด พาสื่อมวลชนเปิดห้องเก็บรักษายาเสพติดของกลาง หรือ “ห้องมั่นคง” เพื่อทำการขนย้ายยาเสพติดจำนวน 15.7 ตัน ใน 50 คดี จัดส่ง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข เตรียมนำเข้าสู่กระบวนการนำยาเสพติดไปเผาทำลายตามแผนปฏิบัติการ "Set Zero ทำลายยาเสพติดให้หมดสิ้น“ ของรัฐบาลในวันที่ 26 ธ.ค. นี้

โดยปฏิบัติการ Set Zero ในครั้งนีั จะทำลายยาเสพติดของกลางในคลังยาเสพติดทั้งหมดรวมกว่า 340 ตัน จาก 836,081 คดี ซึ่งจัดกิจกรรมในเดือนธันวาคม 2566 ถึงเดือน กุมภาพันธ์ 2567 แบ่งเป็นช่วงที่ 1 ระหว่างวันที่ 26 ธ.ค. 66 - 2 ม.ค. 67 ทำลายยาเสพติด 110 ตัน และช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 19 ม.ค. - ก.พ. 67 ทำลายยาเสพติด 230 ตัน

ส่วนขั้นตอนการเคลื่อนย้ายของกลางยาเสพติด เพื่อเตรียมนำไปทำลายในครั้งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ จะต้องตรวจสอบปริมาณน้ำหนักตามบัญชีเผาทำลายยาเสพติดของกลาง และตรวจพิสูจน์เบื้องต้นว่าเป็นยาเสพติดจริงด้วยวิธี Color's Test โดยนักวิทยาศาสตร์ ผู้แทนจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จากนั้นส่งมอบให้คณะทำงานทำลายยาเสพติดของกลางของสำนักงาน ป.ป.ส. ด้านขนย้าย รักษาความปลอดภัย และทำลาย โดยจะนำไปเก็บรักษาในรถขนย้ายยาเสพติดของสำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อรอการขนย้ายต่อไป

ยาเสพติดของกลางที่ขนย้ายเตรียมไปเผาทำลายครั้งนี้ มาจากคดียาเสพติด 50 คดี แบ่งเป็นยาบ้า 10,958 กิโลกรัม (110.73 ล้านเม็ด) ยาไอซ์ 4,333 กิโลกรัม เฮโรอีน 167 กิโลกรัม และยาเสพติดอื่นๆ น้ำหนักรวม 15,718 กิโลกรัม

สำหรับกระบวนการส่งมอบนั้น โดยตลอดกระบวนการตรวจรับ และส่งมอบยาเสพติดของกลาง จะมีการบันทึกภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวเพื่อเป็นการตรวจสอบความโปร่งใส รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษของสำนักงาน ป.ป.ส. (หน่วยอินทรีย์ 19) ทำการอารักขาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีความมุ่งมั่นที่จะเผาทำลายยาเสพติด เพื่อไม่ให้เกิดข้อกังขาต่อประชาชน และวางแผนที่จะเผาทำลายยาเสพติดอย่างต่อเนื่องให้ได้อย่างน้อย 2 เดือนต่อครั้ง หรือประมาณ 20,000 กิโลกรัมต่อครั้ง ตามปฏิบัติการ Set zero เดินหน้ากำจัดให้สิ้นยาเสพติด ไม่ให้ยาเสพติดหวนกลับมาทำร้ายประชาชน โดยวันที่ 26 ธ.ค. 66 นี่รัฐบาลจะเปิดปฏิบัติการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดระยะ 1 ปี ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค

น.ส.กัญญนันท์ คงภัสนิธิโรจน์ ผอ.สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำหรับสำนักงาน ป.ป.ส. มีการเผาทำลายมาแล้ว 2 ครั้งรวม 40 ตัน ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 คือ 15.7 ตัน เป็นการจับคดียาเสพติดตั้งแต่ช่วงกรกฎาคม - พฤศจิกายน ปี2566ส่วนการขนย้ายยาเสพติดเพื่อไปทำลายนั้น จะมีเจ้าหน้าที่ของกรมทางหลวงคอยควบคุมการเดินทาง และดูแลความปลอดภัยตลอดจนถึงที่เผาทำลาย

สำหรับการเผาทำลายจะเผาทำลายที่บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมบางปู สมุทรปราการ โดยการเผาจะใช้อุณหภูมิสูงถึง 1,200 องศา และไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเป็นการเผาระบบปิด ส่วนกากขี้เถ้าที่ได้หลังการเผาทำลาย จะนำส่งพิสูจน์อีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าไม่มีสารเสพติดหลงเหลืออยู่แล้ว

"ยืนยันว่าไม่มีทางที่ยาเสพติดนั้นจะถูกกลับไปเวียนขายอย่างแน่นอนเพราะการจับหรือการทำลาย มีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานคอยตรวจสอบอย่างดี"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รวบสาวใหญ่หนีหมายจับ 19 ปี อีก 5 เดือนหมดอายุ ไม่รอดคดีครอบครองยาเสพติด

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ, พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์

ผบช.ภ. 3 แถลงรวบอดีต ส.อบต. พร้อมแฟนสาวชาวลาว ขนยาบ้าเกือบ 1 ล้านเม็ด

ผบช.ภ.3 แถลงผลการจับกุมของ ตำรวจ ชป.ปส.ภ.จว.บุรีรัมย์ ร่วมกับ ตชด. ทหาร และปกครอง ไล่ล่าจับกุมทีมขนลำเลียงยาเสพติด ขณะกำลังจะนำยาบ้า มาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ เกิดไหวตัวทัน ขับรถหลบหนี พร้อมทิ้งยาบ้าเกลื่อนถนน

สกัดจับยาบ้าล็อตใหญ่ ชายแดนภาคเหนือ

พล.อ.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ หรือ นบ.ยส.35 เปิดเผยว่า ได้รับรายงานการสกัดกั้นยาเสพติด

'นิด้าโพล' ชี้ คนไทย ไม่เห็นด้วยนโยบาย ยาบ้า 5 เม็ด

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “ยาบ้า 5 เม็ด กับผู้เสพ คือ ผู้ป่วย” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18-20 มีนาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้