เหตุปะทะ 'ช่องสายตะกู' ทหารเสียชีวิต 1 นาย ผู้อพยพไม่เชื่อใจเขมรแว้งกัดตลอด

เหตุปะทะที่ช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เมื่อคืนที่ผ่านมา ก่อนถึงกำหนดเวลาหยุดยิงตามข้อตกลง มีทหารไทยบาดเจ็บ 4 นาย ต่อมาเสียชีวิต 1 นาย ซึ่งมีกระสุนปืนใหญ่ จรวด BM-21 ตกตลอดทั้งวัน 77 ลูก รวม 5 วัน 237 ลูก และยังไม่มีคำสั่งให้ประชาชนกลับเข้าพื้นที่ ขณะผู้อพยพหนีภัยสู้รบ เผยยังไม่เชื่อใจกัมพูชา เปรียบเหมือนชาวนากับงูเห่าพร้อมแว้งกัดตลอดเวลา เผยหากการเจรจรไทยมีแนวโน้มจะเสียดินแดน ก็ยอมอยู่ศูนย์พักพิงต่อเพื่อให้ทหารปกป้องอธิปไตยเต็มที่ 
 
29 กรกฎาคม 2568 - จากข้อมูลรายงานของอำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดน  พบว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาตั้งแต่ช่วงเวลา 19.00-19.55 น. (28 ก.ค.68)  ก่อนถึงกำหนดเวลาหยุดยิงตามข้อตกลงของทั้งไทยและกัมพูชาตอนเที่ยงคืน   ยังคงมีการปะทะกันที่บริเวณด่านพรมแดนช่องสายตะกู  อ.บ้านกรวด  ฝั่งตรงข้ามกับช่องจุ๊บโกกี อ.บันเตียอัมปึล จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ส่งผลให้มีทหารไทยบาดเจ็บจากการยิงปะทะกัน จำนวน 4 นาย ถูกนำตัวส่ง รพ.บุรีรัมย์ ในจำนวนนี้ต่อมาเสียชีวิต 1 นาย แต่ไม่มีรายงานพลเรือนได้รับบาดเจ็บ                
         
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงตอนช่วงค่ำก่อนจะหยุดยิง ได้มีกระสนปืนใหญ่ และหัวจรวด BM-21 ตกในพื้นที่ อ.บ้านกรวด เพิ่มอีก 77 ลูก แต่หลังจากเที่ยงคืนตามข้อตกลงหยุดยิง  ยังไม่ปรากฏเสียงปืน หรือระเบิดจากการยิงปะทะแต่อย่างใด ขณะที่การสู้รบกันตลอด 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 24–28 ก.ค.68  ได้มีกระสุนปืนใหญ่ และจรวด BM-21 ตกในพื้นที่ อ.บ้านกรวด รวมจำนวน 237 ลูก
 
ทั้งนี้ ทีมข่าวยังได้ไปติดตามบรรยากาศ ที่ศูนย์พักพิงสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์  ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นจุดหลักที่มีผู้อพยพหนีภัยสู้รบมาพักอาศัยอยู่ จำนวนมากเกือบ 15,000 คน  ซึ่งต่างก็รู้สึกดีใจที่มีการเจรจาหยุดยิง  เพราะไม่อยากให้ทั้งทหาร และประชาชนเกิดการสูญเสียอีก  แต่ส่วนใหญ่ก็ยังไม่เชื่อใจกัมพูชา เพราะตลอดการสู้รบที่ผ่านมากัมพูชาจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน และยังเปรียบกัมพูชาเหมือน “ชาวนากับงูเห่า” ที่พร้อมจะแว้งกัดตลอดเวลา    
     
ทั้งนี้ ผู้อพยพ ยังบอกอีกว่า   หากการเจรจาไทยมีแนวโน้มจะเสียดินแดน หรือเสียเปรียบไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม   ประชาชนก็พร้อมจะทิ้งบ้านอยู่ที่ศูนย์พักพิงต่อ  เพื่อให้ทหารแนวหน้า  ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มที  
 
พร้อมทั้ง ยังได้ฝากสื่อสารถึงประชาคมโลก   ว่าให้ความเป็นธรรมกับไทยด้วย  เพราะที่ผ่านมาไทยเป็นฝ่ายถูกกัมพูชารุกรานมาตลอด ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน  ไทยเป็นคนซื่อสัตย์และใจเคยไปรุกรานใครก่อน  แต่เมื่อถูกรังแกก็พร้อมจะสู้กลับเพื่อปกป้องบ้านเมืองของตัวเองทุกเมื่อ
 
ขณะที่ โรงเรียนตามแนวชายแดนกว่า 80 แห่ง ยังมีการประกาศปิดเรียนต่อไปจนถึงวันที่ 1 ส.ค.68 นี้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่

นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล

นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีความพร้อมเต็มที่ ดูแล-อพยพประชาชน

นายกฯ มอบนโยบายชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดเตรียมแผนดูแลประชาชน เผย ยืมสตาร์ลิงค์ทหารไว้สื่อสารแล้วเปรียบ ”ชรบ.“ เป็นกำแพงมหึมาดูแลแนวหลังให้ปลอดภัย - สร้างความสบายใจให้ทหารไม่ต้องพะวงหลังห่วงครอบครัว ชี้ ใครคิดรบกับไทยคงประสาทไม่ดี

นายกฯ สวมชุด อส. นำคณะบินตรวจราชการ จ.บุรีรัมย์ มอบนโยบาย ชรบ.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม

โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน

รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568

ชาวบ้านรวมกลุ่มปลูกพืชผักสวนครัว-เมล่อนญี่ปุ่น โกยรายได้งาม

ชาวบ้าน เกษตรกร ชาวอำเภอพลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ รวมกลุ่มปลูกผักและปลูกเมล่อนญี่ปุ่น ปลอดสารพิษ 100% มีตลาดรับซื้อชัดเจน จากอาชีพเสริมกลายเป็นอาชีพหลัก สร้างรายได้หาเลี้ยงครอบครัว ได้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

หวิดเสียขาที่ 8! ทภ.2 แจงทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย เป็นของเก่ากัมพูชาวางไว้

กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงเหตุการณ์เสียงระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 14.20 น. หน่วย ร้อย.ร.1622 ซึ่งปฏิบัติภารกิจในพื้นที่