
เสียงสะท้อนชาวนาบุรีรัมย์ ชี้ได้รับผลกระทบหนัก น้ำมันแพง ทำต้นทุนเพิ่มอื้อ จี้รัฐบาลอย่านิ่งูดายจริงจังแก้ไขปัญหาราคา
2 มิ.ย.2567 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ของราคาน้ำมัน ที่มีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนทุกสาขาอาชีพ และผู้ประกอบการแล้ว ยังได้ส่งผลกระทบต่ออาชีพเกษตรกรชาวนา และชาวนาที่มีรถไถนารับจ้างด้วยเช่นเดียวกัน
โดยที่ ต.สะเดา อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ ชาวนาในหลายตำบล หมู่บ้าน บางส่วนได้ลงมือไถนาหว่านข้าวไปแล้ว และยังมีที่เหลืออีกหลายราย ทั้งที่มีรถไถนาเป็นของตัวเอง และที่ต้องว่าจ้างเพื่อนบ้านที่มีรถไถนาให้มาไถปรับที่นา เพื่อทำการเพาะปลูกข้าวนาปี ในปีการผลิต 2567 นี้ และกำลังได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันแพง ที่ได้มีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะนี้ โดยวันนี้ กลุ่มน้ำมันดีเซลที่ จ.บุรีรัมย์ มีราคาขายหน้าปั้มอยู่ที่ 33.36 บาทต่อลิตร ทำให้ชาวนาที่กำลังไถนาหว่านข้าว ต้องควักเงินจ่ายค่าน้ำมันใส่รถไถนาเพิ่มขึ้นจากเดิม รวมถึงรถไถนาก็ต้องปรับค่าจ้างไถต่อไร่เพิ่มขึ้นจากห้วงปกติเช่นเดียวกัน
นายสุชิน ตวนกระโทก อายุ 60 ปี ชาวนาบ้านสะเดา หมู่ที่ 9 ต.สะเดา อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ บอกว่า ตนเองทำนา 18 ไร่ และได้ว่าจ้างรถไถนาของเพื่อนบ้าน มาไถปรับสภาพพื้นที่นาเพื่อทำการหว่านเพาะปลูกข้าวนาปี และได้รับผลกระทบ โดยในการทำนาแต่ละครั้งก็มีต้นทุนในการทำนา ทั้งค่าเมล็ดพันธุ์ข้าว ค่าจ้างรถไถ ค่าปุ๋ย ค่าเกี่ยว และค่าขนบรรทุก
“ แต่ตอนนี้ต้องควักเงินลงทุนไปแล้วกว่า 2 หมื่นบาท จ่ายค่าเมล็ดพันธุ์ข้าว และค่าไถ ซึ่งปีนี้หลังจากน้ำมันมีราคาปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้รถไถนาต้องปรับราคาค่าจ้างขึ้นด้วย จากปีที่ผ่านมาค่าไถเฉลี่ยต่อไร่ประมาณ 200 บาท แต่พอมาปีนี้ถ้ารถไถขนาดเล็กคิดราคาไร่ละ 230 บาท ถ้ารถไถใหญ่ไร่ละ 250 บาท ซึ่งจำเป็นจะต้องว่าจ้างรถมาไถนา” นายสุชิน ระบุ
นายสุชิน ยังได้ตั้งข้อสังเหตุด้วยว่า เป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไมพอถึงช่วงหน้านา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเริ่มการเพาะปลูกข้าว และเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิต น้ำมันมักจะมีการปรับราคาสูงขึ้นเป็นประจำ จึงอยากวิงวอนให้รัฐบาลได้จริงจัง และจริงใจ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่เกษตรกรทำไร่ทำนา
