นครพนม-ตกผลึก ! งานประเพณีไหลเรือไฟ 67 ยิ่งใหญ่ 11 วัน 11 คืน ลุ้นเลขสลากกาชาด คว้ารถยนต์ 2 คัน แข่งเรือชิงจ้าวลำน้ำโขง กินข้าวพาแลงแยงเรือไฟ
27 ก.ย.2567- ที่ห้องพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผวจ.นครพนม และ นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รอง ผวจ.ฯ เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดนครพนม (กรอ.ฯ) หลักใหญ่ในการประชุมครั้งนี้ คือ การสรุปการจัดงานเทศกาลไหลเรือไฟและงานกาชาด 2567 ระหว่างวันที่ 8-18 ตุลาคม นี้ รวม 11 วัน 11 คืน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 9 ที่คณะกรรมการผู้จัดงานประชุมต่อเนื่องกันมา โดยมีองค์กรเอกชน หอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมฯ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ สมาคมพ่อค้าฯ สมาคมไทย-เวียดนามฯ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เข้าร่วมประชุม
โดย ผวจ.นครพนม ได้กล่าวว่าจังหวัดนครพนมได้ร่วมกับส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน กำหนดจัดงานประเพณีไหลเรือไฟฯ วันที่ 8-18 ตุลาคม บริเวณศาลากลางจังหวัด และริมแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม รวม 11 วัน 11 คืน โดยมีกิจกรรมต่างๆมากมาย เช่น กาชาดได้ออกร้านมัจฉากาชาด มีรางวัลจากการบริจาคสิ่งของทั้งภาครัฐและเอกชน ตั้งแต่รถจักรยานยนต์ ตู้เย็น ทีวี พัดลม ข้าวสาร บะหมี่สำเร็จรูป น้ำดื่ม ฯลฯ รวมทั้งการออกสลากกาชาด จำหน่ายในราคาใบละ 100 บาท เพื่อรางวัลใหญ่ได้แก่ รถยนต์เก๋ง และ รถยนต์กระบะ โดยจะหมุนรางวัลในคืนวันที่ 18 ตุลาคม 67 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงานประเพณีไหลเรือไฟและงานกาชาดนครพนม 2567
ทั้งนี้ ในวันที่ 3 ตุลาคม 67 หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชน จะร่วมประกอบพิธีบวงสรวงศาลหลักเมือง บูชาเทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล ให้การจัดงานประเพณ๊ไหลเรือไฟ ประจำปี 2567 ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 8-18 ตุลาคม นี้ ราบรื่นประสบความสำเร็จ ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมงาน มีแต่ความสุข ความเจริญ และความปลอดภัย ซึ่งการบวงสรวงสักการะต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นความเชื่อที่มีมาแต่โบราณ เพื่อเป็นการเริ่มงานเทศกาลไหลเรือไฟ 67 โดยมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในคืนวันที่ 8 ตุลาคม นี้
นอกจากนี้เทศบาลเมืองนครพนม ได้จัดแข่งขันเรือยาวประเพณีสัมพันธ์ไทย-ลาว ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ ริมแม่น้ำโขง หน้าวัดพระอินทร์แปลง ถนนสุนทรวิจิตร โดยมีเรือยาวจากหลายจังหวัดภาคอีสาน รวมถึงเรือยาวของนักล่ารางวัลจากเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน สปป.ลาว ส่งลงสนามชิงความเป็นจ้าวลำน้ำโขงด้วยทุกปี
งานประเพณีไหลเรือไฟจังหวัดนครพนนมปี 2567 นี้ ยังคงยิ่งใหญ่เหมือนเดิม โดยชาวจังหวัดนครพนมได้บูรณาการความร่วมมือ สืบสานประเพณีอันเก่าแก่และงดงามในช่วงเทศกาลวันออกพรรษาตามความเชื่อและศรัทธา ที่ว่าการไหลเรือไฟเป็นการบูชารอยพระพุทธบาท ที่พระพุทธองค์ประทับไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที เมื่อครั้งเสด็จไปแสดงธรรมเทศนา โปรดเหล่าพญานาคที่เมืองบาดาล รวมถึงเป็นการระลึกถึงพระคุณของแม่น้ำโขง ที่ทุกคนได้ใช้หล่อเลี้ยงชีวิต ทั้งเป็นการขอขมาในสิ่งที่ได้ล่วงเกินลงไป
ซึ่งปีนี้มีการจัดสร้างเรือไฟขนาดใหญ่ จำนวน 12 ลำ จาก 12 อำเภอ แล่ละลำใช้ไม้ไผ่ไม่น้อยกว่า 5,000 ลำ ตะเกียงประดับตามเส้นลวด มีตั้งแต่ 10,000 ดวงขึ้นไป เมื่อจุดไฟแล้วจะเกิดเป็นลวดลายสวยงาม ตามการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และอัตลักษณ์เฉพาะตัวของศิลปินเรือไฟแต่ละลำ โดยมีการสอดแทรกเรื่องราววิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ ความศรัทธา สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ของดีของเด่นในชุมชน ตลอดจนการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
