16 ม.ค.2568 - เมื่อ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนราธิวาส อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 9 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 71/2566 สั่งลงโทษสิบโทณัฐวุฒิ เจ้าหน้าที่ทหารพราน จำเลยที่ 1 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุก 16 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษให้เหลือจำคุก 10 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นอาสาสมัครทหารพราน ศาลมองว่าเป็นเพียงคนยิงสกัด จึงยกฟ้อง
คดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ศาลจังหวัดนราธิวาสได้สั่งลงโทษจำคุกเจ้าหน้าที่ทหารทั้งสองนาย ฐานความผิดประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โทษจำคุก 6 ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลอยู่บ้าง ถือว่ามีเหตุบรรเทาโทษ ศาลจึงสั่งลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุกคนละ 4 ปี ไม่รอลงอาญา
อูเซ็ง ดอเลาะ ทนายความจากมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ทนายในคดีให้ข้อมูลว่า "เดิมศาลชั้นต้นสั่งลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และสำคัญผิด อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์มองว่าเหตุภยันอันตรายได้ขาดตอนไปแล้ว ตั้งแต่ผู้ตายที่ 1 เสียชีวิต จากการยิงมาจากอีกฝากหนึ่งของลำธาร และการควบคุมตัวสามารถกระทำได้โดยไม่ทำให้เกิดการเสียชีวิต แต่จำเลยที่ 1 ทำเกินเลย โดยการข้ามลำธารไปยิงซ้ำอีก”
"ในส่วนของจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์มองว่าจากคำเบิกความของจำเลยที่ 2 ที่ให้การว่า หลังจากเหตุสงบแล้ว จำเลยที่ 1 กับ 2 เป็นสองคนที่ข้ามคลองไปเพื่อไล่ตามจับก็จริง แต่จำเลยที่ 2 ให้การว่าเพียงเพื่อยิงคุ้มกันจำเลยที่ 1 ศาลจึงมองว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้มีส่วนในการฆ่าด้วย ทำให้เป็นเรื่องของจำเลยที่ 1 กับผู้ตายที่ 2 และ 3”
เมื่อถามถึงความคาดหวังของทนายความ อูเซ็งรู้สึกพอใจในบางส่วน และจะต้องคุยกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตเรื่องการฎีกาคดีนี้ต่อไป
“เบื้องต้นพอใจระดับหนึ่งในส่วนของจำเลยที่ 1 ที่ศาลมองว่ามีเจตนาฆ่า เป็นการวินิจฉัยที่ให้ความเป็นธรรมกับผู้ตายและญาติได้ ทั้งนี้ ทีมทนายความจะต้องคุยกับครอบครัวผู้เสียชีวิตต่อไปในส่วนของฎีกา” อูเซ็งกล่าว
เหตุการณ์เขาตะเว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2562 จากการที่ชาวบ้านสามคน ได้แก่ นายบูดีมัน มะลี, นายมะนาเซ สะมะแอ และนายนายฮาฟิซี มะดาโอะ ได้ขึ้นไปบนเทือกเขาตะเว ตำบลบองอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อตัดไม้แปรรูป ก่อนจะพบกับชุดเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 45 ขณะกำลังออกลาดตระเวนบนเขาตะเว และได้ก่อเหตุยิงชาวบ้านทั้งสามจนเสียชีวิต ภายหลังเกิดเหตุ ในปี 2564 ศาลจังหวัดนราธิวาสได้ไต่สวนการตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 จนเสร็จสิ้น และนำมาสู่การฟ้องร้องคดีอาญาดังกล่าวเมื่อปี 2566 คดีนี้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการค้นหาความจริงของทางแม่ทัพภาค 4 และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเคยออกแถลงการณ์เรียกร้องขอความเป็นธรรม แตกต่างจากคดีวิสามัญฆาตกรรมอีกเกือบร้อยกรณีในช่วงเวลา 2562 ถึงปัจจุบันที่ไม่มีคดีอื่นขึ้นสู่การพิจารณาคดีของศาล
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ร่วมกับมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ขอเชิญชวนให้สื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจร่วมติดตามความคืบหน้าคดีอาญาเขาตะเวต่อไป รวมถึงกรณีสังหารนอกกระบวนการยุติธรรมอื่นๆ เพื่อหวังว่าจะยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดโดยนำเจ้าหน้าที่รัฐผู้กระทำผิดมารับโทษให้ถึงที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปภ.แจ้งเตือน 8 อำเภอนราธิวาส เร่งอพยพชาวบ้าน แม่น้ำบางนรา-สายบุรี เพิ่มสูงขึ้น
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้ง น้ำในแม่น้ำบางนราและแม่น้ำสายบุรี ในพื้นที่ อ.ตากใบ อ.เจาะไอร้อง อ.ระแงะ อ.เมืองนราธิวาส อ.จะแนะ อ.ศรีสาคร อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส น้ำล้นตลิ่ง
สว. จี้รัฐบาลวางแผนรับมือผลกระทบสร้างรั้วชายแดน 'ไทย-มาเลเซีย' ทำน้ำท่วมนราธิวาสรุนแรงขึ้น
"ไชยยงค์" กมธ.ความมั่นคง วุฒิสภา ทวงถามรัฐบาลมีแผนรับมือผลกระทบการสร้างรั้วชายแดน กั้นแม่น้ำสุไหงโก-ลก ของมาเลเซียหรือยัง
ไม่แปลกหรืออันตราย? วาทะ 'แบ่งแยกดินแดน' ของธนาธรกับขอบเขตความเป็นไทย
บนหน้าจอมือถือของผู้คนในสื่อสังคมออนไลน์ช่วงสองวันที่ผ่านมา คลิปสั้นจากเวทีเสวนาแห่งหนึ่งถูกส่งต่ออย่างรวดเร็ว
'แม่ทัพภาค 4' รู้ตัวแก๊งปล้นทอง 600 บาท เร่งสอบพร้อมประสานมาเลย์
'แม่ทัพภาค 4' รู้ตัวกลุ่มก่อเหตุปล้นทอง 600 บาท รับมีคน 2 สัญชาติเอี่ยว เผยประสานประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ขอรอฟังความชัดเจนอีกครั้ง ยันไม่หนักใจถูกมองรับน้องบึ้มถี่ ลั่นสู้ไม่ถอย
'มทภ 4 - ผบ.ฉก.นราธิวาส' คนใหม่ พบผู้นำศาสนาฟังข้อเสนอแนะชุมชน
“มทภ 4- ผบ.ฉก.นราธิวาส” คนใหม่ ลงพื้นที่สุไหงปาดี พบผู้นำศาสนา รับฟังข้อเสนอแนะจากชุมชน
แม่ทัพภาคที่ 4 บินสำรวจแนวชายแดนนราธิวาส วางแผนสกัดกลุ่มหัวรุนแรงขนอาวุธเข้าไทย
มทภ.4 บินสำรวจแนวชายแดนป่าเขา จ.นราธิวาส หลังพบความเคลื่อนไหวขนอาวุธข้ามแดน เร่งประชุมวางแผนสกัดกั้นเข้ม


