เคลื่อนไหวแล้ว ! 'เทศบาลสมุทรปราการ' เคลียร์ปม ดราม่า ตลาดท้ายบ้าน

8 พ.ค.2566- กรณีที่สังคมออนไลน์วิพากษ์ วิจารณ์ ตลาดท้ายบ้าน จังหวัดสมุทรปราการ ว่าสร้างเสร็จมาหลายเดือน แต่กลับไม่มีผู้เช่า เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ ล่าสุด 8 เมษายน 2566 ที่ ตลาดเชิงท่องเที่ยว ศูนย์กลางการจำหน่ายผลผลิตทางการประมง และผลผลิตทางการเกษตร ถนนท้ายบ้าน อ.เมือง สมุทรปราการ หรือ ตลาดท้ายบ้าน นายสิทธิชัย เกสรสิทธิ์ ปลัดเทศบาลนครสมุทรปราการ และนายสรวิศ เต่าทอง รองนายกเทศมนตรีนครสมุทรปราการ ได้ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงข้างต้น

นายสิทธิชัย ระบุว่า ตลาดดังกล่าวสร้างเสร็จแล้ว การก่อสร้างเรียบร้อย ได้มาตรฐาน ผ่านการตรวจรับตามขั้นตอน แต่ยังไม่ได้เปิดให้บริการประชาชน เนื่องจากผู้เข้ามาบริหารตลาด เราต้องการผู้ที่มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินการ ทำให้ตลาด มีชื่อเสียง เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ที่ให้ความสำคัญ กับคนสมุทรปราการ คนไทยจากพื้นที่อื่นๆ ไปจนถึงชาวต่างชาติ นี่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ของจังหวัด เราต้องเปิดให้บริการ แล้วมีงบไว้พัฒนาพื้นที่ ส่วนคนค้าขายในตลาดต้องมีกำไร ที่สำคัญ ประชาชน ยังได้ซื้อสินค้า ในราคาที่คุ้มค่า ไม่รู้สึกว่าถูกเอารัดเอาเปรียบ นี่ต้องไม่ใช่โครงการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ กลับกัน จะเป็นโครงการที่ส่วนรวม ต้องได้ประโยชน์ นี่คือเป้าหมายของเรา นอกจากนั้น ยังมีรายละเอียดในการเช่าพื้นที่ จะต้องมีขั้นตอนและเรื่องอื่นที่ต้องคำนึงถึง อีกมาก เช่น การวางเงิน ทำสัญญา การตกแต่งเพิ่มเติม การประกันร้านค้า เป็นต้น

“ที่สำคัญอีกหนึ่งเรื่อง คือ ขณะนี้ เรากำลังรวบรวมรายชื่อร้านค้าของคนในจังหวัดสมุทรปราการ ที่มีความประสงค์ มาจัดจำหน่ายสินค้า เพื่อที่เราจะได้ นำไปเป็นข้อมูล ให้ผู้บริหารตลาด ซึ่งอยู่ระหว่างการเฟ้นหา ได้ใช้เป็นข้อมูลว่า จะต้องสำรองที่ ไว้เท่าไร อย่าลืมว่า ตลาดที่สร้างขึ้น เราไม่ได้มุ่งเน้น แค่เรื่องหากำไร แต่ต้องสร้างงาน ให้คนปากน้ำด้วย นี่คือเรื่องที่ต้องคำนึงถึง”

