ทหารพราน กลับจากชายแดนใต้ ยิงรัว 5 นัดใส่พ่อเลี้ยงวัย 37 ปีดับคาบ้าน

8 พ.ย.2564 - ร.ต.อ.บรรจบ กุมวิมล รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งยิงกันตายที่บ้านเลขที่ 107/2 ตำบลบ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาณุเดช ณ พัทลุง รอง ผบก.ภ.จ.ชุมพร พ.ต.ท.สมภพ เชื้อทอง รอง ผกก.ป.สภ.เมืองชุมพร พ.ต.ท.ชนะภัย บุญนาค สวป. ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพร

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวอยู่ริมถนนคอนกรีตในหมู่บ้าน พื้นที่ใกล้เขตติดต่อกับ จ.ระนอง ภายในบ้านใกล้กับประตูทางเข้าพบศพทราบชื่อคือ นายนิรัช ปัจฉิมมา อายุ 37 ปี สภาพศพไม่ใส่เสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นลายขาวดำนอนหงายอยู่บนกองเลือด ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่แก้มซ้าย 1 นัด ลำตัว 2 นัด ขาซ้าย 1 นัด และขาขวา 1 นัด รวม 5 นัด ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุน ขนาด 9 มม.ตกอยู่ 5 ปลอก เจ้าหน้าที่เก็บไว้เป็นหลักฐาน

เจ้าหน้าที่สอบถาม นางกาญจนา ขุนภิรมย์ อายุ 50 ปี ภรรยาผู้ตาย ในสภาพมื้อเท้าเปื้อนเลือดให้การเบื้องต้นว่า คนร้ายที่ลงมือยิงนายนิรัชสามีตนไม่ใช้ใครที่ไหนคือลูกชายแท้ๆของตนเอง ชื่อ นายชนม์ชนก ฤตชนม์ อายุ 32 ปี เป็นทหารพรานปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนใต้ และเป็นลูกเลี้ยงของผู้ตาย หลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์กระบะมิตซูบิ ตอนครึ่ง สีขาว ไม่ติดแผ่นป้านทะเบียนหลบหนีไปแล้ว

นางกาญจนา กล่าวว่าลูกชายตนเป็นทหารพรานอยู่ชายแดนใต้ประมาณ 7-8 ปี แล้ว นาน ๆจะกลับบ้าน ส่วนผู้ตายเพิ่งจะมาอยู่กินกับตนได้ 8 เดือน ทุกครั้งที่ลูกชายตนกลับบ้านก็เห็นลูกชายพูดคุยกันด้วยดีกับพ่อเลี้ยง แต่ลูกชายตนจะเรียกพ่อเลี้ยงว่า “บ่าว” ทางใต้ความหมายคือพี่ชายนั่นเอง ก่อนเกิดเหตุลูกชายลากลับบ้านจากชายแดนใต้ เมื่อสองวันที่ผ่านมา โดยลูกชายไปนอนพักที่โรงแรมในตัวเมืองชุมพรและบ้านแฟนสาว

นางกาญจนา กล่าวต่อว่าตอนเช้าตนได้พาสามีคือผู้ตายไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ที่โรงพยาบาลท่าแซะ ช่วงบ้ายก็กลับบ้านและมาพบลูกชายซึ่งมาหาที่บ้าน แต่ลูกชายมีอาการแปลกๆได้ซื้อมาลัยดอกไม้มาให้ตนแล้วบอกว่าจะเอามากราบขอขมาแม่และเห็นมือไม้ลูกชายสั่นๆ ตนก็ถามกลับไปว่ายังไม่ได้กลับแล้วเอาดอกไม้มาขอขมาทำไม แต่ลูกชายก็ไม่พูดอะไร จากนั้นลูกชายได้ชวนตนไปกินอาหารและก๋วยเตี๋ยวถ้าพิสูจน์ ในตัวเมืองชุมพร โดยตนได้พาสามีคือพ่อเลี้ยงและหลานไปด้วย ลูกชายตนก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร และยังจ่ายเงิน 500 บาท เลี้ยงพวกตนด้วย

