11 ก.พ.2565 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านทองเยาวราชหลานแม่กิมกี่ ตั้งอยู่บริเวณตลาดคิวรถเล็กในเขตเทศบาลเมืองนางรอง อ.นางรอง หลังจาก น.ส.เปรมยุดา กำเพ็ชรภักจิรวานิชย์ หรือเจ๊อ้อ อายุ 45 ปี เจ้าของร้านทองดังกล่าว ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.เฉลิมชัย เณรธรณี รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.นางรอง ว่า มีคนร้ายสวมเสื้อแขนยาวสีดำ เกงเกงขายาวสีดำ อายุประมาณ 20 – 25 ปี ใส่แมสสีดำ และสวมวิกผมปลอมเพื่อปิดบังอำพรางตัวตน ทำทีเข้ามาหลอกซื้อทองคำที่ร้านน้ำหนัก 200 บาท โดยอ้างเจ้านายหรือเถ้าแก่ให้มาซื้อ เพื่อจะนำไปแจกลูกน้องในช่วงเทศกาล ก่อนทำทีโอนเงินเข้าบัญชีของร้าน จำนวน 5.8 ล้านบาท
แต่เจ้าของร้านไหวพริบดี ได้โทรไปตรวจที่ธนาคาร เพื่อตรวจสอบว่ามีเงินเข้าบัญชีจริงหรือไม่ ซึ่งทางธนาคารก็แจ้งกลับมาว่ามียอดเงิน 5.8 ล้านบาท โอนเข้าจริง จึงได้ส่งลูกน้องไปที่ธนาคารเพื่อจะทำการเบิกถอนเงินจำนวนดังกล่าว แต่ทางธนาคารบอกว่าไม่สามารถเบิกถอนได้ เนื่องจากเงินที่โอนเข้ามาถูกดึงกลับไปแล้ว จึงเริ่มเอะใจว่าชายคนดังกล่าวน่าจะเป็นแก๊ง 18 มงกุฎมาหลอกซื้อทองตามร้าน จึงได้แจ้งกับคนร้ายไปว่ารอให้ลูกน้องถอนเงินเรียบร้อยก่อนแล้วจะมอบทองให้ แต่เหมือนว่าคนร้ายจะรู้ตัวว่าทางร้านรู้ทัน จู่ๆ คนร้ายก็รีบเดินออกจากร้านทองไปทันที ก่อนจะไปขึ้นรถเก๋งที่จอดไว้แถวสนามเด็กเล่นใกล้กับคิวรถ
จากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายใช้รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีขาว รุ่น HRV ทะเบียน ฌย-391 กรุงเทพมหานคร แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจสอบทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าวพบว่า เป็นทะเบียนนของรถคันอื่น คนร้ายนำมาสวมใส่กับรถยนต์ที่ใช้ในการประกอบเหตุ กระทั่งมาทราบภายหลังว่าคนร้าย คนเดียวกันนี้ ได้ไปก่อเหตุหลอกซื้อทองคำที่ จ.หนองคาย ได้สำเร็จ โดยได้ทองคำไป 100 บาท และหลบหนีไปอย่างลอยนวล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เจ้าของร้านทองเยาวราชหลานแม่กิมกี่เจ๊อ้อ บอกว่า ถึงแม้ที่ร้านของตนเองคนร้ายจะก่อเหตุไม่สำเร็จ แต่ถือว่ามีเจตนาจะฉ้อโกงทางร้าน ด้วยการหลอกซื้อทอง อ้างว่าจะโอนเงินเข้าบัญชีแต่ไม่สามารถเบิกถอนได้ จึงได้แจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี จะได้ไม่ไปก่อเหตุกับร้านอื่นอีก เชื่อว่าน่าจะทำเป็นแก๊งเพราะก่อนหน้านี้มีผู้ชายอีกคน ที่อ้างว่าเป็นเถ้าแก่เป็นคนโทรมาติดต่อซื้อทอง ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะมาซื้อทองที่ร้าน ซึ่งหากใครพบเห็นชายคนดังกล่าวก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทุกท้องที่.
