
18 เม.ย. 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกโซเชียลมีเดียและเพจต่างๆ ทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้เผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งบันทึกภาพเหตุการณ์ภายในตึกฉุกเฉิน โรงพยาบาล (รพ.) มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ขณะที่มีญาติผู้ป่วยเป็นชายผมยาว สวมเสื้อสีเขียว ใส่กางเกงสามส่วนสีดำ ได้เข้ามาเยี่ยมคนป่วยที่กำลังนอนรอการรักษา โดยพยาบาลได้ตรวจคนไข้ที่เข้ารับการรักษา เนื่องจากมีจำนวนมาก จากนั้นชายเสื้อเขียวได้บอกกับพยาบาลว่า “พี่ครับช่วยได้มั้ยครับ คนไข้จะไม่รอดแล้ว หรือจะเอายังไงจะให้ถ่ายคลิปหรือไม่ แม่ผมจะตายแล้วนี่ให้มาดูด้วย ผมใจร้อนเหมือนกันนะ”
จากนั้นพยาบาลได้เดินเข้ามาพูดคุยและอธิบายว่า แพทย์ได้มีการมาตรวจรอบแรกแล้ว และกำลังรอดูอาการ แต่ชายคนดังกล่าวยังคงไม่พอใจ และยังพูดเสียงดัง พร้อมกับขู่จะเอาเรื่องลงโซเชียล ก่อนที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่เป็นผู้ชายสวมใส่ชุดสีน้ำเงิน จะมาพูดคุยกับชายคนดังกล่าวพร้อมกับยกมือไหว้ บอกให้ใจเย็น แต่ก็ไม่เป็นผลโดยบอกว่า ใจเย็นไม่ได้เพราะแม่ใกล้จะตาย จนกระทั่งพยาบาลที่มาพูดคุยด้วยคนแรก ได้เดินเข้ามาพูดคุย พร้อมบอกว่า ขอให้ออกไปรอข้างนอก และจะช่วยรักษาแม่ให้หาย ซึ่งได้ดูอาการตั้งแต่ที่เข้ารักษาตัว แต่ชายคนดังกล่าวก็ยังไม่พอใจ และเดินโวยวายเสียงดังออกไป และยังโวยวายว่าเป็นโรงพยาบาลฆ่าสัตว์ จากนั้นพยาบาลได้เข้ามาดูอาการอีกครั้ง
ในเวลาต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ไปที่ นายพรพล เหล่าวิทวัส ผู้อำนวยการ รพ.มัญจาคีรี ทราบว่าได้มีการมอบอำนาจให้ นางนงลักษณ์ แก้วศรีบุตร พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ลงบันทึกประจำวันแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี กรณีที่ญาติผู้รับบริการมาเอะอะ โวยวาย ด่าทอ ดูหมิ่น เจ้าหน้าที่ และว่าโรงพยาบาลฆ่าสัตว์โรงพยาบาลมัญจาคีรี ดำเนินคดีตามกฎหมายจนกว่าจะถึงที่สุดกับชายคนดังกล่าว
ทางด้านความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่ รพ.มัญจาคีรี โดยพบกับ นพ.พรพล เหล่าวิทยา ผอ.รพ.มัญจาคีรี ซึ่งได้พูดคุยกับแพทย์และพยาบาลประจำห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ปฎิบัติหน้าที่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นพ.พรพล เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ซึ่งมีผู้ป่วยเข้ามารับการบริการเป็นจำนวนมาก และวันดังกล่าวญาติของผู้ป่วยในคลิปที่โวยวายได้อุ้มแม่เข้ามาขอรับการรักษา ซึ่งตอนนั้นผู้ป่วยซึ่งเป็นแม่จะร้องไห้อยู่ตลอด บ่นหายใจไม่อิ่ม จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าเจ้าหน้าที่ได้มีการวัดสัญญาณชีพทันทีและตรวจคัดกรอง ซึ่งสัญญาณชีพณขณะนั้นปกติ ซึ่งทางการรักษาจะแบ่งผู้ป่วยเป็นสีโดยผู้ป่วยรายนี้อยู่ในกลุ่มสีเขียวซึ่งไม่ได้เร่งด่วนมาก หลังจากพยาบาลคัดกรองเสร็จก็ได้แจ้งแพทย์ แต่ในห้องฉุกเฉินก็มีคนไข้เป็นจำนวนมาก ทั้งทั้งคนไข้ต้องส่งต่อถึงห้าเที่ยว ทำให้อัตรากำลังต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างจะไม่เพียงพอ แม้จะมีการจัดอัตราเสริมเข้ามาแล้ว พร้อมทั้งได้แจ้งทางญาติด้วยว่าตรวจเบื้องต้นแล้ว แต่ทางลูกชายอาจจะไม่เข้าใจว่ามีการตรวจคัดกรองเบื้องต้นไปแล้ว จึงได้โวยวายไปตามคลิปวงจรปิดและไม่แน่ใจว่ามีอาการของการดื่มสุราร่วมด้วยหรือไม่
