"บิ๊กรัฐบาล" เปลี่ยนใจหลายตลบ เดินเกมกม.ลูก ชิงได้เปรียบคู่แข่ง

ตอนนี้หลายคนอาจจะกำลังรู้สึกงงๆ เกี่ยวกับกระบวนการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พ.ศ....หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ร่างกฎหมายลูก ส.ส.

ความคืบหน้าของร่างกฎหมายลูกฉบับนี้ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการมาแล้วนั้น ค้างอยู่ที่การพิจารณาของ “ที่ประชุมร่วมกันรัฐสภา” ใน ชั้นวาระสอง ซึ่งสมาชิกจะพิจารณามาตราต่างๆ ไปตามลำดับจนถึงมาตราสุดท้าย ซึ่งในที่นี้มีอยู่ด้วยกัน 32 มาตรา จากนั้นจะเข้า สู่วาระสาม โดยที่ประชุมจะต้องให้ออกเสียงลงคะแนนให้ความเห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบกับร่างกฎหมายทั้งฉบับ

อย่างไรก็ตาม ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 132 ได้กำหนดอีกว่าขั้นตอนของการออกร่างกฎหมายลูก เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบตามวาระสามแล้ว ภายใน 15 วันรัฐสภาจะต้องส่งไปให้ศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องพิจารณาว่าร่างกฎหมายนั้นขัดหรือแย้ง หรือปฏิบัติได้หรือไม่ได้อย่างไร โดยให้ทำเป็นข้อเสนอแนะ แนะนำกลับมายังรัฐสภาภายใน 30 วัน ต่อมารัฐสภาอาจเปิดประชุมร่วมกันเพื่อแก้ไขหรือไม่แก้ไขก็ได้ 

จากนั้นจึงส่งให้นายกรัฐมนตรี รอไว้ 5 วัน เพื่อทูลเกล้าทูลกระหม่อมต่อไป ทว่า ขั้นตอนนี้เกิดความคิดเห็นไม่ตรงกันระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน โดยฝ่ายรัฐบาลเห็นว่าสมาชิกรัฐสภาสามารถเข้าชื่อยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ส่วนฝ่ายค้านมองว่าสมาชิกไม่สามารถยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้แล้ว เนื่องจากต้องปฏิบัติตามมาตรา 132

เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะ กมธ.ได้ขอถอนร่างกฎหมาย ส.ส.ออกไป เพื่อปรับปรุงให้สอดรับกับมติที่ประชุมรัฐสภา ที่เปลี่ยนแปลงวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จากสูตรหาร 100 เป็นสูตรหาร 500 แทน ด้วยเหตุนี้ ทำให้คณะ กมธ.ต้องกลับไปพิจารณามาตราที่เหลืออยู่อย่างละเอียดรอบคอบ และต้องไม่เป็นปัญหากับสูตรหาร 500

ถัดจากนั้นอีกวัน คือวันที่ 27 ก.ค. คณะ กมธ.ก็ทำงานเสร็จเรียบร้อย ผลมีดังนี้ คณะ กมธ.เพิ่มมาตราขึ้นมาใหม่ 1 มาตรา คือ มาตรา 24/1 การคำนวณ ส.ส.บัญชี แบบหาร 500 กรณีเลือกตั้งไม่เสร็จ

อีกทั้งเปลี่ยนแปลงมาตรา 26  แก้ไขมาตรา 131 เกี่ยวกับการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรณีเลือกตั้ง ส.ส.เขตใหม่ด้วยเหตุทุจริตเลือกตั้งภายใน 1 ปี จากเดิม กมธ.ให้ยกเลิก กลายมาเป็นนำมาตรา 131 กลับมาใช้ตามปกติ

ต่อจากนี้ก็ต้องมาลุ้นกันว่ารัฐสภาจะพิจารณาร่างกฎหมายลูก ส.ส.ทันกรอบระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ 180 วัน หรือ วันที่ 15 ส.ค.หรือไม่ ซึ่งประเมินจากทิศทางลมแล้วคาดว่าน่าจะเสร็จทันเวลา โดยจะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาอีกครั้ง ในวันที่ 2-3 ส.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งเมื่อเข้าสู่วาระพิจารณากฎหมายลูก จะเริ่มต้นที่มาตรา 24/1

ทั้งหมดที่ว่ามานี้คือกระบวนการตราร่างกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส.

แรกเริ่มแก้กติกาเลือกตั้ง ให้ใช้ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ประชาชนมีสิทธิ์เลือกคนที่รัก พรรคที่ชอบ และให้ใช้สูตรหา ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ด้วยการหาร 100 พอใกล้เวลาต้องลงมติจะเลือกหาร 100 ฝ่ายบริหารส่งสัญญาณมายังสมุนในสภา ลงมติหักหาร 100 เอาแบบหาร 500 แทน เพราะคิดว่าตัวเองจะได้เปรียบ เอาชนะคู่แข่งขันได้ ชาวบ้านก็บ่นอุบผู้มีอำนาจเปลี่ยนใจกลับไปกลับมา จนน่ารำคาญ

