ชาวกระบุรีเดือดร้อนหนัก เหมืองแร่ฝั่งพม่าปล่อยน้ำสีขุ่น ผลกระทบรุนแรงยืดเยื้อ 4 ปี

ชาวบ้านริมแม่น้ำกระบุรีเดือดร้อนหนัก เหมืองแร่ฝั่งพม่าปล่อยน้ำพิษอาบแล้วคัน-สัตว์น้ำหาย-การท่องเที่ยวสูญ จี้หน่วยงานรัฐประท้วงทางการหม่อง

26 พ.ค.2566 - ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชายบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำกระบุรี อ.กระบุรี จ.ระนอง ว่าไม่สามารถใช้น้ำในแม่น้ำกระบุรีซึ่งกั้นพรมแดนระหว่างไทย-พม่าได้ได้เนื่องจากมีการทำเหมืองในฝั่งประเทศพม่าทำให้น้ำขุ่นและคัน ริมตลิ่งตื้นเขิน สัตว์น้ำทยอยหายไปจากลำน้ำ เป็นปัญหายืดเยื้อยาวนานมาเกือบ 4 ปี

ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า เหมืองดังกล่าวน่าจะเป็นเหมืองดีบุกหรือทองคำ อยู่ในพื้นที่ประเทศเมียนมาห่างจากชายแดนไทย 19 กิโลเมตร แต่เนื่องจากต้นแม่น้ำกระบุรีอยู่ในเมียนมา เมื่อมีการปล่อยน้ำจากเหมืองทำให้น้ำขุ่นทั้งปี ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านคือใช้น้ำแล้วมีอาการคันตามร่างกาย และทุกชุมชนริมแม่น้ำกระบุรีใช้น้ำประปาสูบจากแม่น้ำในการบริโภคอุปโภคจึงได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า

ชาวบ้านกล่าวว่า เคยทำหนังสือยื่นให้กับนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปากจั่น ไปแล้วให้ช่วยดำเนินการเอกสารส่งไปหน่วยงานราชการระดับจังหวัดว่าชาวบ้านได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองในประเทศเมียนมา แต่ทุกวันนี้สถานการณ์ยังย่ำแย่เหมือนเดิม

“ความช่วยเหลือที่ต้องการเร่งด่วนคืออยากให้น้ำขุ่นน้อยลงหรือใสไปเลย ตอนนี้ชาวบ้านไม่กล้าใช้น้ำ ไม่เฉพาะคนที่ได้รับผลกระทบ สัตว์น้ำบางชนิดน้อยลงมาก เช่น หอย กุ้ง ลดลงเยอะใน 4 ปีที่ผ่านมานี้” ชาวบ้านกล่าว

ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงบริเวณชายแดน จ.ระนอง กล่าวว่า ช่วงนี้รัฐบาลทหารพม่ามีปัญหาภายในเพราะต้องต่อสู้กับฝ่ายต่อต้านและกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ ทำให้ความเดือดร้อนของชาวบ้านริมแม่น้ำกระบุรี ทางชุมชนไม่สามารถไปพูดคุยอะไรได้เลย ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านได้ร้องเรียนเพราะอยากให้หน่วยงานรัฐของไทยไปคุยกับทางการพม่า แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดรับเป็นเจ้าภาพ

ด้านนายพีระ ประสงค์เวช ชาวบ้านริมแม่น้ำกระบุรี ผู้กล่าวว่า ตนได้รับความเดือดร้อนจากการทำเหมืองในประเทศเมียนมา เพราะส่งผลกระทบกับชาวบ้านทุกกลุ่มตั้งแต่ผู้ใช้น้ำไปจนถึงเกษตรกร ส่วนการท่องเที่ยวก็ต้องปิดตัวชั่วคราวเพราะน้ำขุ่นเป็นโคลน

“พวกเราต้องการให้หน่วยงานรัฐทำหนังสือยื่นประท้วงไปยังทางการพม่า เนื่องจากชุมชนเคยยื่นไปเองแต่ทางพม่าไม่ให้ความสำคัญแค่รับเรื่องเท่านั้น ทั้งๆที่ปัญหานี้เกิดมาเกือบ 4 ปีแล้ว เขาคิดว่าเราเป็นกลุ่มคนเล็กๆ แต่จริงๆแล้วคนใน 3 อำเภอ คือ กระบุรี ละอุ่น และอำเภอเมือง ต่างได้รับผลกระทบ แม้บางพื้นที่ยังไม่ส่งผลกระทบชัดเจนแต่ก็เป็นแม่น้ำสายเดียวกัน ในขณะที่ อ.กระบุรี ไปจนถึงคอคอดกระ ส่งผลชัดเจนแล้ว ทั้งปัญหาน้ำขุ่น สัตว์น้ำสูญหาย พืชน้ำตาย ริมตลิ่งตื้นเขินมีโคลน เราเคยร้องเรียนซึ่งหน้ากับผู้ว่าราชการ จ.ระนอง เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2563 จนเดี๋ยวนี้ผู้ว่าฯ เกษียณอายุราชการแล้ว แต่ปัญหาก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข”นายพีระ กล่าว

