ฉาวโฉ่! ป.ป.ช. ย่องเงียบตรวจสอบอุทยานฯสิมิลัน เห็นคาตานักท่องเที่ยวผีเพียบ เผย แจ้งซื้อตั๋วผ่านระบบ E-Ticket เพียง 5 คน แต่ขนนักท่องเที่ยวมาจริงกว่า 50 คน พบซื้อมาในราคาคนไทย แต่กลับมีต่างชาติมาเต็มลำ ทำประเทศชาติสูญเสียรายได้มหาศาล ล่าสุดสั่งย้ายหัวหน้าอุทยานฯออกนอกพื้นที่แล้ว
27 มีนาคม 2568 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะทำงานของ ป.ป.ช. ชุดเฉพาะกิจติดตามมาตรการป้องกันการทุจริตในการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติ หรือชุด “ฉก.ฉลามอันดามัน” นำโดย นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 8 นายทวิชาติ นิลกาญจน์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 8 นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง นายยุทธนา วิมลเมือง หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง นายปิยะวัฒน์ คุระพูล ผอ.กลุ่มประสานการป้องกันการทุจริตภาค 9 และเจ้าหน้าที่คณะทำงานร่วมกว่า 30 คน ได้นำกำลังเดินทางลงตรวจสอบการจัดเก็บรายได้ของ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา โดยลงพื้นที่บริเวณ เกาะสี่และเกาะแปด ภายหลังจากที่มีการประกาศให้มีการจัดเก็บรายได้ E-Ticket หรือตั๋วแบบอิเล็กทรอนิกส์ อย่างเต็ม 100 เปอร์เซ็น โดยเป็นการบุกตรวจด้วยความลับ ไม่มีการบอกกล่าวกับทางอุทยานฯ ล่วงหน้าแต่อย่างใด
เมื่อเดินทางไปถึงจึงได้ยื่นหนังสือขอเข้าตรวจสอบกับ นายฤทธิกรณ์ นุ่นลอย นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ปฎิบัติหน้าที่ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา เพื่อขอเข้าปฎิบัติหน้าที่ตรวจสอบ ซึ่งคณะทำงาน ป.ป.ช.ได้มีข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยว ทั้งไทยและเทศ ที่มีการแจ้งจากผู้ประกอบการซื้อตั๋วผ่านระบบ E-Ticket ของวันนี้ (25 มี.ค.) อยู่ในมือทั้งหมดแล้ว ก่อนจะแยกย้ายแบ่งหน้าที่กันเข้าประจำจุด เมื่อเรือของผู้ประกอบการหลายบริษัททยอยกันเดินทางเข้ามาเทียบชายหาด คณะทำงานได้นำจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่โดยสารมา ก่อนจะตรวจสอบภายหลังจากที่ไกด์นําเที่ยวประจำเรือแต่ละลำจะนำคิวอาร์โค้ดมาให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดสแกนเพื่อระบุถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางซื้อตั๋วแบบ E-Ticket เข้ามา
แต่ปรากฏว่าคณะทำงานเฝ้าติดตามอยู่ประมาณ 4 ชั่วโมง สามารถตรวจสอบพบว่าเรือผู้ประกอบการท่องเที่ยวเอกชน จำนวนประมาณ 15 ลำ ที่เข้ามาเทียบชายหาดเพื่อส่งนักท่องเที่ยว บางลำเข้ามาส่งนักท่องเที่ยวโดยซื้อตั๋ว แบบ E-Ticket แจ้งว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเพียงแค่ 5 คน ทั้งที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเห็นอย่างชัดเจนว่าโดยสารมาถึง 50-60 คน และทั้งนี้ยังพบเห็นอย่างชัดเจนว่าบางลำแจ้งซื้อตั๋วเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยมาจำนวน 10-20 คน แต่ปรากฏข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบแทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางเข้ามา รวมทำหมดที่พบเห็นมีเพียงไม่ถึง 50 คน ซึ่งราคาตั๋ว แบบ E-Ticket จำหน่ายในราคาคนไทย 100 บาท เด็ก 50 บาท ต่างชาติ 500 บาท เด็ก 250 บาท
