คณะทำงานคดีอุ้มทรมานลุงเปี๊ยก ฟันตำรวจอรัญฯ ข้อหา ม.157-พรบ.อุ้มหาย

9 ตร.อรัญอุ้มทรมานลุงเปี๊ยก โดนเเจ้งข้อหา 157- พรบ.อุ้มหายฯ ‘วัชรินทร์’ รองอธ.อัยการเผย ผกก.โดนด้วย ดีเอสไอเตรียมออกหมายเรียกหลังสงกรานต์รับทราบข้อหา 7-9 พ.ค.

10 เม.ย.2567 - เวลา 17.00 น.ที่สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารถนนบรมราชชนนี ตลิ่งชัน นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวนตามมาตรา 31 แห่ง พรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ร่วมประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ในคดีที่ดีเอสไอรับสอบสวนเป็นคดีพิเศษ นายปัญญา หรือลุงเปี๊ยก คงแสนคำที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีอาญาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เข้าข่ายเป็นความผิดตาม พรบ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565

โดยมี นายน้ำแท้ มีบุญสล้าง เลขานุการรองอัยการสูงสุด ,นายดุษฎี กลิ่นเกษร พนักงานอัยการ ,นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม ,นายคณพ ปิ่นทอง ผู้อำนวยการส่วนสอบสวนการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย 1

เเละคณะพนักงานสอบสวนดีเอสไอร่วมประชุม โดยภายหลังประชุมกว่า 3 ชั่วโมงเศษ นายวัชรินทร์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน กล่าวว่าคณะทำงานนี้เป็นคณะทำงานระหว่างทีมอัยการซึ่งอัยการสูงสุดตั้งทีมคณะทำงานชุดนี้พร้อมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษวันนี้เป็นการประชุมเพื่อลงมติ เพื่อสรุปว่าจะแจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจคนใดบ้าง ซึ่งมีการประชุมกันมาตั้งแต่บ่ายจนได้ข้อสรุปเรียบร้อย

โดยที่ประชุมมีมติเเจ้งข้อหาแบ่งเป็นระดับผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ รองผู้กำกับสืบสวน สารวัตรสืบสวนและรองสารวัตรสืบสวน ซึ่งอันนี้คือกลุ่มผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้อง และอีกกลุ่มคือกลุ่มที่กระทำความผิดโดยตรงในห้องสอบสวนมีตำรวจชั้นประทวน 3 นาย รวมทั้งหมด 9นาย หลังจากนี้ก็จะเป็นหน้าที่ดีเอสไอในการออกหมายเรียก แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้งหมดทั้ง 9 รายโดยกำหนดวันนัดให้มารับทราบข้อกล่าวหาคือวันที่ 7-9 พ.ค.นี้เพราะเราให้เวลาในการเตรียมตัวมาพบพนักงานสอบสวน ซึ่งการแจ้งข้อกล่าวหาจากการสรุปวันนี้เป็นเพียงการพิจารณาจากหลักฐานตัวผู้เสียหายคือ ลุงเปี๊ยกและพยานในที่เกิดเหตุและพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งมีทั้งนักข่าวและตำรวจในที่เกิดเหตุพยานหลักฐานดังกล่าวเราเห็นว่าเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหา

ซึ่งภายหลังเเจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหายังมีสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานใดๆก็ตามมาเเสดงว่าชี้เเจงได้ เพราะทีมงานของเราทำการสอบสวนด้วยความบริสุทธิ์ตรงไปตรงมาเราจะไม่เอาพยานหลักฐานเเค่ส่วนเดียว เราจะเปิดโอกาสให้ผู้กล่าวหาชี้เเจง ส่วนระยะเวลาในการสรุปสำนวนส่งอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตเมื่อไหร่นั้น เรื่องนี้ เราสอบสวนพยานได้หลายปากแล้วจนมีแนวทางสรุปจนจะเเจ้งข้อกล่าวหาเเล้ว เพราะเวลานี้การสอบสวนพยานหลักฐานได้เกือบครบถ้วนจึงมีการเเจ้งข้อกล่าวหาไม่ใช่นำผู้ต้องหาเป็นตัวนำ ก็เเสดงว่าพยานหลักฐานเพียงพอเเล้วคดีก็จะถูกส่งไปที่อัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตภาค 2

ส่วนหลังเเจ้งข้อกล่าวหาต้นเดือน พฤษภาคมเเล้วจะสรุปสำนวนส่งอัยการเมื่อใดเราก็ต้องดูว่าทางผู้ต้องหามีพยานหลักฐานให้คณะทำงานสอบสวนเเค่ไหน ไม่ใช่เขาขอให้เราสอบพยานเเล้วไม่สอบให้ ต้องสอบว่าผู้ต้องหามีพยานหักล้างเเค่ไหนเเล้วจึงค่อยสรุปสำนวนอีกครั้งว่าจะเห็นควรสั่งฟ้องใครไม่เห็นควรสั่งฟ้องใครบ้าง ในส่วนที่เราสอบสวนพยานหลักฐานฝ่ายของลุงเปี๊ยกก็ให้การ เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีจนเชื่อเเละเเจ้งข้อกล่าวหาได้

