รวบ 'บอย ดอนขี้เหล็ก' ก่อคดีโชกโชน ลักทรัพย์ เสพยา ใช้แบงก์ปลอมซื้อของยายตาบอด

กองปราบแกะรอยตามจับ "บอยดอนขี้เหล็ก" ประวัติร้ายก่อคดีซ้ำๆไม่เข็ดหลาบทั้งลักทรัพย์เสพยาเคยติดคุกมาก่อน ใจดำสุดๆเคยใช้แบงก์พันปลอมหลอกซื้อของยายอายุ 68 ปีตาบอด ถึง 2,000 บาท หลังถูกจับยังขอให้พ่อช่วยประกันตัว

23 ม.ค.2567 - ตำรวจกองปราบ กองกำกับการ6 กองบังคับการปราบปราม ชุดปฏิบัติการ 1 (ตรัง-สตูล) นำโดย พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป พ.ต.ท.สวรรยา เอียดตรง สว.กก.6 บก.ป. และ ร.ต.อ.อนุวัฒน์ ณ ปัตตานี รอง สว.ฯ ปรก.กก.6 บก.ป. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. ลงพื้นที่ไปติดตามจับกุมนายจิราพัชร์ กังสวรณ์ อายุ 28 ปี หรือ "บอย ดอนขี้เหล็ก" มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ในพื้นที่ หมู่ 5 ต.พะวง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา

ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสงขลา ที่ 346/2566 ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2566 ความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”

โดยตำรวจกองปราบตามแกะรอยไปจับกุมได้ถึงสวนปาล์มในพื้นที่ หมู่ 5 ต.ควนกาหลง อ.ควนกาหลง จ.สตูล หลังจากที่สืบทราบว่าหนีกบดานอยู่ในพื้นที่จ.สตูล โดยไปรับจ้างดูแลสวนปาล์มอยู่ในพื้นที่ต.ควนกาหลง จ.สตูล

โดย นายจิราพัชร์ เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่มีประวัติโชกโชนเคยติดคุกและก่อเหตุซ้ำซาก ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2566 ได้ไปขโมยโครงเหล็กหลังคาในพื้นที่สภ.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยขนไปถึง2คันรถกระบะจนถูกออกหมายจับอีกครั้ง และมีภาพจากกล้องวงจรปิดขณะกำลังขนกับรถกระบะออกไป

จากการสอบสวนก็ยอมรับสารภาพโดยอ้างว่าที่ทำไปเนื่องจากไม่พอใจเจ้าของบ้านที่พูดจาดูถูกเหยียดหยามตน จึงได้ชักชวนเพื่อนมาร่วมก่อเหตุลักโครงเหล็กบ้านทั้งหลังแล้วนำไปขาย

นอกจากนี้ยังเคยถูกจับกุมในข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1(เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และมีไว้เพื่อนำออกมาใช้ซึ่งธนบัตรปลอม ซึ่งตนนั้นรู้อยู่แล้วว่าเป็นธนบัตรปลอม”

โดยเฉพาะคดีที่ใช้ธนบัตรปลอมนั้นใจดำมากโดยใช้ธนบัตรปลอมใบละ 1,000 บาท หลอกซื้อของที่ร้านขายของชำของหญิงชราตาบอด อายุ 68 ปี ถึง 2,000 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2564 นายจิราพัชร์ หรือบอยดอนขี้เหล็ก ซึ่งเดิมมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่หมู่ 5 บ้านดอนขี้เหล็ก ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา

โดยใช้ธนบัตรปลอมใบละ 1,000 บาท ไปซื้อของที่ร้านขายของชำของ น.ส.เป๊าะ สายสะอิด อายุ 68 ปี ซึ่งพิการทางสายตาโดยตาขวาบอดสนิทตาซ้ายมองเห็นเลือนลาง และอยู่ตัวคนเดียวไม่มีครอบครัว อาศัยเปิดร้านขายของชำเล็กๆหารายได้ไปวันๆ

ปรากฏว่าได้ถูกชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งทราบภายหลังว่าผู้ชายคือ บอย ดอนขี้เหล็ก นำแบงค์พันปลอมมาหลอกซื้อของวันเดียวถึงสองครั้งซ้อน โดยช่วงเช้ามาซื้อของเป็นเงิน 200 กว่าบาท คุณยายเป๊าะ จึงทอนให้ไป 700 กว่าบาท และครั้งที่สองก็มาอีกในช่วงบ่าย ซื้อของในราคาใกล้เคียงกันและยายเป๊าะ ก็ทอนเงินไป 700 กว่าบาทเหมือนเดิม

ซึ่งตอนคุณยายเป๊าะรับเงินก็ใช้วิธีนำแบงค์พันมาดูใกล้ๆ ก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าเป็นของจริง มารู้อีกทีเพื่อนบ้านมาขอแลกเงินและบอกว่าเป็นแบงค์พันปลอมทั้งสองใบ

คดีนี้ตำรวจสภ.เมืองสงขลา ก็ติดตามจับกุมได้ แต่หลังจากที่พ้นโทษออกมาก็ไม่เข็ดหลาบยังก่อเหตุลักทรัพย์ซ้ำๆอีกหลายคดี สุดท้ายก็ถูกตำรวจกองปราบติดตามจับกุมตัวอีกครั้ง

โดยระหว่างที่ตำรวจกองปราบจับกุมได้ บอย ดอนขี้เหล็ก ยังขอโอกาสให้พากลับไปบ้านเพื่อไปบอกพ่อให้ช่วยไปประกันตัว แต่ว่าที่บ้านไม่พบพ่อมีเพียงญาติ จึงได้ฝากญาติไปช่วยบอกว่าต้องไปประกันตัวให้ได้ ตำรวจจึงควบคุมตัวไปทำบันทึกการจับกุมที่สภ.ควนกาหลง จ.สตูล และส่งตัวกลับไปยังสภ.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ ตามหมายจับเพื่อดำเนินคดีต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เหี้ยม! มือมีดแทง ผอ.โรงเรียนเมืองคอนอนาคตไกลดับคากระบะ

พ.ต.ท.วรรณชัย คงศาลา สวญ.สภ.การะเกด อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุเมื่อ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา ว่าเกิดเหตุแทงกันตายในรถยนต์กระบะในรั้วโรงเรียนอนุบาลสกุลรัตนวิทยา ริมถนนสายการะเกด-หัวไทร ท้องที่หมู่ 8 ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช

รวบสาวใหญ่หนีหมายจับ 19 ปี อีก 5 เดือนหมดอายุ ไม่รอดคดีครอบครองยาเสพติด

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ, พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์

โจรใต้ป่วนหนัก! เผาโรงไฟฟ้าปัตตานี-สงขลา

กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า รายงานว่า เมื่อเวลา 23.3. น. วันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายลอบวางเพลิงเผาโรงไฟฟ้าชีวมวล

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ' 23 พ.ค. เจ้าตัวแย้มจ่อลุยการเมือง

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ เพ็ญแข' ครอบครองอาวุธสงคราม 23 พ.ค.นี้ เจ้าตัวเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม จ่อลุยการเมืองหลังพ้นคดี ชี้ ‘ยิ่งลักษณ์’ ควรได้ความเป็นธรรมเหมือนทุกคน