ทั้งนี้ในระหว่างที่ลงพื้นที่ตรวจสอบพบเห็นว่าลูกจ้างของอุทยานฯที่เฝ้าประจำจุดนั้น ไม่ได้มีการนับจำนวนนักท่องเที่ยวโดยทั้งหมด มีการนับเพียงบางลำเท่านั้น โดยการนับของลูกจ้าวงอุทยานฯเป็นการนับแบบใช้สายตาและใช้เครื่องกดนับตัวเลข และภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่คณะทำงาน ป.ป.ช. ได้ตรวจพบอย่างชัดเจน ก่อนจะสอบถามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ทางลูกจ้างอุทยานฯ จึงได้มีการเขียนใบปรับให้กับไกด์นำเที่ยวเพื่อเปรียบเทียบปรับ โดยจะต้องส่งใบปรับให้ทางผู้มีอำนาจของอุทยานฯต่อไป
จากการตรวจสอบข้อมูลรอบเดือนที่ผ่านมา ที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวน 40,000 กว่าคนต่อเดือน แต่ข้อเท็จจริงจากการสังเกตการณ์พบว่าไม่ค่อยปรากฏมีนักท่องเที่ยวชาวไทย ส่วนมากเกือบ 100% เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งข้อมูลและสภาพที่พบเห็นต่างต่างกันอย่างชัดเจน
นายสุชาติ กรวยกิตานนท์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 8 กล่าวว่า เป็นภารกิจติดตามเกี่ยวกับเรื่องค่าเข้าอุทยาน ซึ่ง ป.ป.ช เสนอมาตรการไปเกี่ยวกับเรื่องให้จัดเก็บแบบ E-Ticket ส่วนที่มาสิมิลันฯเพราะเป็นอุทยานแรกที่เก็บ E-Ticket อย่าง 100 % จากการมาตรวจสอบจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากับบริษัททัวร์แต่ละลำยังมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง แต่ความคลาดเคลื่อนต่างๆ คือการจะหาแนวทางที่จะลดความคลาดเคลื่อนลง หรือหาแนวทางแก้ไขยังไง เพราะว่าในระบบกับหน้างานจริง ๆ มันมีเรื่องจำนวนคน ประเภทของนักท่องเที่ยวต่างชาติกับคนไทยค่าธรรมเนียมแตกต่างกันถึงเกือบ 10 เท่า พอแจ้งยอดคนไทยเข้ามาทั้งที่จริงเป็นต่างชาติเยอะทำให้มีความ Error อยู่ และแม้ว่าจะเข้ามาในระบบ E-Ticketแต่การตรวจนับก็ยังเป็นแบบแมนนวล คือการใช้เจ้าหน้าที่ตรวจนับเอา ซึ่งยังมีจุดที่หละหลวมอยู่แต่ไม่มากนัก อาจจะมีประเภทนักท่องเที่ยวมากกว่า แต่ก็ได้หาแนวทางแล้วว่าจะกำชับยังไงให้ลดความคลาดเคลื่อนลง
เบื้องต้นได้ประสานไปทางอุทยานให้ดำเนินการไปตามกฎกติกาของเขาก่อน แต่ถึงขั้นมีการช่วยเหลือกันหรือไม่จะต้องไปดูรายละเอียดอีกที และเมื่อพบเห็นอย่างนี้แล้วก็จะให้อุทยานไปดำเนินการตามระเบียบของกรมอุทยานฯ ในการปรับผู้ที่แจ้งมาไม่ตรงกับที่เข้าชมอุทยานฯ จริง ๆ ตอนนี้รวบรวมมาหลายที่แล้ว แต่มีที่นี่เพียงที่เดียวที่ใช้ E-Ticket100 % บางทีนำร่องเป็น E-Ticket แต่ใช้แบบปกติอยู่คือฉีกตั๋วหน้างาน เราเริ่มมีการเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียกัน แม้ว่าจะพบข้อบกพร่องจริง ๆ แต่จะต้องปรับปรุงมาตรการ คือเราต้องแยกก่อนว่าในการปรับปรุงมาตรการเพื่อให้การเก็บค่าเข้าชมอุทยานซึ่งเป็นรายได้ของแผ่นดินให้ครบถ้วนตามความเป็นจริง แต่กรณีที่เรายังไม่พบถึงขั้นที่เจ้าหน้าที่เองไปมีพฤติการณ์ในการทุจริต หรือร่วมกับทางเอกชนในการที่จะแสวงหาประโยชน์ ถ้าหากพบเห็นก็จะดำเนินการให้เป็นเรื่องกล่าวหาร้องเรียนต่อไป
