จบศึก “มาดาม ปชป.” ชิงบัลลังก์ ลุ้นเซฟโซนปาร์ตี้ลิสต์ 15 ที่นั่ง

ก่อนหน้านี้ถ้ายังจำกันได้ พรรคประชาธิปัตย์ มีดรามาเรื่องการจัดลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยเฉพาะผู้สมัคร ส.ส.ในโควตาสตรี แย่งกันอยู่ในลำดับที่10 ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นโซนที่ปลอดภัยที่จะได้เป็น ส.ส. ขณะเดียวกันผู้สมัคร ส.ส.แต่ละคนลุ้นตัวโก่งว่าจะได้อยู่ลำดับที่เท่าไหร่

ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้เป็นวันรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเป็นวันแรก พรรคน้อยใหญ่ตบเท้าไปยื่นสมัครอย่างคึกคัก เพื่อแย่งกันจับหมายเลขบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ พรรคไหนได้หมายเลขอะไรก็มีรายงานไปเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งพรรคในกระแสส่วนใหญ่ได้เบอร์เยอะๆ ทั้งนั้น

ต้องยอมรับว่า รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ ของประชาธิปัตย์เที่ยวนี้ลับสุดยอด เพราะอำนาจสิทธิ์ขาดอยู่ที่ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และ เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคเท่านั้น แต่อย่างว่าเมื่อถึงเวลาก็ต้องเปิดเผยอยู่ดี

ปรากฏว่า อันดับที่ 10 ตกเป็นของ จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ส่วนรองลงมา อันดับที่ 11 จึงค่อยเป็น มาดามเดียร์-วทันยา บุนนาค!!! ถือว่าอยู่ในลำดับที่สามารถลุ้นเข้าวินด้วยกันทั้งคู่

สาเหตุที่ว่าเช่นนี้ เพราะมาจากกติกา ถ้าเลือกตั้งปี 66 ยังคงใช้บัตรใบเดียวพรรคก็คงเสียเปรียบเหมือนเดิม แต่เที่ยวนี้กลายเป็นใช้ บัตรสองใบ จึงมีลุ้นจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อพอสมควร เผลอๆ เซฟโซนอาจขยับจากอันดับที่ 10 ไปอันดับที่ 15 เลยก็ได้     

เลือกตั้งเมื่อปี 54 เป็นการเลือกตั้งแบบบัตรสองใบ ผลคะแนนเฉพาะ พรรคประชาธิปัตย์ ในส่วนบัญชีรายชื่อได้มาถึง 11.4 ล้านเสียง ด้าน เพื่อไทย ได้ 15.7 ล้านเสียง ซึ่งขณะนั้นคนจำนวนไม่น้อยมีแนวคิดว่าบัตรสองใบต้องเลือกพรรคการเมืองต่างขั้วกัน เพื่อให้เขาไปตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจกันในสภา

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการคำนวณ ดีดลูกคิดแล้วสรุปว่า การเลือกตั้ง 66 ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คน ต้องใช้เสียง 3.5 แสนคะแนนโดยประมาณ เมื่อบวกลบคูณหารกับคะแนนนิยมพรรคเมื่อปี 54 ก็พบว่า ประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่ออยู่ประมาณ 30 คน

ทว่า เที่ยวนี้ผลลัพธ์คงไม่ใช่แบบข้างต้น เนื่องจากยังต้องเทียบเคียงกับผลการเลือกตั้งเมื่อปี 62 ด้วย แม้เป็นการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียวมัดมือชก แต่ก็ฟ้องอะไรหลายอย่าง อย่างน้อยที่สุด เมื่อปี 54 พรรคใหญ่ เพื่อไทยกับประชาธิปัตย์แข่งกันอยู่สองพรรค แต่ตั้งแต่ปี 62 เป็นต้นมา สองพรรคดังกล่าวมีคู่แข่งที่น่ากลัว

ในฝั่งเพื่อไทยมี พรรคก้าวไกล เป็นหนามยอกอก ส่วน ประชาธิปัตย์ ต้องบอกว่าศึกรอบด้าน มีทั้งรวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ค่อยตัดคะแนนจากฐานเสียงเดียวกัน

ผลการเลือกตั้งปี 62 พบว่า เพื่อไทยได้ 7.8 ล้านเสียง อนาคตใหม่ 6.3 ล้านเสียง ถ้ายังไม่ลืมในครั้งนั้น พรรคไทยรักษาชาติ พรรคสาขาของเพื่อไทยโดนยุบ คะแนนเหล่านั้นจึงไหลไปที่อนาคตใหม่แทน ขณะที่อีกฝั่งหนึ่ง ได้แก่ ประชาธิปัตย์ได้ 3.9 ล้านเสียง พลังประชารัฐ 8.4 ล้านเสียง และภูมิใจไทย 3.7 ล้านเสียง

นั่นหมายความว่า พรรคประชาธิปัตย์ตีเป็นตัวเลขกลมๆ มีในมือประมาณ 4 ล้านเสียง อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์กันว่าคะแนนส่วนนี้ บางส่วนจะเสียให้กับทางก้าวไกล แต่สิ่งที่พอจะทดแทนกันได้คือ คะแนนจาก ภูมิใจไทย ที่พักหลังโดนโจมตีหนักในเรื่องนโยบายกัญชา และที่ผ่านมาก็ต้องบอกว่า ประชาธิปัตย์ ตอกย้ำจุดยืนหนักแน่น ไม่เอากัญชาเสรี ผิดกับท่าทีของพรรคอื่นในโทนเดียวกัน ทั้งพลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติที่ไม่ชัดเจนเท่า

อีกปัจจัยที่พอจะเติมคะแนนให้ ประชาธิปัตย์ ได้ นั่นคือเทกแอคชันกับการจัดการปัญหาฝุ่นจิ๋ว PM2.5 และชูเรื่องปัญหาน้ำท่วม ส่วนที่หวังจะให้คะแนน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไหลกลับมานั้นคงยากหน่อย เพราะกลายเป็นแฟนคลับกลุ่มเฉพาะไปแล้ว อีกทั้งประชาชนยังติดใจโครงการคนละครึ่ง บัตรคนจนด้วย

ที่เหลือคงต้องดูสถานการณ์ ส.ส.แบบแบ่งเขต ได้ยินมาว่า พลังประชารัฐ และบางส่วนที่ย้ายไป รวมไทยสร้างชาติ เมื่อได้เป็น ส.ส.แล้ว ทิ้งขว้างราษฎรไร้การเหลียวแล พรรคประชาธิปัตย์จึงมีสิทธิ์ลุ้น ส.ส.แบ่งเขตเหมือนกัน

ท้ายสุด ปัจจัยที่ไม่อาจควบคุมได้ก็เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในการเมืองไทย ทั้งเก็บบัตรประชาชน ซื้อเสียง ขายเสียง บ้างคนว่านอนมา

 แต่พอถึงโค้งสุดท้าย เจอกระสุน จบเห่ซะงั้น!.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568

‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง

ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ

'ปชป.' คิกออฟ 'ไทยหายจน' พาคนไทยหลุดพ้นทนหายใจ

'ปชป.' คิกออฟแคมเปญ 'ไทยหายจน' สะท้อนปัญหาสังคมไทย ทนหายใจไปวันๆ จากทั้งปากท้อง-สังคม-คุณภาพชีวิต-การทุจริตคอร์รัปชัน ที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง 'อภิสิทธิ์' ย้ำต้องไม่ทนอีกต่อไป

ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี

นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง

หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี