
อีกทางเลือก ‘พรรคปัดเศษ’
คงสถานะ ‘หัวหมา’ บนความขัดแย้ง
แม้จะยังมีควันหลง ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. เพราะสามารถหาพรรคการเมืองสังกัดใหม่ได้ภายใน 60 วันตามกฎหมาย จากกรณียุบพรรคประชาชนปฏิรูปและย้ายมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ
หลายคนเห็นว่า เป็นการทำลายระบบการเมืองไทย ย้อนกลับไปสู่สิ่งที่พรรคไทยรักไทยเคยทำ แต่นั่นเป็นเพียงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และความเห็นทางกฎหมายเท่านั้น เพราะถึงตรงนี้ย่อมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้
ขณะเดียวกัน สิ่งที่มีการคาดการณ์กันไว้ว่า หากนายไพบูลย์ไม่พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. ย่อมก่อให้เกิดเป็นไพบูลย์โมเดลให้พรรคขนาดเล็ก โดยเฉพาะพรรคที่มี ส.ส.เพียงคนเดียว เลียนแบบและทำตาม
ซึ่งเป็นจริงเช่นนั้น สิ้นเสียงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่กี่ชั่วโมง พิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ออกมาเปิดเผยว่า ได้มีมติเลิกพรรคประชาธรรมไทยไปตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคมแล้ว และเตรียมจะย้ายเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
กลายเป็นพรรคเล็ก พรรคที่ 3 ที่เลิกพรรค และย้ายมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ ต่อจากพรรคประชาชนปฏิรูปของนายไพบูลย์ และพรรคประชานิยมของ พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ ที่เปิดตัวไปตั้งแต่กลางปีที่แล้ว
มีการจับตากันอย่างมากว่า หลังจากนี้อาจจะมีพรรคเล็กเดินตามไพบูลย์โมเดลอีก โดยเฉพาะคนที่ต้องการต่อยอดทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า เนื่องจากกติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เอื้ออย่างยิ่งต่อพรรคขนาดเล็ก
เหมือนที่นายพิเชษฐระบุเอาไว้ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงกติกาเลือกตั้งที่ไปใช้บัตร 2 ใบ ทำให้พรรคเล็กไปต่อไม่ได้ และนโยบายพรรคไม่สามารถขับเคลื่อนได้ในหลายเรื่อง จึงต้องอาศัยพรรคใหญ่ขับเคลื่อน
ปัจจุบันพรรคเล็ก ที่มี ส.ส.เพียงคนเดียว ซึ่งยังไม่ได้มีการเลิกพรรค เหลือทั้งสิ้น 10 พรรค ได้แก่ พรรคประชาธิปไตยใหม่, พรรคพลังธรรมใหม่, พรรคพลังชาติไทย, พรรคประชาภิวัฒน์, พรรคพลังไทยรักไทย, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน, พรรคพลเมืองไทย, พรรคไทรักธรรม, พรรคไทยศรีวิไลย์ และพรรคพลังปวงชนชาวไทย
1 ใน 10 พรรคขนาดเล็กที่เหลือ มีเพียงพรรคพลังปวงชนชาวไทยของ นายนิคม บุญวิเศษ พรรคเดียวที่อยู่กับฝ่ายค้านมาตั้งแต่ต้น ขณะที่พรรคไทยศรีวิไลย์ของนาย มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เพิ่งแยกตัวออกจากรัฐบาลไปเมื่อไม่นาน
อย่างไรก็ดี ยังมีพรรคขนาดเล็กบางพรรคยืนยันที่จะไม่เดินตามไพบูลย์โมเดล อย่าง นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ และนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม
สาเหตุที่บางพรรคเลือกที่จะไม่ยุบ ทั้งที่กฎหมายเปิดอ้า ส่วนหนึ่งเพราะยังมีความหวาดระแวงถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองไทย ตลอดจนกติกา แม้จะมีการทูลเกล้าฯ ถวายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้วก็ตาม
เหมือนที่ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เตือนเอาไว้ ตราบใดที่รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา อะไรย่อมเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เพราะการเมืองไทยยุคนี้มักมีอะไรที่เป็นปาฏิหาริย์ หรือมีสิ่งที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้นได้เสมอ
เพราะหากยึดตามกฎหมายที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยระบุไว้ หากมีการยุบสภาก่อนที่ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือร่างกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งจะมีผลบังคับใช้ การเลือกตั้งในครั้งต่อไปจะยังใช้กติกาเดิมคือ บัตรเลือกตั้งใบเดียว
แม้โอกาสจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นค่อนข้างยาก แต่รัฐบาล 3 ป. มักทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงมาเสมอตั้งแต่ยังเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
อีกสาเหตุหนึ่งคือ พรรคเล็กหลายพรรคยังพอใจในสถานะความเป็นพรรค 1 เสียง แม้ปัจจุบันเสียงของรัฐบาลกับฝ่ายค้านจะมีช่องว่างห่างกันหลายช่วงตัวจนอยู่ในระยะปลอดภัยแล้วก็ตาม แต่พรรคเล็กยังคงมีความสำคัญ
โดยเฉพาะความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล ตลอดจนภายในพรรคพลังประชารัฐที่ยังดำรงอยู่ ทำให้ทุกๆ เสียงมีความหมาย สามารถใช้เป็นกลเกมในสภาเพื่อต่อรองบางอย่างได้
เหมือนกับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา พรรคเหล่านี้คือตัวแปรที่นำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการสร้างความแตกต่างของคะแนนรัฐมนตรีที่ถูกซักฟอกแต่ละคน
รวมไปถึงการพิจารณากฎหมายสำคัญของสภาหลังจากนี้ ซึ่งบางฉบับหากไม่ผ่านสามารถทำให้รัฐบาลกระเด็นตกจากคานอำนาจได้ ดังนั้นในภาวะที่ความขัดแย้งภายในของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐยังมีอยู่ จึงยิ่งทำให้พรรคเล็กเหล่านี้มีราคาค่างวด
ถึงขนาดมีการค่อนแคะกันว่า หลังความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กฎหมายทุกฉบับในสภาจะเจอสารพัดกลเกม และอาจมีสิ่งที่เรียกว่า ค่าบริการ
ประกอบกับย้ายไปตอนนี้ อาจจะดูมีค่า เพราะยังเป็น ส.ส. แต่ครั้งหน้าอาจหาที่ลงยาก ต้องแก่งแย่งชิงดีกับคนที่อยู่มาก่อนอีกจำนวนมาก
สู้เป็น ‘หัวหมา’ ตอนนี้ ดีกว่าไปเป็นหางราชสีห์ ที่ยังไม่มีอะไรแน่นอน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)