ดังนั้น ผู้ที่จะมาบริหารตลาด ต้องมีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ ซึ่งจะเข้ามาผ่านวิธีการที่โปร่งใส ถูกต้อง ขณะนี้ เราทยอยนำข้อมูล และเงื่อนไขต่างๆ มาร่าง TOR เพื่อเฟ้นหาผู้จัดการตลาด ผ่านวิธีการประมูลแล้ว นี่ไม่ใช่กระบวนการที่ล่าช้า กลับกัน ยังเป็นความรอบคอบ เพราะอย่าลืมว่า หากเราร่าง TOR ไม่ละเอียดพอ แล้วได้ผู้ชนะประมูล เข้ามาจัดการตลาด โดยไร้ความสามารถ จะส่งผลเสียกับ ผู้ค้า ประชาชน วัตถุประสงค์ที่วางไว้ ไม่มีวันสำเร็จ คนสมุทรปราการ อาจจะไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มเม็ด เต็มหน่วย งบหลายร้อยล้านบาทที่ลงทุนไป จะได้ผลลัพธ์กลับมาแล้วไม่คุ้มค่า และการจะแก้ไขเรื่องต่างๆ หลังจากนั้น จะสายเกินไป ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจว่า เรา เทศบาลสมุทรปราการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องการให้ประชาชนได้สิ่งที่ดีที่สุด ขอรับรองว่า เมื่อตลาดท้ายบ้านเปิดให้บริการแล้วที่นี่จะเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญในจังหวัดสมุทรปราการ ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างมหาศาล และยังเป็นความภาคภูมิใจของชาวปากน้ำ เป็นตลาดที่ดำเนินการอย่างมั่นคง สร้างความสุขใจ ให้คนไทย

“กราบเรียนพี่น้องประชาชน ว่าเราไม่ได้ล่าช้าเลย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามีความตระหนักอยู่ตลอด เรื่องการเปิดใช้งานตลาด แต่เราเกรงว่า หากร่าง TOR ที่ไม่ละเอียด รอบคอบ ได้ผู้ประมูล ที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีศักยภาพ ผลลัพธ์ที่ตามมาจะแย่ยิ่งกว่า อาจจะสร้างความเสียหายยิ่งกว่า แล้วจะกลับไปแก้ไขได้อย่างยากลำบาก”

ด้านนายสรวิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในอนาคตใกล้ จะมีการประกาศ TOR ให้ผู้สนใจเข้าประมูลการเป็นผู้บริหารตลาด ได้รับทราบ ระหว่างนี้ ผู้ที่มีความสนใจสามารถแจ้งความประสงค์เข้าสำรวจพื้นที่ได้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อหาทางใช้ พื้นที่ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ของตลาด ได้แก่ ต้องเป็นตลาดที่ ดึงดูดลูกค้าชาวสมุทรปราการ ดึงดูดลูกค้าชาวไทยจากพื้นที่อื่นๆ และดึงดูด ชาวต่างชาติ โดยต้องมีพื้นที่สำหรับกิจกรรมเด็ก ไปจนถึงการจัดงานประเพณีของชาวสมุทรปราการ

“ขอย้ำว่า การเปิดประมูล ต้องทำอย่างถูกต้อง และเมื่อได้ผู้ชนะการประมูลบริหารตลาด ข้อมูล และข้อเสนอในการบริหารจัดการพื้นที่ตลาดเชิงท่องเที่ยวต่างๆใน TOR ทางเทศบาลฯจะนำมารวบรวม และดำเนินการจัดทำร่างสัญญาเช่า ผ่านการหารือกับสำนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ และพร้อมที่จะส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบ เพื่อประกาศผู้ชนะอย่างเป็นทางการต่อไป”

โครงการตลาดเชิงท่องเที่ยว ศูนย์กลางการจำหน่ายผลผลิตทางการประมง และศูนย์ส่งเสริมพัฒนาเศรษฐกิจ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นการจัดทำบริการสาธารณะร่วมกันระหว่าง เทศบาลนครสมุทรปราการ กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ในที่ดินของเทศบาลนครสมุทรปราการ เนื้อที่รวม 24 ไร่ 8.9 ตารางวา เป็นเงินงบประมาณ 768,543,453.03 บาท แบ่งเป็นงบประทาณเทศบาลนครสมุทรปราการ 518,543,453.03 บาท และ งบประมาณองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ 250,000,000 บาท.