นายยุทธนา วิมลเมือง หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง กล่าวว่า วันนี้มีข้อสังเกตจากการจำหน่ายตั๋วของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่วันนี้มีการซื้อตั๋วของบริษัทต่าง ๆ ระบุว่าเป็นคนไทย 500 คน แต่จากการสังเกตของคณะทำงานฯ พบว่าน่าจะมีไม่ถึง 10% อาจจะ 30-40 คนโดยประมาณ ซึ่งผิดปกติวิสัย และเรื่องของการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่จะเห็นว่าไม่ไปดำเนินการตรวจนับให้มันตรงตามใบงาน หรือ E-Ticket ที่ซื้อมา ซึ่งตัวเลขแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เรือบางลำบางบริษัทซื้อมาแค่ 5 คน แต่มาจริงเต็มลำคือ 50 คน มีส่วนต่างจำนวนมาก ซึ่งตรงนี้เดี๋ยว ป.ป.ช จะติดตามเจ้าหน้าที่ว่าจะต้องดำเนินการปรับหรือไม่อย่างไร กลายเป็นข้อสังเกต ซึ่ง 1 เดือนที่ผ่านมามีแค่รายเดียวที่มีการเปรียบเทียบปรับ โดย ป.ป.ช จะขอข้อมูลย้อนหลังมาดู และต้องดำเนินการกับบริษัทที่ซื้อตั๋วผิดประเภทหรือไม่ซื้อตั๋วให้ตรงตามจำนวนนักท่องเที่ยว
นายฤทธิกรณ์ นุ่นลอย นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ปฎิบัติหน้าที่ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา กล่าวว่า จากการที่ได้สุ่มตรวจพบข้อผิดพลาดในบางรายที่ไม่ตรง ทุกครั้งที่ตรวจพบจะมีการจับปรับ ครั้งแรก 5,000 บาทและมีการจ่ายเงินในใบเสร็จให้ครบ ซึ่งมีอยู่ประปรายและปรับเรื่อยไป สาเหตุอาจจะมาเช้า ขาดเกินมาก็ปรับเพราะเราเก็บเงินต่อไม่ได้ต้องปรับเป็นวินัยทันที เคสปรับมีวันละ 5,000-10,000 บาท บางวันก็ไม่มี บางวันก็ 2 หมื่นก็แล้วแต่ ระเบียบปรับเป็นวินัย กฎหมายใหม่ ซึ่งมีองค์คณะ 3 ตัวมีระดับชำนาญงานพิเศษ ชำนาญการ และระดับปฎิบัติการ บางทีก็รวมถึงความผิดอื่นด้วย เช่น ทอดสมอในอุทยานฯ จับเต่า หรือความผิดทั่วไปก็อยู่ในข้อดี คือปรับ ถ้าไม่ปรับก็ดำเนินคดี ซึ่งอำนาจอยู่ที่อุทยานฯ เอง ถ้าพบมีการกระทำความผิดอยู่ บางครั้งก็มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนเจ้าหน้าที่ฯ
มีการสุ่มตรวจและลงโทษ มีหนังสือแจ้งเตือนผู้ประกอบการ ไกด์ให้กวดขันไม่เช่นนั้นจะโดนค่าปรับตามจำนวน 3 ครั้งแล้วต้องเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งเท่าที่ทราบยังไม่เคยมีใครถูกเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งก็เพิ่งย้ายมา ส่วนสาเหตุของการรั่วไหลของจำนวนเงินในแต่ละวัน 1.น่าจะมาจากการรวบรวมแมนนวลหรือการสรุปตัวเลข 2. นักท่องเที่ยวบางส่วนมาไม่ครบหรืออาจจะไปเล่นน้ำจากจุดอื่นมา ซึ่งมีหลายปัจจัย แต่วันนี้ที่ได้คุยกับ ป.ป.ช มี 3-4 ปัจจัยด้วยกัน เราจึงต้องควบคุมปัจจัยเหล่านั้นและกวดขันให้มากขี้น ซึ่งเราต้องหมั่นสุ่มตรวจอยู่เรื่อยเพื่อไม่ให้มีช่องว่าง
ซึ่งอยากให้กรมอุทยานฯ ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ฯ ที่มีนักท่องเที่ยวมากขึ้น อาจจะบางปีมาก บางปีน้อย ถ้าปีที่น้อยก็ทำงานทัน แต่ถ้าปีไหนนักท่องเที่ยวมากก็ทำให้การควบคุมอาจจะรั่วไหล อาจจะไม่กวดขันในการนับจำนวน ซึ่งเราต้องเพิ่มจำนวนคนนับและใช้เครื่องมือช่วย เท่าที่ทราบมาหลังโควิด เมื่อก่อนเก็บสดหน้าหาด ซึ่งมีการรั่วไหลเป็นจำนวนมาก ถ้าเก็บหน้าหาดก็รั่วไหลจากหลายอย่าง 1. นับทอนผิด 2. นับไม่ทัน 3.ทำเงินตกน้ำ มีการขโมยเงินทอง หลายปัจจัย แต่พอเป็น E-Ticket ที่เกาะไม่มีเงินเลย ลดโอกาสทุจริตน้อยลง ซึ่งหลังจากมี E-Ticket แล้วมีอยู่บ้าง ก็ต้องมีการสุ่มตรวจหรือใช้เครื่องมือทันสมัย ใช้ริสแบนด์หรือใช้เครื่องมือให้มากแทนการนับคน เพราะการนับคนมี Error หลายอย่าง ทั้ง 3-4 ปัจจัยและเรื่องต่าง ๆ ที่ต้องควบคุม