ด้านนายพีรพัฒน์ จงมีเลิศ อายุ 23 ปี ระบุว่า วันนี้มาไถนาให้กับญาติ และรับจ้างไถนาให้เพื่อนบ้าน ซึ่งมีที่นาอยู่ติดกันคิดราคาค่าไถต่อไร่ละ 230 บาท จากปีที่ผ่านมาคิดไร่ละ 200 บาท แต่ปีนี้พบว่าน้ำมันเริ่มปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำเป็นจะต้องปรับราคาค่าจ้างเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากรถไถต้องใส่น้ำมันเพิ่มมากขึ้นจากเดิม จึงอยากให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันด้วย เพื่อลดผลกระทบและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกร.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บุรีรัมย์'จัดใหญ่ใส่เต็ม 3บิ๊กอีเว้นต์กีฬาระดับโลก 'มาราธอน-โมโตจีพี-รอบเทสต์'ฤดู2026
การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) พร้อมด้วยภาคเอกชน ผนึกกำลังจัดการประชุมเตรียมความพร้อมมหกรรมกีฬาสุดยิ่งใหญ่ประจำปี 2569 ได้แก่ “บุรีรัมย์ มาราธอน 2026” ฉลองครบรอบ 10 ปี และรุกหนักแผนรับมือ “พรี-ซีซั่นเทสต์และสนามเปิดฤดูกาล” ต่อเนื่องปีที่ 2 “โมโตจีพี รายการ พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์ 2026” เพื่อวางรากฐานการบริหารจัดการอย่างเต็มระบบ รองรับคลื่นนักวิ่ง-แฟนความเร็วนับแสนสู่ 3 บิ๊กอีเว้นต์ระดับโลก
ร่าง 'จ่าเริง' วีรบุรุษทหารกล้า เนิน 350 ปราสาทตาควาย ถึงบ้านเกิดบุรีรัมย์
ครอบครัว ญาติพี่น้องรับร่าง จ.ส.อ.สำเริง คลังประโคน วีรบุรุษทหารกล้า เนิน 350 ปราสาทตาควาย กลับสู่บ้านเกิด ในหลวง–พระราชินี พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เตรียมพระราชทานเพลิงศพ 24 ธ.ค.นี้ ณ วัด ห้วยปอ ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ แม่เผย สุดเศร้าหลังจากนี้จะไม่ได้เห็นหน้าลูกอีกแล้ว หากชาติหน้ามีจริงขอให้เกิดเป็นลูกแม่อีก
'ยศชนัน' ลงจากหอคอยพบชาวนา ชูเทคโนโลยีแก้น้ำทั้งระบบ
“ยศชนัน-จุลพันธ์” นำเพื่อไทยยกทัพลุยอยุธยา รับฟังปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก-ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ชูแก้น้ำท่วมทั้งระบบ ระบายน้ำเป็นธรรม ใช้ข้อมูลจริง-เทคโนโลยี-วิศวกรรม วางแผนป้องกัน-เยียวยาครบวงจร
ร่าง 'จ่าเริง' ถึงมาตุภูมิพรุ่งนี้ ภรรยาเผยนำศพลงมาไม่ได้ เพราะสามีสัญญาไว้ต้องยึดเนิน 350 ให้ได้ก่อน
แม่จ่าเริง ทหารพลีชีพเนิน 350 ภูมิใจทหารทุกนายที่ทำสำเร็จได้เนิน 350 คนมา ขอให้รบชนะแบบเบ็ดเสร็จโดยเร็ง และให้ประเทศไทยมีแต่ความสงบสุขหลังจากนี้ ผู้ว่าฯเผยการเตรียมจัดงานพร้อมทุกอย่างแล้ว ร่างมาถึงพรุ่งนี้
ครอบครัว 'จ่าเริง' ทหารกล้า ทำใจแล้วนำร่างกลับยาก ติดบนเนิน 350 นาน 4 วันแล้ว
แม่และพี่สาวจ่าเริง นักรบพลีชีพรับสภาพได้แล้วว่าการนำร่างกลับมายากลำบากเพราะอยู่ในสนามรบ ระบุจ่าเริงคงอยากให้ทางบ้านทำใจได้ก่อนจึงจะกลับมา ตอนนี้ภูมิใจที่คนทั้งประเทศแห่ให้กำลังใจ ร่างจะมาตอนไหนขึ้นอยู่กับโอกาส เห็นใจเจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนัก
เสียงปืนเขมรเบาลงครั้งแรกในช่วง 12 วันสู้รบ พบลูกจรวดเกลื่อนไร่ยางพารา
เสียงปืนฝั่งเขมรหยุดลงครั้งแรกในรอบ 12 วัน จนท.เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ พบลูกจรวดปืนใหญ่ตกใส่ไร่ยางพาราเป็นจำนวนมาก มีทั้งแตกและไม่แตก ระบุเขมรหันกระบอกปืนมาทางพลเรือนของไทย

