"ดีเอสไอ-ป.ป.ส.-กรมโรงงาน"บุกทลายเครือข่ายลักลอบค้าสารเคมีตั้งต้นยาเสพติด! ตรวจยึดกว่า 1.8 ล้านลิตรในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เผยเส้นทางลำเลียงข้ามแดนสู่เมียนมา
20 มิถุนายน 2568 - ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ นายสุวิทย์ สิงห์อยู่ ผอ.ส่วนอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ภาค 6 น.ส.กรรณิการ์ สุทธพจนารักษ์ นักนิติวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ สถาบันนิติวิทยาศาตร์ นายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ว่าที่ ร.ต.ยงยุทธ ภูมิประเทศ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาตร์ภาษีสรรพสามิต กรมสรรพสามิต และ พ.ต.อ.โชคชัย วระศาสตร์ ผกก.2 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 บช.ปส. ร่วมกันแถลงผลการตรวจค้น 5 พื้นที่เป้าหมายในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตรวจยึดสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด กว่า 1,800,000 ลิตร
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.68 ตนได้มอบหมายให้ นางจีระภา ภัทรเรืองชัย ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 6 บูรณาการกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ป.ป.ส.กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมสรรพสามิต กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 1 ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 2 และส่วนกลั่นกรองคดีและการข่าวคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำหมายค้นของศาลอาญาที่ 450-454/2568 เข้าดำเนินการตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย เนื่องมาจากการสืบสวนขยายผลกรณีเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจห้วยยะอุ อ.แม่สอด จ.ตาก ได้ตรวจยึดรถบรรทุกสารเคมีอะซีโตน (Acetone) ซึ่งเป็นสารเคมีควบคุมประเภท 3 ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 ลำดับ 367 บัญชี 5.1 โดยเป็นสารละลาย (สารตั้งต้น : Pre-product) ในการผลิตยาเสพติด จำนวน 80 แกลลอน น้ำหนัก 12,800 กิโลกรัม (12.8 ตัน) เมื่อวันที่ 19 - 20 ก.ย.67 ที่ผ่านมา ซึ่งกรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ขับรถบรรทุกในความผิดฐาน “มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต” อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าว กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค โดยศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 6 จึงทำการสืบสวนขยายผลเรื่อยมา กระทั่งพบว่ารถบรรทุกที่ตรวจยึดได้นั้น มีการรับสินค้ามาจากโกดังของบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และในพื้นที่แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพฯ ซึ่งซื้อวัตถุอันตรายจากบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เพื่อไปส่งยังท่าข้าม 28 ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลักลอบข้ามแดนไปยังประเทศเมียนมา (พื้นที่เขตอิทธิพลของกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธประชาธิปไตย DKBA)
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวอีกว่า จากกรณีดังกล่าว ดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงกำหนดเป้าหมายเข้าทำการตรวจค้น จำนวน 5 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่อาจมีความเชื่อมโยงกัน และอาจเข้าข่ายกระทำความผิดอาญาเกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออก และครอบครองวัตถุอันตรายที่ต้องควบคุมตามกฎหมาย โดยมิได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่มีอำนาจ
