
มีสัญญาณเร่งรีบแบบเร่งรัด ที่ดูมีนัยไม่ปกติเกิดขึ้น ในการจัดทัพทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายระดับ บิ๊กตำรวจ ยศนายพล วาระประจำปี 2565
เพราะตามไทม์ไลน์ปกติของการแต่งตั้งทำโผ นายพลสีกากี หลายปีที่ผ่านมา จะอยู่ประมาณช่วงปลายเดือนสิงหาคม แต่ปีนี้ผ่านเดือนสิงหาคมมาไม่ถึง 10 วัน
ปรากฏเมื่อ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา “ผบ.ปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่จะเกษียณในเดือนกันยายนนี้ ได้เรียกประชุมบอร์ดกลั่นกรอง โดยเรียกผู้บัญชาการหน่วยต่างๆ เข้ามาให้ข้อมูลประกอบการคัดเลือกแต่งตั้งตำรวจระดับผู้บังคับการขึ้นไป วาระประจำปี 2565 ก่อนนำเสนอคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. พิจารณาให้ความเห็นชอบ
สอดคล้องกับ โผทหาร ที่มีข้อมูลออกมาว่า "ผบ.เหล่าทัพ” นัดส่งรายชื่อแต่งตั้งนายพลทหารวาระประจำปีให้กระทรวงกลาโหม ช่วง 16 สิงหาคม เพื่อรอพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.กลาโหม นัดวันประชุมบอร์ดกระทรวงกลาโหม พิจารณาให้ความเป็นชอบ คาดว่าน่าจะไม่เกิน 23 ส.ค.นี้
ทั้ง โผตำรวจ-โผทหาร ที่ปีนี้จัดทัพกันรวดเร็วกว่าปกติ ดูจะไปสอดรับกับสถานการณ์การเมือง ที่กำลังเขม็งเกลียว ในเรื่องวาระ 8 ปี พลเอกประยุทธ์ ซึ่งยังเป็นข้อถกเถียงกันถึงการดำรงตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะครบในวันที่ 23 ส.ค.2565 หรือไม่ ทุกอย่างดูเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันไปได้หมด
ยิ่ง โผตำรวจ สัญญาณพิเศษ ที่จะมีผลต่อการทำบัญชีรายชื่อ ซึ่งบิ๊กตำรวจหลายคนรอฟัง เกิดสะดุด ทำให้การแต่งตั้งบิ๊กสีกากีระดับ “นายพล” พร้อมเกิดขึ้นทันที
ทั้งนี้ สำหรับการจัดทำโผแต่งตั้งตำรวจระดับ “นายพล” วาระประจำปี 2565 ปีนี้ พบว่ามีตำแหน่งว่าง 137 ตำแหน่ง
แยกเป็น ผบ.ตร. ว่าง 1 ตำแหน่ง แทน “ผบ.ปั๊ด" ที่เกษียณอายุ
ส่วน รอง ผบ.ตร. ว่าง 4 ตำแหน่ง เพราะสามรอง ผบ.ตร. เกษียณอายุราชการ คือ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์, พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย, พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง และต้องตั้งอีกหนึ่งคนเพื่อมาแทนรอง ผบ.ตร.ปัจจุบัน ที่จะขึ้นเป็น ผบ.ตร.
“ผู้ช่วย ผบ.ตร.” ว่าง 6 ตำแหน่ง
“ผู้บัญชาการ” 13 ตำแหน่ง
“รองผู้บัญชาการ” ว่าง 36 ตำแหน่ง และ “ผู้บังคับการ” 77 ตำแหน่ง
เช็กชื่อ หยั่งกระแส ล่าสุด “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ที่จะเกษียณปี 2566 สปีดหนีคู่แข่งสองคนที่เคยไล่กวดกันมาแบบหายใจรดต้นคอ ในการชิง ผบ.ตร.คนใหม่ ทั้ง “บิ๊กหิน” พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ที่เกษียณปี 2566 และ "บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่เกษียณปี 2567
ถึงตอนนี้ เต็งหนึ่งว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ ข่าวหลายกระแสบอก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฉีกตัวทิ้งห่างคู่แข่งออกไปเรื่อยๆ
ส่วนการตั้งผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นมาเป็น พล.ต.อ.-รอง ผบ.ตร. พบว่าชื่อส่วนใหญ่ยังเป็นไปตามโผที่ออกมาก่อนหน้านี้ เช่น พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผช.ผบ.ตร. บุตรชาย พล.ต.อ.เภา สารสิน อดีตอธิบดีกรมตำรวจคนดัง มีชื่อแน่นอน ในฐานะอาวุโสอันดับหนึ่งในระดับ ผช.ผบ.ตร.
ส่วนชื่ออื่น ตัวเต็งก็มี พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. อาวุโสอันดับ 8 เกษียณปี 2569 ที่ได้แรงหนุนจาก ผบ.ตร. เพราะเคยเป็นหัวหน้าสำนักงานบิ๊กปั๊ดมาก่อน รวมถึงบิ๊กต่อ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผช.ผบ.ตร.คนดัง ที่ ส.ส.พรรคก้าวไกลชอบเอ่ยชื่อถึงในสภา ที่มีอาวุโสอันดับสุดท้าย หากโผไม่พลิกน่าจะเข้าวิน
แต่ที่ต้องลุ้นหนักก็คือตำรวจคนดัง บิ๊กโจ๊ก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 4 จะเข้าวินตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้หรือไม่ หรือจะเป็น พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข อาวุโสอันดับ 7 พลิกเบียดเข้าแทน งานนี้บิ๊กโจ๊กต้องลุ้นให้บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ช่วยดันให้สุดแรง
ขณะที่ระดับ ผู้ช่วย ผบ.ตร. การแต่งตั้งปีนี้ น่าจะเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ หลังสัญญาณเงียบ บรรดาบิ๊กสีกากี “ดาวรุ่ง” พุ่งแรง บางคนจากเดิมที่ถูกคาดหมาย เช่น พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่อาวุโสน้อยที่สุดในระดับผู้บัญชาการเวลานี้ จะพาสชั้นขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ตร. แบบก้าวกระโดดในปีนี้ หลังเป็นผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแค่ปีเดียว เพื่อชิงหลบหลักเกณฑ์การแต่งตั้งตาม พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ ที่รอประกาศใช้
แต่ข่าวว่า อาจไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย เพราะวัฒนธรรมรุ่นพี่รุ่นน้องตามสไตล์ทหาร อาจถูกนำมาใช้ ถูกนำมาประกอบกับการแต่งตั้งสีกากีรอบนี้ ที่อาจทำให้ พล.ต.ท.จิรภพวืดในช่วงโค้งสุดท้าย ที่หากเป็นแบบนี้ ก็จะส่งผลเป็นลูกระนาด จนอาจส่งผลไปถึงหลายเก้าอี้ระดับ ผู้บัญชาการ-พล.ต.ท. ที่ถูกวางไว้เดิม ได้รับผล โผพลิกตามไปด้วย
สรุปได้ว่า เมื่อทุกอย่างพร้อม อีกทั้งสถานการณ์การเมืองเร่งให้ต้องจัดทัพบิ๊กสีกากีเร็ว เพื่อป้องกันปัญหาทางเทคนิค หากภายในสัปดาห์นี้ “โผตำรวจ” จะจบ หรืออย่างช้าก็ไม่น่าเกิน 26 ส.ค. ก็มีความเป็นอาจไปได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)