ไม่วายดีดลูกคิดอีกรอบ สูตรหาร 500 ฝ่ายรัฐบาลก็ยังเสียเปรียบอยู่ดี แถมยังเจอความยุ่งยากวุ่นวายด้านกฎหมายอีก คราวนี้ข่าวหลุดออกมาจากทำเนียบรัฐบาลว่า กระบวนการทั้งหมดที่ทำๆ อยู่ในสภาไม่เอาแล้ว เพราะ “บิ๊กรัฐบาล” ต้องการกลับไปใช้รัฐธรรมนูญฉบับ มีชัย ฤชุพันธุ์ ที่เสกมาเพื่อประโยชน์รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น นั่นคือ การกลับไปใช้ บัตรเลือกตั้งใบเดียว

ข่าวลือเพียงข้ามวัน นอกจากฝ่ายค้านจะออกมาด่าแล้ว แม้กระทั่ง ส.ส.ภาคเหนือ อีสาน พรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเองยังร้องยี้

ยิ่งพรรคร่วมรัฐบาล ทั้ง “ประชาธิปัตย์” และ “ภูมิใจไทย” ยิ่งกุมขมับ เพราะทั้งสองค่ายนี้มีเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาลตั้งแต่แรก ว่าจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขืนทำแบบที่  “บิ๊กรัฐบาล” อยากได้ ก็แปลว่าไม่ได้มีการแก้รัฐธรรมนูญที่แท้จริง สังคมจะตั้งคำถามได้ว่าถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ พรรคร่วมสมควรถอนตัวจากการเป็นรัฐบาลตั้งแต่นาทีนี้เลยดีไหม

อย่างไรก็ตาม เกิดคำถามถึงแนวคิดของ “บิ๊กรัฐบาล” ในทางปฏิบัติมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นไปได้ทั้งนั้น จะยื้อเวลาแล้วไปออกเป็นพระราชกำหนด หรือจะถูลู่ถูกัง ตีตกร่างกฎหมายลูกในวาระสาม แล้วเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับไปใช้แบบบัตรเลือกตั้งใบเดียว ระบบจัดสรรปันส่วนผสม หรือจะเดินหน้าบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เอาสูตรหาร 100 หาร 500 ก็ได้ทั้งนั้น เพราะเวลาพอมี และที่สำคัญเสียงข้างมากในรัฐสภาเป็นของฝ่ายรัฐบาลอยู่แล้ว

แต่ฝากเป็นข้อคิดเดินหน้ามาถึงขนาดนี้ แล้วยังจะหันหัวกลับลำไปเดินเส้นทางเก่าที่ทุกคนต่างประจักษ์แล้วว่าเกิดปัญหาอะไรบ้าง มองแต่ว่าจะกลับมามีอำนาจใหม่อีกครั้งอย่างไร โดยไม่สนใจวิธีการ กติกาบ้านเมือง ไม่สนแม้แต่ความทระนงเกียรติในการต่อสู้ของตัวเอง คนดีๆ เขาไม่ทำกัน

นอกจากชาวบ้านจะมองว่าเป็น ไม้หลักปักขี้เลน แล้ว เขาก็ยังไม่ชอบพวกแก้กติกาเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง ได้เอาเปรียบอีกฝ่าย ในอดีตก็มีตัวอย่างแล้ว จนถูกต่อต้าน รัฐบาลชุดนี้ยังจะทำ(ผิด)ซ้ำอีกหรือ???.  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศึกชิง ‘เมืองกล้วยไข่’ ‘กล้าธรรม’ ปะทะ ‘รัตนากร’

1 ในพื้นที่เป้าหมายสำคัญของ ‘พรรคกล้าธรรม’ ภายใต้การนำของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าพรรค คือ จ.กำแพงเพชร

เปิดขั้นตอนหย่อนบัตร8ก.พ.69 บัตร3ใบเลือกตั้งพ่วงประชามติ

ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูกาลการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) อย่างเป็นทางการ โดยในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่จะมีการเลือกตั้ง สส. พร้อมกับการทำประชามติหนึ่งเรื่องในวันเดียวกัน โดยกำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 17.00 น. ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

'ภท.-ปชน.' แตกหักปม112 'พท.' ตัวแปรรอร่วมรัฐบาล

การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงโค้งสำคัญ พรรคการเมืองต่างเร่งนำเสนอนโยบาย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และทีมรัฐมนตรี เพื่อขอโอกาสประชาชนเข้ามาบริหารประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า

'บิ๊กป้อม' ลั่นพอแล้ว! เปิดบ้านป่ารอยต่อฯ อวยพรปีใหม่

'บิ๊กป้อม' เปิดมูลนิธิป่ารอยต่อฯ อวยพรปีใหม่ ลั่นอายุ 80 ปี พอแล้ว ท่ามกลางปัญหาสุขภาพรุมเร้า ถอนตัวแคนดิเดตนายกฯ เตรียมวางมือการเมือง ขณะที่อดีตบิ๊กทหารตบเท้าร่วมรับพร

ภูมิใจไทยพลัส-เปิดเกมใหญ่ ชูรัฐมนตรีคนนอก ลุยเลือกตั้ง

บรรยากาศการเมืองปลายปี 2568 ต่อเนื่องต้นปี 2569 เดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งเตรียมเปิดรับสมัคร สส.ปลายเดือนธันวาคม ก่อนจะหย่อนบัตรในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พรรคการเมืองต่างเร่งเปิดตัวผู้สมัคร นโยบายหาเสียง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงโค้งสุดท้าย

‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’

‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้