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวต่อว่า ผลการตรวจค้นในจุดที่ 1 ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ต.เสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ พบเป็นสถานที่จัดเก็บและแบ่งบรรจุสารเคมี ตรวจสอบพบเครื่องจักร ปั๊มดูดขนาด 11 แรงม้า 1 เครื่อง, ปั๊มดูดขนาด 8 แรงม้า 1 เครื่อง, ปั๊มดูดเคลื่อนที่ขนาด 10 แรงม้า 1 เครื่อง, วัตถุอันตราย สารโทลูอีน 119,600 ลิตร (119.6 ตัน), สารอะซิโตน 15,200 ลิตร (15.2 ตัน), สารเคมีอันตรายอื่น ๆ อีกหลายรายการ รวม 22,990 ลิตร (22.99 ตัน) พร้อมด้วยเอกสารบัญชีรับเข้า - ส่งออกสารเคมี เอกสารประกอบการส่งออก และบัญชีรายการ Stock สินค้าอีกจำนวนมาก
จุดที่ 2 โกดังสินค้า (5 ล๊อค) ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พบวัตถุอันตราย สารเมทลีน คลอไร (ชนิดที่ 1) จำนวน 1,321 ถัง ถังละ 200 ลิตร รวม 264,200 ลิตร (264.2 ตัน), สารเอทิล อะซิเตด (ชนิดที่ 1) จำนวน 1,885 ถัง ถังละ 200 ลิตร รวม 377,000 ลิตร (377 ตัน), สารอะซิโตน (ชนิดที่ 3) จำนวน 160 ถัง ถังละ 200 ลิตร รวม 32,000 ลิตร (32 ตัน), สารไตร คลอโร เอททีลีน (ชนิดที่ 3) จำนวน 142 ถัง ถังละ 200 ลิตร รวม 28,400 ลิตร (28.4ตัน) นอกจากนี้ ยังพบสารละลายไฮโดคาร์บอน (โซเว้น) White oil จำนวน 530,445 ลิตร Cylene 28,900 ลิตร รวมสารละลายทั้งสิ้น 559,345 ลิตร (559.345 ตัน)
จุดที่ 3 สำนักงานและโกดังสินค้า แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร พบวัตถุอันตราย สารอะซิโตน (ชนิดที่ 3) จำนวน 57,100ลิตร (57 ตัน) และสารเคมีต้องสงสัย 88 ถังขนาด (ประมาณ 17,600 ลิตร) และพบเอกสารทางการเงินและบัญชีที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอาญาเกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออก และครอบครองวัตถุอันตรายโดยมิได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่มีอำนาจ ส่วนจุดที่ 4 และจุดที่ 5 พบเอกสารบัญชีที่อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ดังนั้น รวมสารเคมีที่ตรวจพบทั้งสิ้นกว่า 1.8 ล้านลิตร หรือกว่า 1,800 ตัน
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวด้วยว่า จากการตรวจค้นจุดที่ 1-3 ผู้ประกอบการไม่สามารถแสดงใบอนุญาตครอบครองวัตถุอันตรายตามบัญชี 5.1 ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งสารบางชนิดเป็นสารเคมีวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายพ.ศ. 2556 บัญชี 5.1 รายชื่อสารควบคุม ซึ่งการผลิต นำเข้า ส่งออก การนำผ่าน และมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายดังกล่าวต้องขออนุญาตกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ก่อนดำเนินการ หากไม่ขออนุญาตจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ประกอบกับสารเคมีบางชนิด อยู่ในบัญชีรายชื่อสารเคมีแนบท้ายประกาศกระทรวงยุติธรรม เรื่อง กำหนดชื่อสารเคมีพื้นที่ควบคุม และหน้าที่ของผู้ทำธุรกรรมภายใต้มาตรการป้องกันการลักลอบนำสารเคมี วัสดุ หรือเครื่องมือ บางประเภทไปใช้ผลิตยาเสพติด พ.ศ. 2559 บัญชี 2 ด้วย เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันทำการยึดอายัดพร้อมเก็บตัวอย่างสารเคมีและวัตถุต้องสงสัยเพื่อนำไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์และดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายแห่ง พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ประกาศกระทรวงยุติธรรม เรื่อง กำหนดชื่อสารเคมี พื้นที่ควบคุม และหน้าที่ของผู้ทำธุรกรรมภายใต้มาตรการป้องกันการลักลอบนำสารเคมี วัสดุ หรือเครื่องมือบางประเภทไปใช้ผลิตยาเสพติด พ.