นายน้ำแท้ เลขานุการรองอัยการสูงสุด ฐานความผิดที่เราเริ่มพิจารณาก็คือตั้งแต่มีการจับตัวลุงเปี๊ยกไปทำให้สูญเสียอิสรภาพ และเมื่อควบคุมตัวแล้วก็ไม่มีการแจ้งให้กับอัยการ หรือฝ่ายปกครองทราบตรงนี้ก็คือการปฎิบัติหน้าที่ไม่ชอบ และภายหลังมีการควบคุมตัวแล้วก็ไม่นำลุงเปี๊ยกไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวนทันที แต่กลับนำเขาไปทรมานก็ถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามพรบ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ ส่วนจะเข้ามาตราไหนบ้างก็จะพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้งในวันแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนพฤติการณ์ที่ไม่แจ้งการจับกุมก็เป็นในส่วนของการปกปิดชะตากรรม ทำให้เขาไม่ได้รับสิทธิ์ ในการประกันตัวในการพบญาติเเละทนายความ ทำให้สิทธิ์ของลุงเปี๊ยกหายหมดเลยไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ซึ่งเป็นความผิดตามพรบ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ ในส่วนความผิดที่เกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพเราก็จะดูว่าถ้าพบการกระทำผิด เราก็ต้องแจ้งข้อหาในส่วนนี้อีก เพื่อให้ผู้ต้องหาให้การต่อสู้ ก็เท่ากับความผิด3 ข้อหาคือ 157, ข้อหาตามพรบ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ เเละความผิดต่อเสรีภาพกรณีหน่วงเหนี่ยวกักขัง

นายอังศุเกติ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรมกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า โดยหลังจากนี้เราจะดำเนินการออกหมายเรียกผู้ต้องหาให้เร็วที่สุดคาดว่าจะเป็นหลังวันหยุดสงกรานต์นี้เลยให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 7-9 พ.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับมูลเหตุของการเเจ้งข้อกล่าวหา มาจากนายปัญญา หรือลุงเปี๊ยก คงแสนคำถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีอาญาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ในคดีฆาตกรรมนางบัวผัน ตันสุ หรือป้ากบ หญิงสติไม่ดี วัย 47 ปีเเละเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีการดำเนินคดีกับนายปัญญา ในข้อหาฆาตรกรรม โดยตำรวจเเจ้งว่านายปัญญาให้การรับสารภาพ ว่าเป็นคนลงมือฆ่าเเละกระทำด้วยความมึนเมา ต่อมามีการปรากฎภาพจากกล้องวงจรปิดที่สื่อมวลชนหามาได้จากจุดเกิดเหตุได้เปิดเผยความจริงว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมนางบัวผันเป็นกลุ่มเยาวชน 5 คน ซึ่งในจำนวนนี้มี 2 คนที่เป็นลูกตำรวจใน จ.สระแก้ว เเละมีการนำลุงเปี๊ยกไปทรมานจนดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ เเละอัยการสูงสุดมีคำสั่งแต่งตั้ง นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวนมาเป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวนคดีนี้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อัยการคดีพิเศษ' จ่อยื่นศาลสั่งริบทรัพย์ STARK อีก 3 พันล้านบาท

'วิรุฬห์' อธ.อัยการคดีพิเศษ เตรียมยื่นศาลขอริบทรัพย์อดีตผู้บริหาร STARK อีก 3 พันล้านบาท เยียวยาผู้เสียหาย 'อัยการ-ศาล-ปปง.' จับมือเชื่อมโยงข้อมูลคดีฟอกเงิน เพิ่มประสิทธิภาพทำงาน

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ' 23 พ.ค. เจ้าตัวแย้มจ่อลุยการเมือง

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ เพ็ญแข' ครอบครองอาวุธสงคราม 23 พ.ค.นี้ เจ้าตัวเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม จ่อลุยการเมืองหลังพ้นคดี ชี้ ‘ยิ่งลักษณ์’ ควรได้ความเป็นธรรมเหมือนทุกคน

‘จักรภพ’ เดินสายรายงานตัวอัยการ รับทราบข้อหาคดีอาวุธสงครามที่ฉะเชิงเทรา

จักรภพ แจ้งจะไปรายงานตัวที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับอาวุธสงครามที่พบในจังหวัดฉะเชิงเทราเมื่อหลายปีก่อน

คดีถึงที่สุด! อัยการสูงสุดไม่ยื่นฎีกา หลัง 2 ศาลยกฟ้องพันธมิตรฯปิดล้อมสภาปี 51

นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า สำนักงานอัยการสูงสุดมีความคืบหน้าคดีสำคัญที่สังคมและสื่อมวลชนให้ความสนใจโดยเป็นคดีที่อัยการสูงสุดไม่รับรองให้ฎีกาคดีฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล กับพวก เป็นผลให้คดีถึงที่สุด