"ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" พาหญิงชาวสกลนครบุกแจ้งจับพระหื่น เป่าหัวแล้วล่วงละเมิดทางเพศในศูนย์ปฏิบัติธรรมดังที่บุรีรัมย์ คาดมีคนตกเป็นเหยื่อหลายราย หญิงอ้างเป็นเมียพระโผล่แฉพฤติกรรมฉาวซ้ำ อยากให้สึกและดำเนินคดีตามกฎหมายจะได้ไม่เสื่อมเสียวงการศาสนา
18 ม.ค.2568 - น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง พร้อมทีมงาน ได้พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 37 ปี หญิงสาวชาว จ.สกลนคร ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.หนองสองห้อง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ หลังหญิงสาวคนดังกล่าวได้ร้องเรียนกับมูลนิธิเป็นหนึ่ง ว่าถูกพระรูปหนึ่งล่วงละเมิดทางเพศภายในศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โดยผู้เสียหายอ้างว่ามีหลักฐานเป็นทิชชูที่เช็ดคราบอสุจิของพระรูปดังกล่าวมาเป็นหลักฐานในการแจ้งความด้วย ทั้งให้ข้อมูลว่าอาจจะมีผู้หญิงอีกหลายคน ที่เคยเข้ามาปฎิบัติธรรมที่ศูนย์ปฏิบัติแห่งนี้ ถูกกระทำในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่มีใครกล้าแจ้งความเอาผิด เพราะคนใกล้ชิดของพระรูปดังกล่าว มักอ้างว่าพระและศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ มีแบ็คเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่
น.ส.เอ ผู้เสียหาย เล่าว่า ปกติใช้ชีวิตอยู่กับสามีชาวต่างชาติที่ต่างประเทศ ก็ได้ฟังคลิปของช่อง แชแนล ช่องหนึ่ง เกี่ยวกับฆราวาสบรรลุธรรมจึงรู้สึกศรัทธา โดยในคลิปมีการเชิญชวนให้มาปฏิบัติธรรมที่ศูนย์แห่งหนึ่งกินฟรีอยู่ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สามารถฝึกให้หลุดพ้นทุกข์ได้ ตัวเองซึ่งปฏิบัติธรรมอยู่แล้วจึงเกิดความศรัทธา อยากมาฝึกสมาธิกับพระอาจารย์
จากนั้นก็ทัก facebook ส่วนตัวกับพระอาจารย์ ซึ่งตอนนั้นพระอาจารย์ยังอยู่ในผ้าขาว ถือศีล 8 ท่านก็เลยคุยเชิญชวนให้มาบวชที่นี่ ในขณะที่คุยกับพระอาจารย์ช่วงนั้นยังอยู่เมืองนอก ก็พูดคุยกันได้ประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วพระอาจารย์ก็บวช แต่ก็ยังคุยกับพระอาจารย์เรื่องการปฏิบัติธรรมสมาธิเป็นระยะ กระทั่งมีแผนเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน จ.สกลนคร โดยเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 5 มกราคม 2568 จากนั้นเดินทางกลับบ้าน จ.สกลนคร ก่อนจะมาที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมที่สวนธรรม
โดยพระอาจารย์บอกว่าจะไปรับด้วยตนเอง ก็คิดว่าพระอาจารย์ท่านคงใส่ใจนักบวช แต่พอไปถึงเห็นท่านใส่ชุดขาวไป มาถึงตอน 4 โมงเย็น ท่านจึงไปส่งที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ตอนเช้าก็ให้แท็กซี่มารับไปที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม วันที่ 14 ม.ค. 68 คืนแรกก็ไม่มีอะไร กระทั่งเช้าวันที่ 15 ม.ค.68 พระอาจารย์โทรศัพท์มาหา ให้ไปพบที่กระท่อม ทำการเป่าหัวหนูให้ หลังจากนั้นก็รู้สึกแปลกๆ พอตกตอนกลางคืน พระอาจารย์ก็โทรมาอีกครั้งว่าเขาจะมาหา แล้วบอกให้ปิดไฟเพราะกลัวคนเห็น แล้วก็บอกให้เปิดประตู แต่ตอนนั้นเหมือนคุมตัวเองไม่ได้ไม่รู้ว่าที่พระเป่าหัวเป็นการทำของใส่ หรือสัมผัสตัวจะมีการป้ายยาอะไรหรือไม่ แต่ควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เปิดประตูให้พระเข้ามา แล้วพระก็กระทำการล่วงละเมิดทางเพศ จนสำเร็จความใคร่ เหตุเกิดเวลาประมาณ 21.00 น.
