จับพ่อค้ายาบ้า อ้างต้องเลี้ยงเมีย 2 คน

17 ต.ค. 2565 – ผู้สื่อข่าวรายงานจังหวัดนครศรีธรรมราชรายงานว่า ช่วงเย็นวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา ที่ห้องประขุม สภ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช นายวีระพรรณ สุขะวัลลิ นายอำเภอนาบอน พ.ต.อ.ชัยภัทร ศรีเรือง ผกก.สภ.นาบอน และ พ.ต.ท.วีระศักดิ์ คงเพชร ผบ.ร้อย ตชด. 417 นายสันติ บำรุงภักดิ์ กำนัน ต.ทุ่งสง อ.นาบอน นายสมฟหมาย ช่วยชูจิตร ผู้ใหญ่บานหมู่ 5 ต.แก้วแสน อ.นาบอน ได้ร่วมกันแถลงข่าวการบุกตรวตค้นจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่ ได้ผู้ต้องหา 1 คน ทราบชื่อนายพิชิต พรหมทอง หรือ “ชิต นาบอน” อาศัยอยู่ใน ต.ทุ่งสง อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 40,000 เม็ด รถยนต์กระบะ 1 คัน ยี่ห้อ อิซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บธ.-7695 ตรัง โดยผู้มีต้องหาร่วมแก๊งหนีรอดไปได้ 1 คน ทราบชื่อนายเกียรติศักดิ์ หรือ เพิ้ง (ขอสงวนนามสกุล) สามารถหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอขอหมายจับจากศาลจังหวัดท่งสง เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้ประชุมเจ้าหน้าที่เพื่อประกาศวาระจังหวัดนครศรีธรรมราชในการทำสงครามกับยาเสพติด เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่านายวีระพรรณ สุขะวัลลิ นายอำเภอนาบอน ได้บูรณาการร่วมกับตำรวจภูธร สภ.นาบอน ตำรวจตระเวนชายแดน ร้อย ตชด.ที่ 417 สนธิกำลังติดตามสอบสวนสืบสวนติดตามจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดที่เชื่อมโยงระหว่างจังหวัดนครศรีธรรมราชกับ จ.สุราษฏร์ธานี โดยจะรับยาบ้ามาจากเอเยนต์ใหญ่ครั้งละนับลานเม็ด ก่อนกระจายไปตามจุดต่างๆ ใน จ.นครศรีธรรมราช และสุราษฏร์ธานี ซึ่งทราบแน่ชัดว่าเอเยนต์ใหญ่ในพื้นที่คือนายเกียรติศักดิ์ หรือ”เพิ้ง”และนายพิชิต พรหมทอง หรือ “ชิต นาบอน” อาศัยอยู่ใน ต.ทุ่งสง อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช และมีจุดรับและพักยาเสพติดในพื้นที่ ต.แก้วแสน และ จ.ทุ่งสง อ.นาบอน จึงมอบหมายให้นายสันติ บำรุงภักดิ์ กำนัน ต.ทุ่งสง อ.นาบอน นายสมหมาย ช่วยชูจิตร ผู้ใหญ่บานหมู่ 5 ต.แกวแสน อ.นาบอน จากนั้นได้สนธิกำลังตำรวจภูธร สภ.นาบอน ตำรวจตระเวนชายแดนร้อย ตชด.ที่ 417 และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเข้าทำการปิดล้อมบ้านเป้าหมาย และจับกุมนายพิชิต หรือชิต ได้พร้อมของกลางยาบ้า 40,000 เม็ด ในขณะที่นายเกียรติศักดิ์ หรือเพิ้ง หลบหนีไปได้

ทางด้าน พ.ต.อ.ชัยภัทร ศรีเรือง กล่าวว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเสนอขอหมายจับกุมนายเกียรติศักดิ์ ผู้ต้องหาที่หลบหนีคาดว่าจะสามารถเสนอขอหมายจับกุมได้ภายในวันสองวันนี้ ในขณะที่ พ.ต.ท.วีระศักดิ์ คงเพชร กล่าวเสริมว่าแก๊งค้ายาแก๊งนี้ถือว่าเป็นารายใหญ่ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช และสุราษฏร์ธานี มีการลำเลียงยาบ้ามาวางตามจุดต่าง ๆ ในพื้นที่ครั้งละหลายล้านเม็ดอย่างแน่นอน หากประชาชนทราบเบาะแสของนายเกียรติศักดิ์ หรือแก๊งค้ายาเสพติดขอให้แจ้งเจ้าหนาที่ตำรวจ เจ้าหนาที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่เพื่อเจ้าหน้าที่จะเข้าไปติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดทันที

จากการสอบสวนนายพิชิต หรือชิต ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และยืนยันว่าเป็นผู้คนรับจ้างส่งยาบ้าให้กับเอเยนต์รายย่อยตามจุดต่างๆ ได้ค่าจ้างครั้งและ 10,000 -40,000 บาทเท่านั้น เจ้าของยาบ้าคือนายเกียรติศักดิ์ หรือเพิ้ง นอกจากนี้นายพิชิต หรือชิต ยังให้การรับสารภาพว่าตามปกติตนมีอาชีพรับจ้างกรีดยาง รายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย และไม่มีงานการทำงานอื่นทำเป็นหลักแหล่ง และตนมีภาระต้องหาเลี้ยงดูเมียรักถึง 2 คน เพราะเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งไปได้เมียใหม่ 1 คนในพื้นที่ จ.สตูล จึงตัดสินใจหันมาร่วมแก๊งค้ายาเสพติดเพื่อหาเงินเมียเลี้ยงดูเมียรัก 2 คน และเพื่อสะดวกในการรับส่งยาบ้าให้กับลูกค้าในแต่ละพื้นที่ เพิ่งไปซื้อรถยนต์กระบะมือ 2 มา 1 คัน จนกระทั่งมาถูกบุกจับกุมตัวได้พร้อมของกลาง 40,000 เม็ดดังกล่าว โดยหากตำรวจสามารถตามจับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือเพิ้ง เอเยนต์ใหญ่ตัวจริงได้น่าจะได้ของกลางเพิ่มเติมอีกนับลานเม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามยึดทรัพย์นายพิชิต ในเบื้องต้นสามารถยึดรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อิซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บธ.-7695 ตรัง 1 คัน ซึ่งจะสืบสวนติดตามยึดทรัพย์เพิ่มเติมต่อไป