นางกาญจนา กล่าวว่า เมื่อกลับมาจากกินอาหารในตัวเมืองชุมพร ลูกชายก็ขับรถยนต์เข้ามาจอดข้างบ้านแล้วยกต้นไม้ในกระบะหลังลง ส่วนสามีตนเดินเข้าไปเปลี่ยนผ้าในบ้าน และตนเดินเข้าไปในสวนข้างบ้าน จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังรัวถี่ยิบ เมื่อตนวิ่งมาดูพบว่าสามีตนถูกลูกชายยิงล้มลงกองกับพื้นปูนในบ้านแล้วตนเข้าไปกอดสามีและก็ถามลูกชายว่าทำไม่ต้องทำแบบนี้ ลูกชายตนก็บอกว่าแม่อย่าแจ้งความน่ะ แล้วลูกชายก็ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังจากนั้นตนก็โทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจดังกล่าว

ขณะที่ นางภาวิณี ปัจฉิมมา อายุ 59 ปี แม่ของนายนิรัช ปัจฉิมมา ผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาจาก อ.ท่าแซะ มาดูศพลูกชายกล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าลูกชายไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด ที่โรงพยาบาลท่าแซะ และยังมาหาตนที่บ้าน จากนั้นไม่นานมีเสียงคล้ายลูกเลี้ยงโทรมาหาเรียกชื่อว่า “บ่าวๆ” ให้กลับมาบ้านด่วน แล้วลูกชายตนก็รีบกลับไปที่บ้านหลังเกิดเหตุ จากนั้นผ่านไปราว 2 ชั่วโมง ก็มีคนโทรมาแจ้งว่าลูกชายตนถูกยิงตายแล้ว ในช่วง 7-8 เดือนที่ลูกชายมาอยู่กับเมียคนนี้ ตนรู้สึกไม่ดีเลยเพราะลูกมีปัญหาและกลับมาบ้านหลายครั้ง แต่ลูกชายไม่เคยบอกว่ามีปัญหาอะไรกัน ตนก็แค่บอกลูกชายว่ายังไงก็ขอให้กลับมาบ้านเรา เพราะตนมีสวนทุเรียน มีสวนยางพารา ฐานะไม่ได้ลำบากอะไรเลย จนมาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

ด้าน นางสาวชญนิษา ปัจฉิมมา อายุ 40 ปี พี่สาวผู้ตายกล่าวว่าน้องชายตนเลิกกับภรรยาเก่าที่มีลูกชายด้วยกัน 1 คน อายุ 9 ขวบ แล้วหนีมาอยู่กับเมียใหม่คนนี้ ซึ่งเป็นแม่หม้าย ช่วง 8 เดือน น้องชายตนโทรมาปรึกษาปัญหาตลอดว่ามีปัญหากับภรรยาใหม่และกลับมาอยู่บ้านที่ อ.ท่าแซะ หลายครั้ง แต่ภรรยาใหม่ก็โทรมาง้อจนน้องชายตนใจอ่อนกลับไปหาทุกครั้ง และเท่าที่ทราบก่อเหตุไม่อยากมีพ่อเลี้ยง ไม่ต้องการให้แม่ของตนเองมีสามีใหม่ จนมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าช่วงเย็นวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจดชุดสืบสวนเมืองชุมพรพร้อมด้วย ตำรวจสายตรวจ 191 และตำรวจจราจร สภ.สวี จ.ชุมพร นำกำลังร่วมกันสกัดจับกุมตัว นายชนม์ชนก ฤตชนม์ อายุ 32 ปี ได้บนถนนสาย 4003 มุ่งหน้าเข้าอำเภอสวี ห่างจากถนนสายเอเชีย 41 ประมาณ 100 เมตร และห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 กิโลเมตร ตรวจค้นภายในรถพบอาวุธปืน ชนิดแมกกาซีน ขนาด 9 มม. สีดำ 1 กระบอก วางอยู่บนเบาะนั่งข้างคนขับ ภายในแมกกาซีนบรรจุกระสุนอยู่ 5 นัด ที่นั่งผู้โดยสารเบาะหลังมีเสื้อทหารพราน ระบุหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพราน สังกัดกรมทหารพรานที่ 45 วางอยู่ 1 ตัว และบนที่วางเท้าพบแผ่นป้ายทะเบียน หมายเลข บร 5004 ชุมพร จำนวน 2 แผ่น วางอยู่ที่พักเท้าหลังคนขับ จึงตรวจยึดไว้เป็น