![]()
![]()
![]()
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บุรีรัมย์'จัดใหญ่ใส่เต็ม 3บิ๊กอีเว้นต์กีฬาระดับโลก 'มาราธอน-โมโตจีพี-รอบเทสต์'ฤดู2026
การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วยภาคเอกชน ผนึกกำลังจัดการประชุมเตรียมความพร้อมมหกรรมกีฬาสุดยิ่งใหญ่ประจำปี 2569 ได้แก่ “บุรีรัมย์ มาราธอน 2026” ฉลองครบรอบ 10 ปี และรุกหนักแผนรับมือ “พรี-ซีซั่นเทสต์และสนามเปิดฤดูกาล” ต่อเนื่องปีที่ 2 “โมโตจีพี รายการ พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์ 2026” เพื่อวางรากฐานการบริหารจัดการอย่างเต็มระบบ รองรับคลื่นนักวิ่ง-แฟนความเร็วนับแสนสู่ 3 บิ๊กอีเว้นต์ระดับโลก
ร่าง 'จ่าเริง' วีรบุรุษทหารกล้า เนิน 350 ปราสาทตาควาย ถึงบ้านเกิดบุรีรัมย์
ครอบครัว ญาติพี่น้องรับร่าง จ.ส.อ.สำเริง คลังประโคน วีรบุรุษทหารกล้า เนิน 350 ปราสาทตาควาย กลับสู่บ้านเกิด ในหลวง–พระราชินี พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เตรียมพระราชทานเพลิงศพ 24 ธ.ค.นี้ ณ วัด ห้วยปอ ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ แม่เผย สุดเศร้าหลังจากนี้จะไม่ได้เห็นหน้าลูกอีกแล้ว หากชาติหน้ามีจริงขอให้เกิดเป็นลูกแม่อีก
ร่าง 'จ่าเริง' ถึงมาตุภูมิพรุ่งนี้ ภรรยาเผยนำศพลงมาไม่ได้ เพราะสามีสัญญาไว้ต้องยึดเนิน 350 ให้ได้ก่อน
แม่จ่าเริง ทหารพลีชีพเนิน 350 ภูมิใจทหารทุกนายที่ทำสำเร็จได้เนิน 350 คนมา ขอให้รบชนะแบบเบ็ดเสร็จโดยเร็ง และให้ประเทศไทยมีแต่ความสงบสุขหลังจากนี้ ผู้ว่าฯเผยการเตรียมจัดงานพร้อมทุกอย่างแล้ว ร่างมาถึงพรุ่งนี้
ครอบครัว 'จ่าเริง' ทหารกล้า ทำใจแล้วนำร่างกลับยาก ติดบนเนิน 350 นาน 4 วันแล้ว
แม่และพี่สาวจ่าเริง นักรบพลีชีพรับสภาพได้แล้วว่าการนำร่างกลับมายากลำบากเพราะอยู่ในสนามรบ ระบุจ่าเริงคงอยากให้ทางบ้านทำใจได้ก่อนจึงจะกลับมา ตอนนี้ภูมิใจที่คนทั้งประเทศแห่ให้กำลังใจ ร่างจะมาตอนไหนขึ้นอยู่กับโอกาส เห็นใจเจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนัก
เสียงปืนเขมรเบาลงครั้งแรกในช่วง 12 วันสู้รบ พบลูกจรวดเกลื่อนไร่ยางพารา
เสียงปืนฝั่งเขมรหยุดลงครั้งแรกในรอบ 12 วัน จนท.เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ พบลูกจรวดปืนใหญ่ตกใส่ไร่ยางพาราเป็นจำนวนมาก มีทั้งแตกและไม่แตก ระบุเขมรหันกระบอกปืนมาทางพลเรือนของไทย
ไฟแนนซ์โทรทวงค่างวดผู้อพยพ-ชรบ.ชายแดน ต้องหายืมเงินไปจ่าย โอดสู้รบยืดเยื้อ
การสู้รบระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 12 แล้ว และยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าการสู้รบจะจบลงวันไหน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