เบื้องต้นทาง คณะทำงาน ป.ป.ช. ชุด ฉก.ฉลามอันดามัน จะทำการของตรวจสอบพยานหลักฐานหรือเอกสารต่างๆ อย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งได้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด หากพบมีข้อมูลว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนรู้เห็นเป็นใจร่วมกับผู้ประกอบการ จะมีการดำเนินการยกเหตุสงสัยว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น และจะดำเนินการตามขบวนการต่อไป พร้อมทั้งให้ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา ได้ดำเนินการตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่มีการเปรียบเทียบปรับกับบริษัทฯหรือไม่ และเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามกฎของอุทยานฯ หรือไม่ต่อไป
โดยล่าสุดมีรายงานว่า นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า ได้มีคำสั่งย้าย นายฤทธิกรณ์ นุ่นลอย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา ออกจากพื้นที่ในระหว่างตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดเบื้องลึก! ฟัน 'ภูมิ' รวยผิดปกติ ป.ป.ช. กางชื่อ 'บิ๊กการเมือง-ขรก.' โกงข้าว จ่อคิวเชือด
เปิดเบื้องหลัง ป.ป.ช. ฟัน 'ภูมิ สาระผล' รวยผิดปกติ เซ่นพิษคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี กางชื่อบิ๊กการเมือง-ขรก.ระดับสูง อยู่ระหว่างตรวจสอบ
ป.ป.ช. ฟันซ้ำ! 'ภูมิ สาระผล' ร่ำรวยผิดปกติ ชงศาลยึดทรัพย์
ป.ป.ช. ฟันเพิ่ม 'ภูมิ สาระผล' อดีตรมช.พาณิชย์-อดีตสส. ร่ำรวยผิดปกติ ชงอัยการสุงสุดยื่นศาลฎีกานักการเมืองสั่งยึดทรัพย์ 19 ล้านบาท
'ปชน.' โรยเกลือ 'นายกฯอิ๊งค์' 3 แผลใหญ่ ยื่นฟันหลายข้อหา แต่ไม่ถอดถอน
'วิโรจน์' เปิดแผนยุทธการโรยเกลือ 'นายกฯอิ๊งค์' 3 แผลใหญ่ 'ตั๋ว P/N - โรงแรมหรูเขาใหญ่ --ชั้น 14' ลุยร้อง ป.ป.ช. ฟันหลายข้อหา ยี้มรดกบาปรัฐประหาร ไม่ยื่นถอดถอน
‘อดีตสว.ดิเรกฤทธิ์’ ชี้ ‘ชั้น14-ฮั้วสว.’ พิสูจน์หลักนิติรัฐ-นิติธรรม จะมีอยู่จริงหรือไม่
หลักนิติรัฐและนิติธรรมจะมีอยู่จริง ผู้ใช้อำนาจต้องสุจริต ทุ่มเท และกล้าหาญเอาผิดคนทุจริตได้ ประชาชนต้องช่วยกันติดตาม มีส่วนร่วมวิพากษ์วิจารณ์ อย่าให้ใครทุจริต อืดอาด และหมกเม็ด
ป.ป.ช. ลากตัว 'อดีตบิ๊ก พศ.' ประสานสหรัฐฯ ขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
ป.ป.ช.ขยับแล้ว ประสานสหรัฐฯ ขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน “นพรัตน์” อดีตผอ.พศ. คดีเงินทอนวัด
'เต่ากระ' ขึ้นวางไข่ริมชายหาดเกาะลังกาจิว 143 ฟอง
นายอุกฤษฏ์ ดีทองอ่อน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ประจำเกาะลังกาจิว เขตพื้นที่ตำบลหาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร พบร่อยรอยเต่าทะเลขึ้นมาขุดหลุมวางไข่ริมชายหาด