“พยาบาลและเจ้าหน้าที่พยายามบอกให้ใจเย็นไม่อยากให้ความรุนแรงในห้องฉุกเฉิน เพราะมีญาติผู้ป่วยและผู้ป่วยอีกหลายคนที่อยู่ภายในห้อง จึงใช้ความอดทนพอสมควรทั้งยังยกมือไหว้ขอให้สงบและขอให้ออกไปจากห้องฉุกเฉิน แต่ลูกชายของผู้ป่วยก็ยังโวยวายไม่หยุดและมีคำพูดต่างๆนานาออกมา ทางโรงพยาบาลจึงได้มีการประชุมพูดคุยกันแล้ว จึงมีข้อสรุปต้องการให้โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย ไม่มีความรุนแรง ทีถ้อยอาศัยเห็นอกเห็นใจร่วมกันระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ซึ่งในคลิปจะเห็นได้ว่าหมอและพยาบาลไม่ได้นั่งเฉยเดินช่วยเหลือคนไข้อย่างต่อเนื่อง เพราะมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากและมีผู้ป่วยที่เร่งด่วนรายนี้จึงต้องมีการเรียงลำดับ ซึ่งในส่วนนี้ก็อาจทำให้ผู้รับบริการไม่เข้าใจ ที่มีความคาดหวังว่าต้องได้รับการให้บริการที่รวดเร็ว” นพ.พรพล ระบุ
ผอ.รพ.มัญจาคีรี กล่าวว่า สำหรับการแจ้งความนั้นทางโรงพยาบาลได้มีมติร่วมกันว่าหากเจ้าหน้าที่ทั้งเหนื่อยกายแล้วจะต้องมาเหนื่อยใจอีก ก็จะทำให้เจ้าหน้าที่เกิดความท้อ และอาจนำไปสู่การลาออก ก็อยากจะให้เห็นใจกันทั้งผู้ให้บริการ ญาติผู้ป่วย และผู้มารับบริการ เพราะเราก็ทำเต็มที่อยากให้เข้าใจกันทุกฝ่ายได้เป็นสังคมที่น่าอยู่ และการแจ้งความในครั้งนี้ก็อยากให้รู้ว่าโรงพยาบาลควรจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยปราศจากความรุนแรงถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ไม่เข้าใจกันก็ควรพูดคุยกันได้ เราไม่ได้ต้องการให้เอาผิดอะไรกันใหญ่โต เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์ จึงอยากให้ญาติเข้าใจและอยากให้ทุกโรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย เพราะหมอและเจ้าหน้าที่ก็เหนื่อยมากในการให้บริการ หากสังคมเห็นอกเห็นใจและเข้าใจก็จะเป็นสิ่งที่ดีต่อกัน
ขณะที่ พ.ต.อ.ธีร์ธัชช์ พงษ์สุวรรณ์ ผกก.สภ.มัญจาคีรี กล่าวว่า เบื้องต้นจะเรียกสอบปากคำพยาบาลที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อน 3 ปาก เพื่อให้ทราบข้อมูลข้อเท็จจริง ในส่วนของการแจ้งข้อหานั้นต้องรอผลการสอบปากคำ และทาง ผอ.รพ.ต้องการให้ดำเนินคดีในส่วนของความผิดเรื่องสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ในส่วนของข้อหาหมิ่นประมาทนั้นไม่อยากให้เอาผิดกับญาติผู้ป่วยรายดังกล่าว ทั้งนี้จะต้องรอสอบปากคำและจะมีการพูดคุยกับทาง ผอ.รพ.มัญจาคีรี อีกครั้งว่าต้องการดำเนินคดีอย่างไรบ้าง เพราะความผิดในส่วนของการสร้างความเดือดร้อนรำคานเป็นโทษปรับ และส่วนของข้อหาหมิ่นประมาทนั้นก็สามารถยอมความได้ และหากมีข้อหาอื่นๆ อีกก็จะต้องพูดคุยกับทาง ผอ. อีกครั้งก่อน เพราะทางตำรวจจะดำเนินคดีตามความประสงค์ของผู้แจ้งความ.