ศ. 2559 และ พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ. 2560 อย่างเคร่งครัด หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวเข้าลักษณะการประกาศฉบับที่ 8 ซึ่งเป็นลักษณะคดีที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สามารถใช้อำนาจอนุมัติรับให้เป็นคดีพิเศษได้เอง โดยไม่ต้องผ่านการนำเสนอเรื่องเข้าบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อจะได้ดำเนินคดีในส่วนของผู้เกี่ยวข้องต่อไป
ด้าน นายสุนทร กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างผลตรวจพิสูจน์วัตถุอันตราย หากเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ไม่ว่าจะเป็นการผลิตหรือการครอบครอง นำเข้า ส่งออกก็ตามจะต้องได้รับใบอนุญาตก่อน อีกทั้งสารเหล่านี้จะต้องมีการขอขึ้นทะเบียน อย่างไรก็ตาม การครอบครองสารที่ต้องขึ้นทะเบียน จะมีความผิดอย่างน้อย 3 ข้อ เนื่องจากเราพบว่ามีการแบ่งบรรจุ ไม่ได้ขึ้นทะเบียน และครอบครองของที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ทั้งหมดมีโทษสูงสุดจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท และอีกกรณีที่มีการแบ่งบรรจุสารเคมีนั้น มันอยู่ในประเภทชนิดของโรงงาน ภายใต้กฎหมายว่าด้วยโรงงาน ซึ่งในส่วนนี้ยังไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน จึงจะมีความผิด 2 ข้อหา คือ ตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทั้ง 2 ข้อหาดังกล่าวมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท
ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.ยงยุทธ กล่าวถึงอัตราภาษีในส่วนของกรมสรรพสามิตว่า ภายหลังจากที่กรมสรรพสามิตได้เข้าร่วมตรวจสอบโกดัง มี 1 จุด คือ บริเวณ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ตรวจพบสารและได้ตัวอย่างเก็บมาตรวจพิสูจน์ 7 ชนิดที่ห้องแล็บของกรมสรรพสามิต พบสารน้ำมันหล่อลื่น และลักษณะคล้ายน้ำมันตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตฯ และอีกชนิด คือ สารละลายไฮโดรคาร์บอน และเนื่องด้วยโกดังไม่ได้มีการขออนุญาตหรือการขอมีไว้ในความครอบครอง ทำให้สินค้าทั้ง 2 ตัวนี้ ต้องมีการเสียภาษีของสรรพสามิต ซึ่งพบในส่วนของสารน้ำมันหล่อลื่น ประมาณ 400,000 ลิตร และสารละลายไฮโดรคาร์บอน ประมาณ 30,000 ลิตร ซึ่งอัตราภาษีของกรมสรรพสามิต มี 2 พิกัด โดยน้ำมันหล่อลื่นมีอัตราภาษีลิตรละ 5 บาท ในการที่จะคำนวณภาษี ส่วนสารละลายไฮโดรคาร์บอน มีอัตราภาษี 6.50 บาท ต่อลิตร ทั้งนี้ อัตราภาษีทั้งสองตัว เมื่อคิดตามอัตราภาษีกรมสามิตจะอยู่ที่ 2.4 ล้านบาทเศษ และตามกฏหมายสรรพสามิตจะมีอัตราโทษปรับ หากมีไว้เพื่อขายหรือจำหน่ายสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษีสรรพสามิต จะมีอัตราโทษ 5-15 เท่า ส่วนเรื่องการเปรียบเทียบปรับ ผู้กระทำความผิดสามารถขอให้ทางดีเอสไอ เพื่อดำเนินการเปรียบเทียบปรับและระงับคดีได้
ส่วน น.ส.กรรณิการ์ กล่าวว่า ในการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจุดที่ 1 เราพบว่าบริษัทแห่งนี้มีการแบ่งรูปแบบการดำเนินการ โดยเป็นการรับจ่ายตัวสารเคมีประเภทต่าง ๆ โดยมีการติดตั้งแทงค์บรรจุสารเคมีเอาไว้ทั้งหมด 16 แทงค์ แต่ละแทงค์บรรจุสารเคมีได้ประมาณ 50,000 ลิตร มีทั้งสารที่เป็นสารเคมีที่เป็นสารตั้งต้นของการผลิตสารเสพติดได้ด้วย ซึ่งก็คือ อะซิโตน เมทานอล และโทลูอีน นอกจากนี้ ยังพบสมุดบันทึกจดรับ-ส่ง-จ่าย จะมีรายละเอียดของรถนำส่งที่มารับสารไป ซึ่งรถดังกล่าวไม่ตรงกับบัญชีของผู้ครอบครองของบริษัท และภายในโกดัง ยังพบว่ามีการบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นถังขนาด 200 ลิตร บรรจุสารเคมีประเภทต่าง ๆ มีทั้งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีเเพกเกจ และดำเนินการบรรจุแบ่งเพื่อจำหน่ายเอง ทั้งนี้ ยังพบอุปกรณ์ครบทั้งตัวซีล ฝา ตัวกรอง ตัวชั่ง สำหรับแบ่งบรรจุ