หลังจากพอมีสติก็วิ่งไปหาคุณป้า คนหนึ่งซึ่งมาปฏิบัติธรรมเหมือนกันอยู่กระท่อมใกล้ๆ กัน ตนก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง แล้วก็ขอนอนกับป้า ทั้งคืนเพราะกลัว วันต่อมาก็รีบเดินทางออกจากศูนย์ปฏิบัติธรรมไปพักที่รีสอร์ท ก็คิดว่าจะทำยังไง เพราะไม่อยากให้ใครโดนเหมือนกันตนเอง จึงตัดสินร้องคุณต้นอ้อ เป็นหนึ่ง
ผู้เสียหายกล่าวอีกว่า สิ่งที่กังวลคือตนไม่ได้มีอะไรกับสามีชาวต่างชาติมา 2 ปีแล้วเพราะสามีป่วยมะเร็ง แต่กลับมาถูกพระล่วงละเมิดทางเพศจึงกลัวจะท้อง ที่มาแจ้งความร้องทุกข์วันนี้ อยากให้พระรูปดังกล่าวสึกจากการเป็นพระ และให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่อยากให้ไปทำกับใครอีก
ด้าน ป้า บี ซึ่งเป็นคนที่มาปฏิบัติที่ศูนย์แห่งนี้แล้ววันเกิดเหตุผู้เสียหายไปขอความช่วยเหลือ เล่าให้ฟังว่า ช่วงประมาณ 3 ทุ่มก็กำลังฝึกสมาธิอยู่ในที่พักของตัวเอง แล้วจู่ๆ น้องก็เข้าไปขอความช่วยเหลือในอาการที่ตื่นกลัว ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังส่วนตัวก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ หากเป็นเรื่องจริงก็รับไม่ได้ ก็อยากให้ดำเนินคดีตามกฎหมายและสึกจากการเป็นพระ ถ้าปล่อยไว้อาจทำกับคนอื่นอีก
ขณะที่ น.ส.ซี ซึ่งอ้างว่าเป็นภรรยาของพระรูปดังกล่าว ซึ่งมาให้ข้อมูลกับตำรวจด้วย บอกว่า ตนเองเป็นภรรยากับพระรูปดังกล่าวมาประมาณ 7 ปีแล้ว ตั้งแต่ที่ยังไม่บวชเป็นพระ ก็ทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งเขาก็มีพฤติกรรมชู้สาวกับผู้หญิงหลายคน ส่วนตัวเองก็รู้กันว่าเป็นเมียแต่ไม่เคยเปิดตัวให้คนอื่นรู้ แต่ตอนที่เขาบวชเป็นพระตนก็ไม่ได้แสดงตัวว่าเป็นภรรยา ก็มาดูแลบ้างเหมือนโยมอุปฐาก ช่วงที่เกิดเหตุตนก็อยู่ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ ก็ยังแปลกว่าเห็นน้องมาปฏิบัติธรรมแล้วจู่ๆ ก็ออกจากวัดไป และมารู้ทีหลังว่าเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น ส่วนตัวก็เชื่อน้องถูกกระทำจริงเพราะรู้นิสัยของพระรูปนี้ดี ก็อยากให้เขาสึกจากการเป็นพระจะได้ไม่เสื่อมเสียวงการสงฆ์
ด้าน น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง กล่าวว่า เท่าที่ทราบข้อมูลพระรูปนี้มีพฤติกรรมลักษณะชู้สาวกับผู้หญิงหลายคน แต่ที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าร้องเรียนส่วนหนึ่งอาจจะเพราะอาย หรืออาจจะกลัว เพราะมีคนใกล้ชิดบอกว่าพระรูปนี้ รวมถึงศูนย์ปฏิบัติแห่งนี้มีแบล็กใหญ่ จึงไม่มีใครกล้าเอาผิด ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวตรวจสอบเอาผิดพระรูปนี้ รวมถึงศูนย์ปฏิบัติธรรมแห่งนี้ด้วย เพราะน่าจะมีคนตกเป็นเหยื่อพระรูปนี้หลายคน ไม่อยากให้ใช้ผ้าเหลืองกระทำพฤติกรรมลักษณะนี้ จะสร้างความเสื่อมเสียให้วงการสงฆ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครอบครัว 'จ่าเริง' ทหารกล้า ทำใจแล้วนำร่างกลับยาก ติดบนเนิน 350 นาน 4 วันแล้ว
แม่และพี่สาวจ่าเริง นักรบพลีชีพรับสภาพได้แล้วว่าการนำร่างกลับมายากลำบากเพราะอยู่ในสนามรบ ระบุจ่าเริงคงอยากให้ทางบ้านทำใจได้ก่อนจึงจะกลับมา ตอนนี้ภูมิใจที่คนทั้งประเทศแห่ให้กำลังใจ ร่างจะมาตอนไหนขึ้นอยู่กับโอกาส เห็นใจเจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนัก
เสียงปืนเขมรเบาลงครั้งแรกในช่วง 12 วันสู้รบ พบลูกจรวดเกลื่อนไร่ยางพารา
เสียงปืนฝั่งเขมรหยุดลงครั้งแรกในรอบ 12 วัน จนท.เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ พบลูกจรวดปืนใหญ่ตกใส่ไร่ยางพาราเป็นจำนวนมาก มีทั้งแตกและไม่แตก ระบุเขมรหันกระบอกปืนมาทางพลเรือนของไทย
ไฟแนนซ์โทรทวงค่างวดผู้อพยพ-ชรบ.ชายแดน ต้องหายืมเงินไปจ่าย โอดสู้รบยืดเยื้อ
การสู้รบระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่ยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 12 แล้ว และยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าการสู้รบจะจบลงวันไหน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน
กยท.เตรียมงบกว่า 2 พันล้าน เยียวยาชาวสวนยางได้รับผลกระทบสู้รบชายแดน
การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เตรียมทุ่มงบกว่า 2,000 ล้าน ช่วยเหลือชาวสวนยาง 9 จังหวัด ที่ไม่สามารถออกไปกรีดยางได้ตามปกติ และได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รายละ 3,000 บาท รวมสวนยางเสียหายกว่าล้านไร่
วัว-ควายช็อกตายแล้ว 6 ตัว ชาวบ้านคาดเสียงปืนดังตลอดทำสัตว์หัวใจวาย ไม่พบบาดแผล
เสียงปืนปะทะกันของทหารสองฝ่าย ทำให้สัตว์เลี้ยง วัว-ควายของชาวบ้านช็อกตายแล้ว 6 ตัว ชาวบ้านระบุเป็นเพราะมีการยิงกันตลอดเวลาทำให้วัวควายหัวใจวาย อยากให้จบและไม่อยากให้ประเทศที่ 3 เข้ามายุ่งเกี่ยว
แม่ทหารใจชื้น ลูกชายโทรบอกปลอดภัยแล้ว หลังถูกเขมรยิง RPG เหตุปะทะที่ช่องตามาเรีย
แม่ทหารไทยที่ถูกปืน RPG ของเขมรอัดใส่จนถูกหามส่งโรงพยาบาล ใจชื้นแล้วหลังทราบข่าวลูกชายโทรศัพท์มาแจ้งด้วยตัวเอง เผยมีลูกชาย 2 คนอยากเป็นทหารมาตั้งแต่เด็กและสมใจทั้งคู่