สำหรับเบื้องหลังจากการจับกุมและยึดยาบ้า 40,000 เม็ด ในครั้งนี้ นายสันติ บำรุงภักดิ์ กำนัน ต.ทุ่งสง อ.นาบอน ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างดีเยี่ยม แม้นายเกียรติศักดิ์ หรือเพิ้ง ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีจะเป็นหลานแท้ๆ ของตัวเองก็ตาม ซึ่งก่อนหน้านี้บิดาของนายเกียรติศักดิ์ ได้นำเรื่องราวของนายเกียรติ หรือเพิ้ง ที่เสพยาเสพติดและหันมาตั้งตัวเป็นเอเยนต์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ จนบิดาของนายเกียรติศักดิ์ รับไม่ได้ประกาศว่าหากนายเกียรติศักดิ์ ลูกชายไม่หยุดพฤติกรรมค้ายา จะยิงลูกชายให้ตายด้วยมือของตัวเอง จนนายเกียรติศักดิ์ ลูกชายต้องหลบหนีออกจากบ้าน จึงขอให้นายสันติ บำรุงภักดิ์ กำนัน ต.ท่งสง ซึ่งเป็นอาแท้ๆ ช่วยประสานนายอำเภอนาบอน และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวข้องให้เร่งสอบสวนติดตามจับกุมนายเกียรติศักดิ์ ลูกชายและเครือข่ายค้ายาโดยเร่งด่วน พร้อมให้ข้อมูลเบาะแสอย่างละเอียด โดยบิดาของนายเกียรติศักดิ์ และนายสันติ บำรุงภักดิ์ ยืนยันว่าแม้จะเป็นลูกเป็นหลานแท้ๆ แต่การมีพฤติกรรมค้ายาเสพติดถือว่าเป็นบ่อนทำลายลูกหลาน ทำลายสังคมและชาติบ้านเมืองรับไม่ได้เด็ดขาด ซึ่งหากนายเกียรติศักดิ์ ต่อสู้ขัดขวางตนและบิดาของนายเกียรติศักดิ์ หรือเพิ้ง หลานทาสยานรกก็พร้อมให้เจ้าหน้าที่จับตายได้ทันที โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่างชื่นชมยกย่องนายสันติ บำรุงภักดิ์ และบิดาของนายเกียรติศักดิ์ เป็นอย่างมาก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' สั่ง ศธ.เร่งแก้ไขปัญหาเด็กหลุดระบบการศึกษา

นายกฯ ประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงฯ ย้ำเดินหน้าแก้ไขปัญหาเด็กหลุดระบบการศึกษา ช่วยกันปลูกฝังให้เกลียดชังยาเสพติด แนะแบ่งเงินรางวัลนำจับเป็น 2 ส่วน เพื่อสร้างแรงจูงใจการทำงานของเจ้าหน้าที่

ป.ป.ส.ออกบัตร 'ผู้ช่วย' ให้ทหารกวาดล้างยาเสพติด ดีเดย์ 12 มีนาปีหน้า

ที่ทำเนียบนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการร่วมแถลงตรวจยึดยาบ้าเกือบ 3 ล้านเม็ด ที่ จ.มุกดาหาร ว่า

บุรีรัมย์ จับยาบ้าโลโก้ใหม่กว่าแสนเม็ด ระบาดแนวชายแดน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ พ.ต.อ.ก้องชาติ เลี้ยงสมทรัพย์ รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ รับผิดชอบด้านยาเสพติด มอบหมายให้ พ.ต.ท.วิชาญ กระจ่างโพธิ์ รอง ผก

นายกฯนิด ตะลอนทัวร์ ไปเชียงรายให้กำลังใจตำรวจจับยาบ้า

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางตรวจราชการพื้นที่ จ.เชียงราย และ จ.สระแก้ว ระหว่างวันที่ 12-14 ก.ค. โดย มี สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย คือ น.ส.ปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช และ น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ให้การต้อนรับ

เจ้าหน้าที่ตำรวจปะทะแก๊งค้ายาเสพติด ดับ 1 เจ็บ 1

ฝ่ายปกครองอำเภอเชียงดาว บูรณาการหน่วยเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่เสริมปฎิบัติการ หลังเมื่อคืนวันที่ 11 ก.ค. เวลา 22:00 น. เกิดเหตุยิงกันระหว่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาหวาย

กองทัพภาคที่ 4 ชี้แจงปม 3 ทหารใช้ปืนแบลงค์กันยิงข่มขู่นักมวย พร้อมสอบเอาผิดวินัย-อาญา

กองทัพภาคที่ 4 ชี้แจงกรณี 3 ทหารกราดยิง 20 นัดข่มขู่นักมวยขณะวิ่งออกกำลังกายริมถนน-ยึดปืนปืนแบลงค์กันของกลางพร้อมตั้ง กก.สอบเอาผิดทั้งวินัยและอาญา