เมีย-ลูก 'หมอบุญ' ขึ้นศาล ปฏิเสธข้อหาเเชร์ลูกโซ่

17 ก.พ. 2568 – ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยในคดีหมายเลขดำ ที่อ.387/2568 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.จิดาภา พุ่มพุฒ , น.ส.ศิวิมล จาดเมือง , นางจารุวรรณ วนาสิน ภรรยาหมอบุญ , นางนลิน วนาสิน ลูกสาวหมอบุญ ,น.ส.อัจจิมา พาณิชเกรียงไกร , นายภาคย์ วัฒนาพร , นางภัทรานิษฐ์ ณ สงขลา , นายธนภูมิ ชนประเสริฐ , นางณวรา กุญชร ณ อยุธยา , น.ส.มาสฤดี คณาพิทักษ์พงศ์ , นายเนติวรรธน์ สุวรรณกูฏ , น.ส.นัญญากรณ์ ธรรมา และน.สชัญญ์ญาณ์ พุฒิพงศ์ชญาห์ จำเลยทั้ง 13 ร่วมกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน

โดยศาลได้อธิบายคำฟ้องของโจทก์ให้จำเลยทั้ง 13 คนฟังว่า นายแพทย์บุญ หรือนายบุญ วนาสิน ผู้ต้องหาที่หลบหนี ได้อาศัยความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับการประกอบอาชีพแพทย์การประกอบธุรกิจ โรงพยาบาลธนบุรี มีกลุ่มธุรกิจให้บริการทางการแพทย์ ธุรกิจการบริการผู้ป่วยและเครื่องมือแพทย์ ธุรกิจโรงพยาบาล ในนามบริษัทธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ(THG) มีโรงพยาบาลในเครือทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดรวมถึงดำเนินกิจการผ่านบริษัทในเครือ กิจการร่วมค้าและโรงพยาบาลที่รับจ้างบริหารและกิจการอื่นๆอีกจำนวนมาก ได้กระทำการระดมเงินทุนจากประชาชนและได้ไปซึ่งเงินและทรัพย์สินจากประชาชนจำนวนมาก ประมาณ 16,000 ล้านบาทเศษ โดยร่วมกับจำเลยที่1-13 และพวกที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้แบ่งหน้าที่กันทำ

ดังนี้ กลุ่มพนักงานบริษัทที่บริหารจัดการระดมเงินกู้ มีจำเลยที่ 1-4 กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง กลุ่มบุคคลในครอบครัวที่ร่วมกันทำสัญญากู้ สัญญาค้ำประกัน จำนำหุ้น จำนองที่ดิน ฯลฯ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในการระดมเงินกู้ มีจำเลยที่ 5-7 และกลุ่มตัวแทนนายหน้าเพื่อจัดการระดมเงินทุน มีจำเลย 8-13 กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง

ระหว่างประมาณต้นเดือน ม.ค.53 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 15 ธ.ค.67 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้ง13 และ นพ.บุญกับพวกที่หลบหนี ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหาย 605 ราย ผ่านช่องทางสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ นำเสนอแผนการลงทุน โครงการทั้งในและต่างประเทศเผยแพร่ทางสื่อหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ คอลัมน์ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล เรื่อง “หมอบุญทุ่ม 1.6หมื่นล้าน รุกธุรกิจเฮลท์แคร์ ไทย-ต่างประเทศ” ทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนหรือให้กู้ยืมเงินเพื่อนำไปทำธุรกิจ 5 โครงการ คือ

1.โครงการสร้างศูนย์มะเร็งตั้งอยู่พื้นที่ 9ไร่ ย่านปิ่นเกล้า งบประมาณ 4 พันล้านบาท 2.โครงการสร้างศูนย์ดูแลสุขภาพเวลเนส เซ็นเตอร์ (Wellness Center) เนื้อที่ 5ไร่เศษ ย่านพระราม3 ติดแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นอาคาร 52 ชั้น งบประมาณ 4,000-5,000ล้านบาท 3.โครงการสร้างโรงพยาบาลที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน3 แห่งๆ ละ ประมาณ 2,000 ล้านบาท 4.โครงการเข้าร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลในประเทศเวียดนาม งบประมาณ4,000-5,000ล้านบาท และ5.โครงการสร้าง medical inteligence ทำหน้าที่บริหารด้านไอทีให้กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อลดต้นทุนและปรับปรุงคุณภาพให้ดียิ่งขึ้นใช้งบประมาณ 1,600ล้านบาท

