
ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 พรรคชาติไทยพัฒนาในวันที่ไร้ ‘มังกรสุพรรณ’ บรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 21 มีความคิดที่จะรีแบรนด์พรรคใหม่ ใช้นักการเมืองไฟแรงเป็นตัวชูโรง โดยมีนักการเมืองอาวุโสเป็นแบ็กอัพ
โปรเจ็กต์ดังกล่าวเรียกว่า ‘ยังบลัด’ มีการวาง ‘ลูกท็อป’ วราวุธ ศิลปอาชา ทายาทมังกรสุพรรณเป็นหัวหน้าพรรค และให้ ‘เสี่ยโต้ง’ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ เป็นเลขาธิการพรรค
‘กลุ่มยังบลัด’ ของพรรคชาติไทยพัฒนาในขณะนั้น ประกอบด้วย วราวุธ, สิริพงศ์, 2 พี่น้องปริศนานันทกุล ภราดร-กรวีร์ และเสมอกัน เที่ยงธรรม
ขณะที่ผู้อาวุโส แกนหลักของพรรค ได้แก่ ‘เฮียเม้ง’ ประภัตร โพธสุธน ‘เสี่ยตือ’ สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ‘เฮียจอง’ จองชัย เที่ยงธรรม ‘นิกร จำนง’ จะคอยทำหน้าที่ ‘พี่เลี้ยง’
แต่โปรเจ็กต์นี้ไปไม่ถึงฝั่งฝัน ทั้งที่เหลือเวลาอีกไม่กี่วันจะเข้าคูหา เมื่อพรรคชาติไทยพัฒนาตัดสินใจพับโปรเจ็กต์นี้กะทันหัน หลัง ‘ตระกูลสะสมทรัพย์’ บ้านใหญ่นครปฐม สร้างเซอร์ไพรส์ปฏิเสธพรรคพลังประชารัฐ แต่เลือกมาอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนา
การที่มีนักการเมืองอาวุโสเข้ามามากมาย ทำให้พรรคชาติไทยพัฒนา ตัดสินใจปรับแผนใหม่ ใช้นักการเมืองที่มีพรรษาสูงกว่า ‘ยังบลัด’ มาเป็นผู้นำ โดยให้ ‘หนูนา’ กัญจนา ศิลปอาชา ลูกสาวคนโตของมังกรสุพรรณ มาเป็นหัวหน้าพรรค และให้ ‘เฮียเม้ง’ มือประสานของพรรค มาเป็นแม่บ้านพรรค เพื่อใช้ประสบการณ์ประคองพรรค
การพับแผน ‘ยังบลัด’ สร้างความผิดหวังและไม่พอใจให้นักการเมืองกลุ่มยังบลัดที่อุตส่าห์ปลุกปั้นโปรเจ็กต์นี้มาเป็นอย่างมาก ถึงขั้นตัดสินใจออกจากพรรค เริ่มจาก ‘เสี่ยโต้ง’ ที่ย้ายไปพรรคภูมิใจไทย ตามด้วย ‘ตระกูลปริศนานันทกุล’ แห่ง จ.อ่างทอง คนเก่าแก่ของพรรค
อย่างไรก็ดี แม้ ‘หนูนา’ จะเป็นหัวหน้าพรรค แต่เหมือนว่า การเข้ามาดำรงตำแหน่งครั้งนี้เข้ามาในเชิง ‘สัญลักษณ์’ ในฐานะพี่สาวคนโตของตระกูล ที่พรรษาการเมืองมากกว่าน้องชาย แต่ในทางปฏิบัติได้ปล่อยให้ ‘ลูกท็อป’ แสดงฝีมือผู้นำเต็มที่
ตั้งแต่การไม่รับตำแหน่ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่ให้ ‘ลูกท็อป’ ทำหน้าที่บทบาทหัวหน้าพรรคตลอดช่วงที่ผ่านมาคือ การทำงานช่วยน้องอยู่เบื้องหลัง
งานในพรรคทั้งหมดปล่อยให้ ‘ลูกท็อป’ กับ ‘เฮียเม้ง’ จัดการเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมา 2 รัฐมนตรีในโควตาของพรรคต่างทำงานได้อย่างดี โดยเฉพาะ ‘ลูกท็อป’ ที่สามารถพากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นกระทรวงที่ได้รับคำชมเป็นลำดับต้นๆ