นายพีระกล่าวว่า ตนได้เข้าประชุมเอาปัญหานี้ไปพูดตลอดจนมีคนแนะนำให้ทำเป็นเอกสารยื่นกับองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) เมื่อ 1 ก.พ.2566 ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ยังเงียบสนิท แถมยังบอกด้วยว่าเพราะพม่ามีปัญหาการเมืองภายในประเทศจึงทำให้เข้าไม่ได้ แม้ช่วงที่ไม่มีสงครามบริเวณเหมืองก็ห้ามบุคคลภายนอกเข้า มีทหารพม่าคอยตรวจค้นตัวว่าพกกล้องถ่ายรูปเข้าไปหรือไม่

“แต่เท่าที่ทราบจากเพื่อนที่เป็นชาวพม่า คือในเหมืองมีการขนเครื่องจักรหนักเข้าไป มีแบ็คโฮ 8 คัน สิบล้ออีก 10 คัน นี่เป็นข้อมูลเมื่อปี 2564 คนเมียนมาเองก็เดือดร้อนเขาต้องใช้น้ำอาบจากแม่น้ำสายนี้แต่เขาไม่รู้จะร้องเรียนที่ไหน อาบแล้วก็คันต้องจำใจ” นายพีระ กล่าว

ทั้งนี้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านหาดจิก ได้ทำหนังสือถึงนางนฤมล บุญช่วย นายก อบต.ปากจั่น ลงวันที่ 1 ก.พ.2566 โดยระบุว่า เนื่องด้วยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มล่องแพลำน้ำกระบุรีและชาวบ้านบ้านหาดจิก หมู่ที่ 5 อาศัยอยู่ริมแม่น้ำกระบุรีและพื้นที่ข้างเคียงได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ฝั่งประเทศเมียนมา กระทบความเป็นอยู่ในการนำน้ำในแม่น้ำกระบุรีมาใช้ประโยชน์ สัตว์น้ำ เช่น กุ้ง ที่สามารถทำรายได้ให้กับชาวบ้านมีจำนวนลดลงมาก น้ำในแม่น้ำมีสีขุ่นตะกอนดินหนาแน่น แม่น้ำตื้นเขิน ระบบนิเวศเสียหาย ขอความอนุเคราะห์จากหน่วยงานท้องถิ่นแจ้งเรื่องผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ของฝั่งพม่าที่มีผลกระทบต่อการดำรงชีพของชาวบ้านบ้านหาดจิกหมู่ 5

หลังจากที่ชาวบ้านร้องเรียนไป นางนฤมล นายก อบต.ปากจั่น ได้ลงนามแล้วส่งให้กองช่างดำเนินการ ต่อมา วันที่ 10 ก.พ.2566 ทางกองช่าง อบต.ปากจั่น ได้ทำหนังสือเชิญ 7 หน่วยงาน ได้แก่ ท้องถิ่นจังหวัดระนอง, นายอำเภอกระบุรี, ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ระนอง, สาธารณสุขจังหวัดระนอง, ผู้กำกับการ สภ.ปากจั่น, หัวหน้าชุดหน่วยปฏิบัติกิจการพลเรือน กองกำลังเทพสตรีที่ 402 และประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านหาดจิก เพื่อเชิญหารือและบรรเทาความาเดือดร้อน อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ความเดือดร้อนของชาวบ้านลุ่มน้ำกระบุรี ยังคงไม่ได้รับการแก้ไขบรรเทา

 

 

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ปานปรีย์' นำคณะเฉพาะกิจฯมาถึงแม่สอด ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ (รมว.) กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และประธานกรรมการเฉพาะกิจเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย (มท.)

'หมอมิ้ง' เผยนายกฯ ยกเลิกไปแม่สอด มอบ 'ปานปรีย์' ลงพื้นที่แทน

น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ในเมียนมา บริเวณชายแดนไทยว่า ในฐานะรัฐบาล เรากำหนดจุดยืนชัดเจนว่า 1.การสู้รบกันระหว่างทหารพม่าและกองกำลังติดอาวุธ จะไม่ให้มีการล้ำเข้ามาในดินแดนประเทศไทย

ทอ. เตรียมส่ง UAV สนับสนุนรักษาความปลอดภัยแนวชายแดน อ.แม่สอด

เพจ กองทัพอากาศไทย Royal Thai Air Force ได้เผยแพร่ภาพ และข้อมูลว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนด้านตรงข้าม อ. แม่สอด จว.ตาก กองทัพอากาศ โดยศูนย์ยุทธการทางอากาศ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพอากาศ

'เศรษฐา' เตรียมบินไปแม่สอด 23 เม.ย. หลังปะทะเดือดใกล้ชายแดนเมียนมา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ทวิตข้อความผ่าน x ว่า “จากสถานการณ์การปะทะกันบริเวณสะพานมิตรภาพ 2 ฝั่งเมียนมา

หมู่เกาะสุรินทร์คึกคัก ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก่อนปิดฤดูกาลท่องเที่ยว 15 พ.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศของการท่องเที่ยวทางทะเลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ต.เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลวันสงกรานต์ปีนี้ มีบรรดานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ แห่เล่นน้ำสงกรานต์ ถนนข้าวดอกข่า เขาหลัก จ.พังงา

ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่บริเวณ หนองมูลตะกั่ว ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงานายกลวัชร ทรัพย์ส่งสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ร่วมทำพิธีรดน้ำขอพร เนื่องในวันสงกรานต์ ก่อนฉีดโฟมเปิดอุโมงค์น้ำในงานประเพณีสงกรานต์ ถนนข้าวดอกข่า เ