
หลังวันที่ 22 พฤษภาคม ชาวกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะได้ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ตามวิถีประชาธิปไตยหลังสนามเมืองหลวงแห่งนี้ติดหล่มจากคำสั่งของ คสช.จากผลพวงคณะรัฐประหารเมื่อปี 2557
สำหรับผลการเลือกตั้งที่ออกมา นอกจากจะได้พ่อเมืองกรุงเทพฯ แล้ว ที่พร้อมจะขับเคลื่อนนโยบายตรงโจทย์คนกรุง ยังเป็นการประเมินสถานการณ์การเมืองสนามใหญ่ในการเลือกตั้งปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าสนามเมืองกรุงมีผู้อาสาตัวเข้ามาทำงานมากมาย แม้จะต้องตัดคะแนนจากฝ่ายเดียวกันจนไม่อยากมองหน้ากัน เพราะหวังเข้ามามีอำนาจและบริหารงบประมาณต่างๆ ปีละเกือบแสนล้านบาท ควบคู่กับการผลักดันนโยบายต่างๆ ให้คนกรุง
โดยเฉพาะทางฝ่ายผู้มีอำนาจเก่า อย่างเช่น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่เพิ่งประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่เลือกที่จะหยุดพัก โดยบอกว่า "ไม่ได้ยึดติดอำนาจ แต่ต้องการมาทำงานที่ค้างอยู่ต่อให้เสร็จ รวมถึงทำสิ่งใหม่ๆ ที่ดีให้กับสังคมกรุงเทพฯ"
พร้อมกับขอโอกาสคนกรุงเทพฯ เพื่อเข้าสู่อำนาจผ่านระบบเลือกตั้งเพื่อผลักดันงานต่างๆ ต่อไปในนามอิสระ ภายใต้สโลแกน “กรุงเทพฯ ต้องไปต่อ"
จุดแข็งคือความได้เปรียบ เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ครองเก้าอี้ดังกล่าว ก็วางฐานอำนาจและฐานการเมืองในรั้วเสาชิงช้า และสำนักงานเขตต่างๆ พร้อมทั้งมีทีมผู้สมัคร ส.ก.ในนาม กลุ่มรักษ์กรุงเทพฯ ที่เปิดตัวแก้ปัญหาให้ชาวบ้านอย่างเร่งด่วน ก่อนผู้สมัครคนอื่นๆ
แต่ข้อเสียคือ มีภาพติดหล่มคณะรัฐประหาร เพราะถูกแต่งตั้งจาก คสช.ที่อาจทำให้ชาวกรุงเบื่อหน่าย ไม่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และนิวส์โหวตเตอร์ประมาณเกือบล้านคนที่อยากให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
ที่สำคัญยังอาจตัดคะแนนกับ นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.ที่ลงมาเทียบชั้น ชิงตำแหน่งผู้ว่าเสาชิงช้า ที่มีฐานสนับสนุนจาก "ลุงกำนัน" สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาฯ กปปส. รวมทั้งได้ความสดใหม่ ที่เหนือกว่า และแว่วมาว่ากำลังจะได้รับการสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่กำลังส่ง ส.ก.ครบทั้ง 50 เขตอีกด้วย
ฉะนั้นผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม หากไม่ส่งสัญญาณให้ชัดว่าจะหนุน พล.ต.อ. อัศวิน หรือ นายสกลธี ชัดเจนว่าเป็นใคร ก็เป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะชนะฝ่ายตรงข้ามได้
เพราะต้องไม่ลืมว่าขั้วดังกล่าวนี้ยังมี ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ จากค่ายพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่แม้สถานการณ์ในพื้นที่จะร่อยหรอจากผลการเลือกตั้งปี 62 ไม่มี ส.ส.กทม.สักคน ประกอบกับกระแสข่าวในพรรคสีฟ้ามีแต่เลือดไหลออก และ "ดร.เอ้" ยังถูกรับน้องมาอย่างหนัก แต่ก็อย่าเพิ่งประมาทพรรค ปชป. เพราะอาจงัดวิชาใต้ดินมาพลิกเกมในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก็เป็นได้ อย่างที่เคยใช้มาแล้วในอดีต ที่ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องร้องสะอื้นมาแล้ว