น.ส.กรรณิการ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบประเภทของสารเคมี ที่แบ่งแยกเป็นถัง 200 ลิตรดังกล่าว เพราะพบว่ามีสารบางตัวที่ไม่ตรงกับแทงค์ที่มีการบรรจุ แต่เป็นสารที่เป็นชนิดของสารตั้งต้น และเป็นสารละลาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิตยาเสพติดได้
ขณะที่ นายสุวิทย์ กล่าวถึงตัวละครในสถานที่โกดังทั้ง 5 จุด ว่า สำหรับพื้นที่เป้าหมายทั้ง 5 จุด จะมีผู้เกี่ยวข้อง 2 กลุ่ม คือ ผู้ที่ขายให้กับเคสหลัก และเป็นคำซักทอดว่าผู้ขายนี้ไปรับมาจากบริษัทนี้ ลักษณะเหมือนคู่ค้ากันทั่วไป ที่มีการสั่งซื้อกันปกติ แต่ความสัมพันธ์เชิงลึก เรื่องเส้นทางการติดต่อหรือเส้นทางการเงิน อยู่ระหว่างขยายผลสอบสวน ซึ่งแต่ละคนมีการทำหน้าที่แตกต่างกันไป สารเคมีตัวดังกล่าวได้มีการจำหน่ายให้กับคนอื่นด้วย แต่การสั่งซื้อสารเคมีวัตถุอันตรายเหล่านี้ มันจะต้องมีการขออนุญาตจากหลายหน่วย ไม่ว่าจะเป็นกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือการครอบครองไว้นั้น ก็ต้องได้รับอนุญาตจากกรมสรรพสามิตด้วย ตอนนี้ความเชื่อมโยงของแต่ละบริษัท เรายังไม่พบ จึงต้องสืบสวนต่อไปก่อน ส่วนกรณีที่มีการสวมชื่อคนตายมาสั่งซื้อนั้น เราพบว่ามีการสวมชื่อคนตาย 1 ราย ระยะเวลา 5 ปี.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดีเอสไอเผยคืบหน้าคดีคุกวีไอพี อธิบดีราชทัณฑ์ ยันขรก.ทุจริตต้องถูกลงโทษ
"ดีเอสไอ" เร่งสอบเส้นทางเงินผู้ต้องขังชาวจีน พร้อมเรียกเจ้าหน้าที่และอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้ปากคำครบทุกฝ่าย
ท่วมหนักซ่อนยา! รวบ 'ไข่นุ้ย' หนีน้ำขนยาบ้าเข้าบ้าน
ตำรวจ-ปปส.บุกบ้านหมู่ 8 ไทยบุรี ท่าศาลา รวบผู้ต้องสงสัยค้ายารายใหญ่ หลังลำเลียงยาบ้า 38,750 เม็ดหนีน้ำท่วมมาซ่อนไว้ในบ้าน ก่อนพบซุกแนบเนียนในกระป๋องคอลลาเจนหลายใบ
กก.ดส. บุกจับคู่รักขายหัวจ่าย 'พอตซอมบี้' ยึดของกลางเพียบ
ชุดปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) นำโดย พ.ต.ต.ยศชนินทร์ ประเสริฐโสภา สว.กก.ดส.บช.น. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชปส.ดส. ร่วมกับ เจ้าพนักงาน ป.ป.ส.กทม.
รมว.ยุติธรรม เผยเจ้าหน้าที่อึดอัดพฤติกรรมอดีต ผบ.คุกพิเศษกรุงเทพ
รมว.ยุติธรรม เผยข้าราชการในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ-กรมราชทัณฑ์ สุดอึดอัดกับพฤติกรรมของ “อดีตผบ.มานพ” แย้ม ดีเอสไอเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน
จ่อฟันซ้ำ! 'ผบ.คุก - 19 ผู้คุม' พักราชการ-ให้ออกไว้ก่อน
'โฆษกกรมราชทัณฑ์' เผยอีก 1-2 วันนี้ เตรียมเปลี่ยนแปลงคำสั่ง 'ผบ.เรือนจำฯ-จนท.' รวม 20 ราย ส่อ 'พักราชการ-ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ขณะที่ 'ดีเอสไอ' ลุยสอบปากคำเก็บหลักฐานมัดผิด
รมว.ยุติธรรม ตั้งดีเอสไอ ร่วมสืบสวนคดีคุก VIP เอื้อนักโทษจีนเทา มีนางแบบจีนส่งถึงที่
"รมว.ยุติธรรม" ลั่นไม่ปล่อยผ่าน ผู้คุมเรือนจำพิเศษเอื้อประโยชน์จีนเทา พบหลักฐานชัดผู้คุม 7 นายพานางแบบจีน 2 คนเข้า “ห้องดัดแปลง” กลางวันแสกๆ เผยสามารถกู้ภาพวงจรปิดได้บางส่วนหลังถูกมือมืดลบข้อมูล จับภาพนักโทษจีนเทาเดินเพ่นพ่านในพื้นที่ต้องห้าม ส่วนผู้ต้องขังจีนเทา 2 รายถูกย้ายทันที เผยพรุ่งนี้เตรียมบุกเข้าเรือนจำตรวจข้อเท็จจริง


