เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ร้อง 'ผบ.ตร.' ตั้งทีมพิเศษไล่ล่าฟันทั้งขบวนการ

7 ม.ค. 2565 – ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กลุ่มผู้เสียหายประมาณ 10 คน ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อให้ตำรวจปรับวิธีการทำงานให้เป็นแบบบูรณาการ หรือจัดตั้งคณะทำงานพิเศษ เพื่อสืบสวนสอบสวนคดีที่กลุ่มประชาชนถูกหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นเหตุให้สูญเสียทรัพย์สินมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

ตัวแทนผู้เสียหาย เปิดเผยว่า มีขบวนการแก๊งมิจฉาชีพที่แอบอ้างตัวเป็นบริษัทขนส่งพัสดุโทรเข้ามาบอกว่าตนส่งของผิดกฎหมาย รวมถึงมีการแอบอ้างตัวเป็นตำรวจ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หลอกลวงพูดคุยด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การพยายามสอบถามข้อมูลว่าได้ไปลืมบัตรประชาชนที่ไหนหรือไม่ จึงทำให้มีชื่อไปพัวพัน และอ้างมีข้อมูลว่าเราจะได้ 10 เปอร์เซ็นต์ จากยอดจึงต้องทำการตรวจสอบว่าบัญชีไหนที่เป็นบัญชีปลอม และให้บอกข้อมูลบัญชีทั้งหมดที่มี ถ้าข้อมูลไม่ตรงก็จะทำการอายัดบัญชี ใช้เวลาพูดคุยไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมงกับมิจฉาชีพคนแรก ซึ่งเขาพยายามพูดคุยถ่วงเวลาในการตรวจสอบ และทำทีใช้จิตวิทยาทำให้เราหลงเชื่อว่า เขาเชื่อว่าเราบริสุทธิ์และเขาจะช่วยเรา ก่อนจะบอกว่าจะไปช่วยคุยกับสารวัตรให้เราหลุดจากการเป็นผู้ต้องหา ฯลฯ จนตนหลงเชื่อโอนเงินในบัญชีธนาคารต่างๆ ที่มีอยู่รวมความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท ไปให้กลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้

หลังจากรู้จึงพยายามโทรกลับไปแต่ก็ไม่มีคนรับสาย จึงตัดสินใจไลฟ์ในเพจของตนเองเพื่อให้คนอื่นรู้ให้ได้มากที่สุด เพื่อจะไม่ได้โดนแบบเรา ครั้งนี้ทำให้ได้บทเรียนว่าอย่าละเลยการติดตามข่าวสารต่างๆ เพราะมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับเรามากๆ หวังว่าทางตำรวจจะช่วยกันจับตัวคนร้ายให้ได้เพราะมีคนเดือดร้อนเยอะมาก ขณะนี้มีผู้เสียหายแล้ว 83 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 30 ล้านบาท

ทั้งนี้ในจดหมายเปิดผนึกของกลุ่มผู้เสียหาย ระบุว่า การดำเนินงานของตำรวจแต่ละฝ่ายมีลักษณะที่แตกต่างกันไป และไม่สอดคล้องกันจนอาจนำไปสู่ความล่าช้าในการติดตามขบวนการแก๊งมิจฉาชีพฯ ได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ดังนั้นกลุ่มผู้เสียหายจึงขอความเห็นใจและความอนุเคราะห์จากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับการทำงานของสถานีตำรวจทุกแห่งให้ปรับวิธีการทำงานเป็นแบบบูรณาการ เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบของคดี กลโกงและการหลบหนีของขบวนการแก๊งมิจฉาชีพที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งขั้นตอนการออกหมายเรียกและหมายจับบัญชีรับจ้าง(บัญชีม้า) แต่ละราย เพื่อให้คดีเกิดความรวดเร็วและสนับสนุนการทำงานของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ที่กำลังจะเข้ามาช่วยเหลือต่อไป หรือจัดตั้งคณะทำงานพิเศษหรือหน่วยเฉพาะกิจเพื่อรับสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมขบวนการแก๊งมิจฉาชีพนี้ โดยเฉพาะมีอำนาจโดยตรงในการติดตามแกะรอยบัญชีรับจ้าง(บัญชีม้า) รวมถึงมีอำนาจในการตามเส้นทางการเงินของขบวนการแก๊งมิจฉาชีพ เพื่อนำทรัพย์สินกลับมาคืนผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ทุกหน่วยเร่งรัดผลตรวจแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ หากเกิดอุบัติเหตุภายใน 24 ชั่วโมง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมศูนย์อำนวยการจราจรและลดอุบัติเหตุบนท้องถนนช่วงเทศกสงกรานต์ ประจำปี 2567

จนท.ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กว่า 6 พันชิ้น ซุกริมแม่น้ำโขง

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.)และกรมศุลกากร ภายใต้อำนวยการพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรม

ผบก.น.2 ไม่ฟันธงพยานหลักฐานของ 'ทนายตั้ม' เชื่อถือได้หรือไม่

พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 เข้าร่วมประชุมและติดตามความคืบหน้าในคดีฟอกเงินเว็บพนัน BNK Master ของคณะพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน หลังจากที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม นำเอาพยาน

ตร.เตือน 8 สิ่งต้องระวัง ช่วงเทศกาลสงกรานต์ แนะป้องกันตนเองจากภัยอาชญากรรม

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.)

สตช.แถลงผลระดมกวาดล้างอาชญากรรม ยึดอาวุธปืน 4.3 พันกระบอก ป้องกันเหตุช่วงสงกรานต์

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) เป็นประธานแถลงผลการปฏิบัติระดมกวาดล้างอาชญากรรมก่อนช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์