ไม่เพียงการทำงานที่โดดเด่น การวางตัวและทักษะการใช้ภาษาของ ‘ลูกท็อป’ ยังได้รับคำชื่นชมอย่างมาก เหมือน ‘ลูกไม้ใต้ต้น’ ที่เดินการเมืองประนีประนอมแบบ ‘เตี่ย’ แต่เป็นในเวอร์ชั่นประยุกต์ เข้ากับเทรนด์โลกปัจจุบัน
ทำให้ถูกจับตามองอย่างมากว่า การลาออกจากหัวหน้าพรรคของ ‘หนูนา’ เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อให้มีการประชุมใหญ่สามัญ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในวันที่ 3 ตุลาคมนั้น เป็นการเปิดทางให้กับ ‘น้องชาย’ ถือธงเต็มตัวหรือไม่ เพราะขณะนี้อยู่ในโหมดเลือกตั้งแล้ว
3 ปีเศษๆ ในบทบาทรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา พิสูจน์แล้วว่า วันนี้ ‘ลูกท็อป’ เพียบพร้อมทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ
ขณะเดียวกัน เมื่อไม่นานมานี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของพรรคสุพรรณบุรี เมื่อ ‘กลุ่มทุน’ ชื่อดังด้านขนส่งสาธารณะ ที่มักตกเป็นข่าวเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองต่างๆ เข้ามาให้การสนับสนุนพรรคชาติไทยพัฒนา ทำให้มีกำลังวังชาเพิ่มมากขึ้น
และแม้พรรคชาติไทยพัฒนาจะพอใจในสถานะการเป็น ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ แต่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พวกเขาเองก็หมายมั่นปั้นมือที่จะได้ ส.ส.มากกว่าการเลือกตั้งปี 2562 เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเติบโตทางการเมืองของพรรคในยุคของ ‘ทายาทมังกร’
ซึ่งท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองของหลายพรรค พรรคชาติไทยพัฒนาเองก็ตกเป็นข่าวอยู่เป็นระยะๆ ว่า ซุ่มขายขนมจีบให้กับบรรดา ‘ศิษย์เก่าชาติไทย’ ที่แยกย้ายกันไปเติบโต ให้ลมหวนกลับมาร่วมงานอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะเอาอย่างไรในการเลือกตั้งครั้งหน้า
‘บ้านใหญ่ชลบุรี’ อดีตศิษย์เก่าพรรคชาติไทย เป็นหนึ่งในก๊วนที่อยู่ในข่าวลือ เช่นเดียวกับ ‘คนเก่าแก่’ ที่แยกย้ายออกไป เพราะความไม่เข้าใจกันบางอย่างระหว่างแกนนำ ซึ่งรายหลังดูเหมือนจะปฏิเสธลมหวนไปแล้ว
แต่ ณ วันนี้ วันที่การเมืองยังไม่นิ่งมากพอ การโยกย้ายของ ‘นักเลือกตั้ง’ สามารถเกิดขึ้นได้ตลอด คนที่มาแล้วอาจจะออกไป คนที่ไม่มาอาจจะเปลี่ยนใจมาในตอนหลังก็ได้ เป็นไปได้ทั้งนั้น
พรรคชาติไทยพัฒนาเองก็รู้จุดนี้ดี ยังเดินหน้า ‘ดีล’ ไปเรื่อยๆ เพียงแต่ไม่เอิกเกริกเหมือนพรรคอื่น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
มาทั้งสุพรรณจับตา ‘ประภัตร’ เข้าค่ายภูมิใจไทย
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และในฐานะรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ได้โพสต์ภาพนายอนุทิน ชาญวีรกูล
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก


