นรข.ยึดกัญชาแห้ง 200 กก. ตามแผนยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง ชื่นชมทางการลาวสกัดจับยาบ้าเกือบ 100 ล้านเม็ด คาดเป้าหมายปลายทางฝั่งไทย
8 ก.พ.2565 – สืบเนื่อง จังหวัดนครพนมได้จัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภายใต้”ยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง” เพื่อเป็นกรอบแนวทางให้กับหน่วยงานทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร รวมถึงภาคีองค์กรเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ บูรณาการร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เกิดผลเป็นรูปธรรม อันเป็นการสร้างความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครพนม สนองตอบต่อนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งก็ได้มีการดำเนินตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวครอบคลุมทั้งมิติด้านป้องกัน ปราบปราม บำบัดรักษา และการบริหารจัดการ ฯลฯ
โดยบริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พล.ร.ต.สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (ผบ.นรข.) พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (ผบก.ภ.จว.ฯ) พ.อ.ปราโมทย์ เนียมสำเภา รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 8 (รอง ผบ.ร.8) กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี (กกล.ฯ) พ.อ.จักริน จิตคติ รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนครพนม (รอง ผอ.กรอ.รมน.ฯ) /รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 (รอง ผบ.มทบ.210) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวผลการดำเนินงานในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
พล.ร.ต.สมบัติ จูถนอม ผบ.นรข. เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่านับตั้งแต่ส่งเจ้าหน้าที่ชุดมวลชนสัมพันธ์เข้าไปทำเข้าใจและชี้ถึงพิษภัยของยาเสพติดให้กับประชาชนหลายพื้นที่ จึงมีผู้หันมาร่วมมือชี้เบาะแสกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับทางกระทรวงยุติธรรมตั้งรางวัลสินบนนำจับแก่ผู้ชี้เบาะแส จนนำไปสู่การยึดทรัพย์ จึงขอร่วมเป็นสายข่าวคอยสอดส่องความผิดปกติตามลำแม่น้ำโขง และแจ้งข่าวการเคลื่อนไหวของขบวนการค้าสิ่งผิดกฎหมายข้ามชาติอยู่เนืองๆ
ผบ.นรข.กล่าวต่อว่าล่าสุดประชาชนในพื้นที่แจ้งเตือนมายัง บก.นรข. ว่า จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร จึงได้สั่งการให้ น.อ.พรภิรมย์ ยศบุญ ผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง เขตนครพนม (ผบ.นรข.เขตนครพนม) จัดกำลังพลชุดปฏิบัติการพิเศษสถานีเรือนครพนม(สน.เรือฯ) บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการนี้อย่างใกล้ชิด
กระทั่งวันที่ 5 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 18.00 น. ขณะชุดปฏิบัติการลาดตระเวนตามจุดเฝ้าระวังอยู่นั้น ชาวบ้านในพื้นที่บ้านเชียงยืนหมู่ 4 ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน แจ้งว่ามีเรือกีบท้ายติดเครื่องยนต์(เรือหาปลาท้องถิ่น) แล่นมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านจำนวน 2 ลำ มีพิรุธน่าสงสัยเพราะเมื่อเรือทั้ง 2 ลำ แล่นเข้ามาถึงเขตฝั่งไทย ได้แยกไปมุ่งหน้าขึ้นทางทิศเหนือ 1 ลำ และลงทางทิศใต้อีก 1 ลำ คาดว่าอาจจะมีการลำเลียงสิ่งของผิดกฎหมายมาส่งในพื้นที่ดังกล่าว
หน่วยทำลายใต้น้ำจู่โจม บก.นรข. จึงเข้าพิสูจน์ตรงเป้าหมายของผู้ชี้เบาะแส ทราบว่าเรือหาปลาทั้งสองลำได้แล่นกลับไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านแล้ว พบสิ่งของต้องสงสัยวางกองไว้ที่บริเวณบันไดเขื่อมริมแม่น้ำโขงบ้านเชียงยืนหมู่ 4 ต.เวินพระบาท จึงซุ่มเฝ้าตามยุทธวิธีจนถึงเวลา 20.30 น. ก็ไม่พบผู้ที่จะลงมาแบกขนสิ่งของดังกล่าว จึงเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ที่ถูกโยนกองไว้ริมท่ากระจัดกระจายทั่วบริเวณ ลักษณะคล้ายบรรจุภัณฑ์ของยาเสพติด
โดยจุดแรกพบจำนวน 2 กระสอบ ขณะที่จุดสองพบอีก 3 กระสอบ จึงนำไปตรวจสอบยัง บก.นรข. ภายในบรรจุกัญชาแห้งอัดแท่งห่อด้วยกระดาษฟอยล์สีทอง จำนวน 200 แท่ง/กิโลกรัม เมื่อเปิดออกดูพบกัญชาถูกบีบอัดจนแน่นที่มีใบและก้านเป็นส่วนใหญ่ คาดหากลอดเล็ดไปได้ขบวนการค้ายาเสพติดสามารถนำเข้าถึงพื้นที่ชั้นใน ก็จะกระจายสู่ตลาดนักพี้สายเขียว โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวและสถานบันเทิง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่าช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา สปป.ลาว มิตรประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดของไทย สามารถจับกุมยาบ้าล็อตใหญ่จำนวน 36 ล้านเม็ด ซึ่งเมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้ก็จับกุมยาบ้าได้ถึง 55 ล้านเม็ด นอกจากนี้ยังมียาไอซ์ 590 กิโลกรัม เฮโรอินอีกจำนวนหนึ่ง ถือว่าเป็นการจับกุมยาเสพติดครั้งใหญ่ที่สุดใน สปป.ลาว จากการคาดการณ์เบื้องต้นยาบ้าล็อตนี้น่าจะผลิตในรัฐฉานของเมียนมา ก่อนจะลักลอบขนส่งเข้าประเทศลาว ซึ่งในระยะหลังถูกใช้เป็นทางผ่านเพื่อลักลอบเข้าประเทศไทย เนื่องจากนโยบายชายแดนของไทย มีการเฝ้าระวังเข้มงวด โดยนายเจเรมี ดักลาส ผู้แทนระดับภาคของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ระบุว่ายาบ้าล็อตมหาศาลนี้มีปลายทางมาจำหน่ายในฝั่งไทย ส่วนไอซ์น่าจะมีเป้าหมายลักลอบไปขายที่ออสเตรเลียซึ่งเป็นตลาดมูลค่าสูงกว่า
โดยในระยะหลังเจ้าหน้าที่พบว่ามียาเสพติดทะลักเข้าไทยและหลายประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้ราคายาเสพติดถูกลง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการรัฐประหารในเมียนมา ทำให้มีคนจำนวนหนึ่งหันเข้าสู่วงจรยาเสพติดเพื่อสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจากธุรกิจนี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชั่วโมงเดียวพายุฤดูร้อน ถล่มบ้านพังเกือบ 400 หลัง
เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านเรือนของชาวบ้าน ในพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ท่าอุเทน,โพนสวรรค์ และ อ.ศรีสงคราม ตั้งแต่ช่วงเย็น
สงกรานต์นครพนม แห่ขอพรพญานาค
นครพนมสุดคึกคัก สงกรานต์แห่ขอพรพญานาค ถนนข้าวปุ้นอุโมงค์น้ำคึกคัก อากาศร้อนแตะ 40 องศาฯ ในเมืองเล่นสงกรานต์เที่ยงคืน
นครพนม ระทึกกลางวงเวียน ไฟปริศนาไหม้รถขนฟาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ อ.นาหว้า จ.นครพนม เกิดเหตุระทึก มีรถยนต์กระบะ ต่อพ่วงเป็นรถลาก บรรทุกฟางอัดก้อนจนล้น พอขับถึงวงเวียน
'อนุทิน' จ่อถอดเทป 'เศรษฐา' จ้อสื่อนอก ลั่น 'กัญชาเสรี' อยู่ในนโยบายรัฐบาล
'อนุทิน' ยัน 'กัญชา' มีประโยชน์ทางการแพทย์-เศรษฐกิจ บรรจุในนโยบายรัฐบาลแล้ว หลังนายกฯ ระบุจะนำกลับบัญชียาเสพติด ชี้หากเปลี่ยนแปลงต้องแก้กฎหมายหลายตัว เยียวยาผู้ทำถูกต้อง
หนึ่งปีมีครั้ง รับจ้างล้างฮวงซุ้ย เทศกาลเช็งเม้ง ไหว้สุสานบรรพบุรุษ
คณะกรรมการสมาคมพ่อค้าจังหวัดนครพนม ได้จัดเตรียมทำความสะอาดฮวงซุ้ย ด้วยการตัดหญัา และปรับภูมิทัศน์สถานที่ เพื่อเตรียมพร้อมในการจัดงานเช็งเม้ง ระหว่างวันที่ 20 มี.ค.-5 เม.ย.67 โดยได้เริ่มมีการทำความสะอาดหลุมฝังศพ คนไทยเชื้อสายจีนกันแล้ว ทำให้บรรยากาศทั่วไปภายในพื้นที่สุสานคึกคักขึ้นมาทันที
หายปริศนากว่า 1 เดือน ญาติบุกทวงถามคดี 'เสี่ยบ่อนไก่' ไม่คืบหน้า หลังพบจอดรถทิ้งริมโขง
นายสำราญ สมหวัง อายุ 74 ปี พร้อมญาติพี่น้องเดินทาง สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ตำบลนาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อทวงถามความคืบหน้าคดีดังกล่าวต่อ พล.ต.ต.ภานุเดช ณ พัทลุง ผบก.ภ.จว.ชุมพร เกี่ยวกับคดีที่ นายขนบ สมหวัง อายุ 56 ปี หรือ “นายหัวสมาร์ท” น้องชายและเป็นเจ้าของสนามชนไก่