สำหรับปีนี้ ได้รับการสนับสนุนจากเทศบาลเมืองนครพนม อบจ.นครพนม ที่ทำการปกครองจังหวัดฯ มหาวิทยาลัยนครพนม และ ททท.สำนักงานนครพนม จัดเรือไฟโชว์ที่สร้างเป็นเรือไฟโชว์รวม 5 ลำ โดยเฉพาะ ททท.ฯ จัดเรือไฟโบราณขนาดความสูง 3.5 เมตร ยาว 9 เมตร ประยุกต์ใช้ไฟ LED ประดับเป็นลวดลายแบบ 3 มิติ จำนวน 8 ลำ ภายใต้แนวคิดไหว้ 8 พระธาตุจำลอง พร้อมชมการแสดงโชว์ 8 เรือไฟพระธาตุประจำวันเกิด ขณะที่เรือไฟโบราณดั้งเดิม จำนวน 13 ลำ 12 นักษัตรประจำปีเกิด อีก 1 ลำสำหรับคนที่จำปีเกิดตนเองไม่ได้ ยังคงจัดให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้ร่วมสะเดาะเคราะห์ รับความโชคดี อยู่ที่บริเวณลานพนมนาคา พญาศรีสัตตนาคราช และที่อยู่เคียงคู่งานไหลเรือไฟคือ กระทงสายหรือไข่พญานาค สวยงามกลางสายนทีนับพันดวง
นอกจากนี้ในคืนวันที่ 17 ตุลาคม ถือเป็นไฮไลต์ของงาน ยังจะได้ชมการแสดงบินโดรนแปรอักษรและรูปภาพที่เป็นการบอกเล่าเรื่องราวความเป็นจังหวัดนครพนมบนท้องฟ้าที่จะมีทั้งข้อความ พระธาตุพนม เรือไฟ และพญาศรีสัตนาคราช โดยมีดารา นักแสดงชื่อดังช่อง 3 ณเดชน์ คูกิมิยะ มาร่วมในวันดังกล่าวด้วย
ขณะเดียวกันก็มีพิธีรำบูชาองค์พระธาตุพนม พิธีการอัญเชิญไฟพระฤกษ์ ขบวนแห่ปราสาทผึ้ง การแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นบ้าน คือ หมอลำรวม 11 คณะ แสดงให้ชมฟรีในบริเวณศาลากลางจังหวัดนครพนม การแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินชื่อดัง
รวมถึงกิจกรรมพาข้าวแลง (อาหารเย็น) โดยจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งบริเวณลานตะวันเบิกฟ้า เพื่อให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้นั่งชมการไหลเรือไฟ ชนิดติดขอบสนาม พร้อมรับประทานอาหารเคล้าเสียงเพลง จำหน่ายบัตรในราคา 4,000-7,000 บาท สามารถติดต่อขอจองโต๊ะได้ที่ คุณอ้อ 063-042-3229 คุณภัสรานันท์ 085-742-6444 คุณอลิสา 092-279-4438 คุณโบว์ลิ่ง 098-560-7548
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'โตโน่ ภาคิน' สุดปลื้ม รับมอบเหรียญเชิดชูเกียรติสูงสุดชั้น 1 ของสปป.ลาว
ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โตโน่-ภาคิน คำวิลัย ศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดงชื่อดัง เข้าพิธีรับประดับเหรียญชัย ชั้น 1 ซึ่งเป็นเหรียญเชิดชูเกียรติสูงสุดของ สปป.ลาว
พ่อไม่ติดใจตำรวจจับตาย มือยิงประธานสภา อบต. รับลูกก่อเหตุเพราะเสพยาบ้า
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 20 หมู่ 7 บ้านต้าย ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ซึ่งเป็นบ้านของนายยุทธพล หมอกต้ายซ้าย หรือไอ้ยุทธ อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครพนม ฐานความผิดพยายามฆ่า หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนอาก้าจ่อยิงนายวินัย มณีรัตน์ อายุ 55 ปี ส.อบต.บ้านต้าย 3 สมัย และยังมีตำแหน่งประธานสภา
วิสามัญ คนร้ายยิงประธานสภา อบต. ยิงใส่ตำรวจก่อน เลยถูกตอบโต้ดับคาไร่อ้อย
นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น เข้าตรวจสอบการติดตามจับกุม นายยุทธพล หมอกต้ายซ้าย อายุ 49 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุนายวินัย มณีรัตน์
จนท.ตรึงกำลัง ล่ามือยิงประธานสภา อบต. คนร้ายมีปืนอาก้า ระเบิดมือ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดจ่อยิง นายวินัย มณีรัตน์ อายุ 55 ปี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลโพนจาน บ้านต้าย หมู่ 7 (ส.อบต.ฯ ม.7) ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์
แม่เหยื่อคานก่อสร้างถล่ม เล่าทั้งน้ำตา อีกไม่กี่นาทีลูกชายก็จะเลิกงานแล้ว
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 145 หมู่ 9 ต.วังตามัว อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งเป็นบ้านของนายสำเริง พะพันทาง อายุ 48 ปี และ นางกันนิกา ทุมทอง อายุ 48 ปี พ่อแม่ของนายโจ้ผู้ตาย โดยพบว่าบริเวณหน้าบ้านได้มีกางเต็นท์
หนังเค็มอีสาน ดังไกลข้ามโลก เมืองนอกสั่งออเดอร์ โกยเดือนละแสน
หนังเค็มผลิตมาจากหนังควาย คือการถนอมอาหารตามแบบภูมิปัญญาชาวอีสาน มาหลายชั่วอายุคน เหมือนเป็นมรดกสืบทอดวัฒนธรรมการกิน ส่งจากรุ่นสู่รุ่นถึงปัจจุบัน โดยชาวอีสานมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย รวมถึงอาหารก็จะกินอย่างง่ายๆ และเพื่อให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ชาวอีสานจึงรู้จักแสวงหาอาหารในท้องถิ่น