นายชนม์ชนก บอกว่าตนเองเป็นทหารพรานอยู่ที่จังหวัดนราธิวาสได้ลาพัก 10 วัน หลังจากก่อเหตุยิงพ่อเลี้ยงได้ขับรถยนต์หลบหนีมุ่งหน้าลงใต้บนถนนเอเซีย 41 จนมาถูกสกัดจับได้ดังกล่าว ส่วนสาเหตุนายชนม์ชนก พูดบอกว่าเนื่องจากแม่ได้ออกจากคุกและได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว และบ้านตรงข้ามได้มั่วสุมเสพยาเสพติดแจ้งเพื่อนให้เข้าไปจับแล้วไม่มีผลอะไรก็ยังมั่วสุมกันอยู่จึงก่อเหตุยิงดังกล่าว และพูดจาแบบวกวนเหมือนคนเลอะเลือน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเมืองชุมพรได้นำตัวผู้ก่อเหตุส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพรเพื่อสอบสวนเพิ่มเติมถึงสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สลด! พบศพสองพี่น้อง ถูกฆาตกรรมหมกบ่อน้ำหน้าบ้าน

พ.ต.ท.ภัคดี ตันอนุกูล สว.(สอบสวน)สภ.หลังสวน จ.ชุมพร ได้รับแจ้งมีศพถูกฆาตกรรม 2 ศพทิ้งอยู่ในบ่อน้ำหน้าบ้านที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 10 ตำบลนาพญา อ.หลังสวน จึงรายงาน พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ รอง ผบก.ภ.จว

'เจ๊อ้วน' ขอโทษยอมรับกรรม! บอกผ่านลูกกรง ห้ามญาติประกันตัว-ไม่อุทธรณ์

ความคืบหน้ากรณีตำรวจจับกุม นางวันเพ็ญ ธัญญาพงศ์พานิช อายุ 62 ปี หรือ “เจ๊อ้วน” จ้างวาน นายสมชัย รัตนะ อายุ 62 ปี กับพวกอุ้มฆ่า นายขนบ สมหวัง อายุ 65 ปี หรือ “โกหมาด”

ของดีชุมพร กล้วยหอมถ้ำสิงห์ตีตลาดญี่ปุ่น ผลิตไม่ทันส่งออก

ชุมพร กล้วยหอมทองถ้ำสิงห์ ผลิตไม่ทันส่งออกขายญีปุ่นสัปดาห์ละเกือบ 10 ตัน เกษตรจังหวัดส่งเสริม เพาะหน่อเนื้อเยื่อพันธุ์ดีเพิ่มผลผลิต

หายปริศนากว่า 1 เดือน ญาติบุกทวงถามคดี 'เสี่ยบ่อนไก่' ไม่คืบหน้า หลังพบจอดรถทิ้งริมโขง

นายสำราญ สมหวัง อายุ 74 ปี พร้อมญาติพี่น้องเดินทาง สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร ตำบลนาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อทวงถามความคืบหน้าคดีดังกล่าวต่อ พล.ต.ต.ภานุเดช ณ พัทลุง ผบก.ภ.จว.ชุมพร เกี่ยวกับคดีที่ นายขนบ สมหวัง อายุ 56 ปี หรือ “นายหัวสมาร์ท” น้องชายและเป็นเจ้าของสนามชนไก่