ผิดจากสถานการณ์ฟากที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย โดยเฉพาะ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครในนามอิสระ ที่เปิดตัวก่อนใคร และคะแนนนำโด่งทุกโพล ด้วยภาพลักษณ์ "แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี" และทีมงานคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพเข้ามาซัพพอร์ต
แต่ก็อย่าชะล่าใจ เพราะ "นายชัชชาติ" ต้องเอาตัวรอดจากวิชามาร ที่หลังจากนี้จะลงมาดิสเครดิตอย่างต่อเนื่องทั้งบนดินและใต้ดิน โดยเฉพาะความเชื่อมโยงกับพรรคเพื่อไทยที่มี ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของพรรค และคนเสื้อแดงที่เป็นของแสลงของชาวกรุงในปี 2553 รวมทั้งทำให้คนเห็นว่า แท้จริงแล้ว "ชัชชาติ" ยังไม่เคยพิสูจน์ผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ นอกจาก "ภาพเดินเท่าเปล่าถือถุงกับข้าวไปรอใส่บาตร" เท่านั้น
จึงต้องดูว่า "บุรุษแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี" จะสลัดหลุดได้หรือไม่
ไม่นับการถูกตัดแต้มจากพรรคก้าวไกล โดย "วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" ที่ต้องการดันพรรคสีส้มเป็นที่ 1 ของฝ่ายประชาธิปไตย และเน้นนโยบายผ่านโซเชียลมีเดีย หวังเจาะคนรุ่นใหม่ ที่มุ่งเน้นวาทกรรมดุดัน แต่ถูกมองว่าขายฝัน และอาจสะดุดเพราะกรรมเก่า เนื่องจากเป็นพรรคสนับสนุนม็อบสามนิ้วที่เคลื่อนไหวหมิ่นเหม่ กระทั่งประชาชนส่วนใหญ่รับไม่ได้
เช่นเดียวกับพรรคไทยสร้างไทย ที่ส่ง "ผู้พันปุ่น" น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกฯ และ ส.ส.กทม.พรรคไทยรักไทย ที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ส่งเข้าประกวด
แม้จะรู้ว่า นายชัชชาติ ยังเป็นที่ 1 ในสนามเมืองหลวง ดังนั้นการสอดแทรกขึ้นมาคงเป็นเรื่องยาก แต่ของใหม่อย่างพรรคไทยสร้างไทยก็ได้ประโยชน์ เพราะหวังใช้เวทีนี้เป็นที่เปิดตัวพรรค และบอกเล่านโยบายให้คนรู้จักเพื่อสนามเลือกตั้งใหญ่เสียมากกว่า
หลังจากนี้ แคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม. นอกจากจะต้องสู้เรื่องนโยบายต่างๆ แล้ว ยังต้องเอาตัวรอดจากสารพัดวิชามาร เพื่อเป็นฝ่ายชนะยึดสนามกรุงเทพฯ ที่จะส่งสัญญาณไปถึงการเมืองสนามใหญ่อีกด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
'ทักษิณ' ร่วมเวที 'เสก โลโซ' ร้องเพลงใจสั่งมา ในเรือนจำกลางคลองเปรม
"ทักษิณ" ขึ้นเวทีเรือนจำฯ ควงไมโครโฟนร้องเพลง "ใจสั่งมา" บรรยากาศอบอุ่นมวลความสุข เพื่อนผู้ต้องขังกว่า 1,000 คน ต่างลุกโชว์สเต็ปแด๊นซ์
เพจดังงัดภาพใหม่กว่า ตบหน้าแฟนคลับพรรคแดง ขว้างงูไม่พ้นคอ ทักษิณก็รู้จัก 'เบน สมิธ'
จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ หลังปรากฏภาพนายเบน สมิธ ถ่ายร่วมเฟรมกับบุคคลระดับสูงในแวดวงการเมืองไทย ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569