พร้อมกันนี้ ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่บ้านของผู้ป่วยรายดังกล่าว บ้านเลขที่ 5/1 บ้านกอก ม.3 ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น โดยได้พบกับ นายสมยงค์ ชื่นใจ อายุ 71 ปี สามีของนางจำรูญ ชื่นใจ อายุ 70 ปีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในคลิป และเป็นพ่อของนายอนุชา ชื่นใจ อายุ 45 ปี ผู้ก่อเหตุ โดยทราบว่านายอนุชา เดินทางกลับ กรุงเทพฯแล้ว
นายสมยงค์ ชื่นใจ อายุ 71 ปี เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุลูกชายนั่งเล่นกีตาร์อยู่ที่บ้านตนเองนอนอยู่ในห้องนอนกับภรรยา ภรรยาตนเองลุกขึ้นมาบอกกับตัวเองว่าพ่อมันเหนื่อยมาก เลยอ่อนแรงเลย แล้วบอกว่ามองเห็นเป็นสีขาวหมดทั้งบ้านเลย มองไม่เห็นอะไรเลย ตนเองจึงปลอบภรรยาว่าไม่เป็นอะไรหรอก ในใจคิดว่าภรรยาแข็งแรง จึงบอกให้นอนต่อ แต่สักพักภรรยาบอกไม่ไหวแล้ว จะตายแล้ว จะตายให้ได้ และอ่อนแรงไปหมดทั้งตัว ตอนนี้กินกับลูกชายให้ช่วยพาแม่อุ้มขึ้นรถแล้วพากันไปส่งโรงพยาบาล ก่อนจะเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น
“ผมตามไปทีหลังก็ไปเจอเหตุการณ์พอดี จึงถามรู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้แล้วบอกให้ลูกหยุดจนผมเกือบร้องไห้ พอบอกลูกชายว่าเชื่อพ่อเถอะ ลูกชายตะคอกกลับมาว่าเชื่ออะไร เป็นเพราะพ่อนั่นแหละ ผมจึงพยายามบอกให้หยุดอายคน แล้วก็ไล่ให้ออกไป ก่อนที่ลูกชายจะกลับมาที่บ้านทันที ซึ่งผมได้เข้ามาขอโทษคุณหมอและเจ้าหน้าที่พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษแทนลูกชาย ก่อนจะกลับมาบ้าน แต่ก็ไม่ได้คุยกับลูกลูกชายก็ไม่พูดไม่จา แล้วลูกชายก็กลับกรุงเทพฯไป” นายสมยงค์ กล่าว
ส่วนอาการโรคหรือหืดหอบของภรรยานั้น หมอทำได้เพียงรักษาตามอาการ และการให้บริการของคุณหมอส่วนตัวตนเองก็มองว่าทำดีแล้ว และการกระทำของลูกชายนั้นตนเองก็ไม่ได้มองว่าเกินกว่าเหตุไป ทำเพราะความรักแม่ ถ้าทางโรงพยาบาลจะเอาเรื่องลูกชายก็ต้องปล่อยไปตามกฎหมายผิดก็ว่าไปตามผิดถูกก็ว่าไปตามถูก ตนเองไม่เข้าข้างใคร.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มอบตัวแล้ว! หนุ่มคลั่งยาปาอิฐ-ไล่แทง เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ
'ไอ้เก้า' หนุ่มคลั่งยาถือมีดบุกแทง-ปาก้อนอิฐ ใส่เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเรือใจกลางเมืองขอนแก่น แม่พามอบตัวแล้ว หลังหนีไปอยู่กับเพื่อน อ้างลูกเครียด
ลุยจับหนุ่มคลั่งยาทำร้ายสองผัวเมียกลางเมือง
ตำรวจขอนแก่น แกะรอยวงจรปิดเส้นทางหลบหนี จับหนุ่มคลั่งยาควงมีดแทง-ปาอิฐใส่เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวกลางเมือง
พยาบาลพร้อมกู้ภัย ปีนลงบ่อลึกช่วยคนงานพลัดตก
พยาบาลและกู้ภัยปีนลงบ่อช่วยคนงานพลัดตกจากที่สูงกระเด็นตกบ่อลึกกว่า 4 เมตร คาดสาเหตุวูบจากอากาศร้อน
'พิธา' ฝันใหญ่ 9 ปี กลับมาเป็นายกฯที่ดีที่สุดของประเทศ
'พิธา' ช่วยหาเสียงเลือกนายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ประกาศ จะเดินทางหาความรู้อีก 9 ปี แล้วจะกลับมาเป็นนายกฯ ที่ดีที่สุดของประเทศ ห่วงไม่รู้เศรษฐกิจจะตกต่ำไปอันดับไหนถ้ากลับมา