พร้อมเสนอแผนการระดมเงินทุนในรูปแบบการกู้ยืมเงินจากประชาชนทั่วไป จำนวน 6 แผนการลงทุน ดังนี้ 1 การให้กู้ยืมเงินโดยไม่มีหลักประกัน (Clean Loan) โดยออกเช็คชำระหนี้ และ มีบุคคลอาวัลเช็คและมีผู้ค้ำประกัน (กู้แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน) กำหนดให้ผลตอบแทน ร้อยละ 8.5-15%ต่อปี 2 การให้กู้ยืมเงินโดยอ้างว่าจะนำหุ้น บริษัทธนบุรี เฮลท์ แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มามอบให้ผู้ให้กู้ โอนหุ้นให้ผู้ให้กู้) ให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ7-12 % ต่อปี 3 การให้กู้ยืมเงินโดยอ้างว่าจะนำหุ้น หรือ เช็คมาค้ำประกัน (จำนำหุ้น) หรือตั๋วสัญญาใช้เงินให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 7-12% ต่อปี 4 การให้กู้ยืมเงินโดยมีบุคคลหรือนิติบุคคลมาค้ำประกันให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ8.5-15 % ต่อปี 5 การให้กู้ยืมเงินโดยนำใบหุ้นสามัญของบริษัทธนบุรี เฮลท์ แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) THG มาค้ำประกัน โดยมอบให้ผู้ให้กู้ถือครองไว้ให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ7-12 % ต่อปี และ6 การร่วมลงทุน หุ้นไอพีโอ (IPO) หุ้นที่กำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยอ้างว่าจะมอบหุ้นของบริษัทโรงพยาบาล ธนบุรี บำรุงเมือง จำกัด ให้ผู้ให้กู้ โดยให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 5-8% ต่อปี

การลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนหรือประชาชนจะได้รับเงินคืนหรือผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราร้อยละ7-15 ต่อปี สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึ่งจ่ายได้ การโฆษณาชักชวนประชาชนของจำเลยทั้ง13 ดังกล่าวข้างต้นเป็นความเท็จทั้งสิ้น จำเลยทั้ง13กับพวก ไม่ได้นำเงินที่ได้จาการกู้ยืมเงินไปลงทุน เนื่องจากโครงการต่างๆ ยังไม่มีการเริ่มก่อสร้าง เป็นเพียงแผนการลงทุนที่นำมาหลอกลวงประชาชนทั่วไปเท่านั้น จำเลยทั้ง 13 กับพวก มีเจตนาหลอกลวงประชาชนที่หวังจะได้รับเงินตอบแทนในอัตราสูงให้นำเงินมาให้กู้ยืมเงินหรือลงทุนด้วย ให้อัตราดอกเบี้ยสูงเป็นเครื่องล่อใจ ก่อนนำเงินที่ได้มาจากผู้ร่วมลงทุนรายอื่นๆจ่ายเป็นผลประโยชน์ให้แก่ผู้ร่วมลงทุนรายก่อนๆ ในลักษณะต่อเนื่องกันเป็นแชร์ลูกโซ่ มีผู้เสียหายที่ได้แจ้งความร้องทุกข์ในคดีนี้ 605 คน ร่วมความเสียหาย 16,100,602,806 บาท เหตุเกิดที่แขวงและเขตห้วยขวาง , แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ และหลายจังหวัดทั่วราชอาณาจักร เกี่ยวพันกัน

ชั้นสอบสวน จำเลยทั้ง 13 ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา จากนั้นศาลได้สอบคำให้การจำเลยว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฎว่าจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ หลังจากนั้นศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 24 มี.ค. 2568 ในเวลา 09.00 น.

ส่วนหมอบุญกับพวกอยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีภายใน 15 ปี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลให้ประกัน 'นานา' ตีราคาประกัน 1 ล้าน ห้ามออกนอกประเทศ

โฆษกศาลยุติธรรมเผย ศาลอาญาให้ประกัน "นานา" เเล้ว ตีราคาประกัน 1 ล้านบาทห้ามออกนอกประเทศ ใช้มาตราการคำนึงสิทธิพร้อมคุ้มครองสังคม แต่งตั้งผู้ให้คำปรึกษาในคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมของศาลอาญาเป็นผู้กำกับดูแล

ละเอียดยิบ! เปิดพฤติการณ์ 'นานา ไรบีนา' ฉ้อโกง ยอดเสียหาย 152 ล้าน

เปิดพฤติการณ์ "นานา ไรบีนา" ฝากขังศาลอาญา หลอกลวงทำธุรกิจ ปอศ.ค้านประกันเหตุคดีมีมูลค่าความเสียหายสูง กลัวเจ้าตัวหลบหนี

ศาลรับอุทธรณ์คดี ม.112 ให้ 'ทักษิณ' ยื่นคำแก้อุทธรณ์ภายใน 15 วัน

พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ได้ยื่นคำอุทธรณ์คดี ที่ศาลอาญายกฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

ศาลฟันหนัก! ขัง 11 คน เปิดบัญชีม้า ปั่นเหยื่อโอน 21 ล้าน โดนยาว 14-18 ปี

ศาลลงดาบจำเลยทั้ง 11 ราย คดีบัญชีม้าให้แก๊งหลอกโทรปั่นเหยื่ออ้างเป็นดีเอสไอ มองเป็นขบวนการทำร้ายสังคม-เศรษฐกิจ ย้ำต้องลงโทษแรงเพราะพฤติการณ์ร้ายแรง ไม่สนคำรับสารภาพ สั่งจำคุกตั้งแต่ 14 ถึง 18 ปี พร้อมให้คืนเงินผู้เสียหายกว่า 21 ล้านบาท

ศาลอาญาไฟเขียว อัยการขยายยื่นอุทธรณ์อีก 30 วัน คดี 'ทักษิณ' หมิ่นเบื้องสูง

ศาลอาญาพิจารณาคำร้องขอขยายอุทธรณ์ของพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา8แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายอุทธรณ์จนถึงวันที่ 19 ธันวาคมนี้ เป็นเวลาประมาณ 30 วัน ที่พนักงานอัยการฯมีเวลายื่นอุทธรณ์คดีนี้ได้