แทบทุกผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักโพลต่างๆ พรรคก้าวไกล มาแรงแซงทุกพรรค และมีแนวโน้มจะเบียดแซงคู่แข่งในฝ่ายค้านด้วยกันหลายเขต สร้างความหนักใจให้พรรคการเมืองทั้งฝ่ายตรงข้ามและ ฝ่ายเดียวกัน ว่าจำนวน ส.ส.ที่มากขึ้นของพรรคก้าวไกล จะทำให้สถานการณ์หลังการเลือกตั้งในการจัดตั้งรัฐบาลยากลำบากขึ้นเพราะกระแสของ “ก้าวไกล” ไม่ได้มีเฉพาะคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ทะลุทะลวงไปยังกลุ่มอายุอื่นๆ ในแง่ตัวบุคคล ทั้ง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรค ถูกสร้าง “ความนิยม” ในโลกโซเชียลมีเดียช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผ่านคลิปสั้นๆ โพสต์ในแอปพลิเคชัน “Tiktok” ในหลากหลายอิริยาบถ จาก ทิม-พิธา หนุ่ม Cleo กลายเป็น แด๊ดดี้-พระเอกหน้ามน สามารถเข้าถึงคนหลายล้านคนในเวลาอันสั้น
ในสถานการณ์ที่กำลังติดลมบน ก็เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวทั้งเรื่องการยุบพรรค และผู้สมัคร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายขาดคุณสมบัติตามกฎหมาย ปรากฏชัดเมื่อ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ หอบหลักฐานยื่นเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบ หลังพบข้อมูลว่า “พิธา” ปรากฏเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน)
จากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ข้อมูลเมื่อ 7 เม.ย.2566 พบว่า “พิธา” ยังคงเป็นผู้ถือหุ้น ITV ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ในลำดับที่ 6,121 เลขทะเบียนผู้ถือหลักทรัพย์ 4030954168 ที่อยู่ 98/26 อาคารซิลเวอร์เฮอริเทจ ซ.สุขุมวิท 38 ถ.สุขุมวิท พระโขนง คลองเตย 10110 สัญชาติไทย จำนวน 42,000 หุ้น ท่ามกลางการเทียบเคียงในการถือหุ้นกรณีต่างๆ และตีความกันไปหลายทางในเรื่องกรรมสิทธิ์ของหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดก
รวมไปถึงการยื่นเอกสารข้อบังคับของพรรคก้าวไกล จับประเด็นว่า พิธาจะพ้นจากสมาชิก และหัวหน้าพรรคหรือไม่ เพราะข้อบังคับพรรคก้าวไกลระบุว่า สมาชิกต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ดังนั้นเมื่อระบุเช่นนี้ มาตรา 98 (3) ก็จะทำให้พ้นสมาชิกหรือไม่ และกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งหัวหน้าพรรค ก็จะต้องขาดจากความเป็นหัวหน้าพรรคโดยสิ้นสุดเฉพาะตัว รวมถึงคณะกรรมการบริหารพรรคต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ตามข้อบังคับพรรคก้าวไกลข้อที่ 36
แต่แกนนำสมาชิกพรรค และคณะก้าวหน้า ต่างดาหน้าออกมาชี้แจงระหว่างการปราศรัยหาเสียง ยืนยันว่า บริษัทดังกล่าวไม่ได้ประกอบธุรกิจแล้ว แต่ที่ยังดำรงสถานะบริษัทไว้ เนื่องจากมีคดีฟ้องร้องกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีค้างอยู่ และพิธาได้แจ้งไปที่ ป.ป.ช.แล้ว
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกินไปจากที่คาดไว้ว่า การมาของ ก้าวไกล ได้สร้างแรงกดดันรอบด้าน โดยเฉพาะคู่แข่งที่ต้องการเข้าสู่อำนาจหลังการเลือกตั้ง
ในฝ่ายของก้าวไกลต้องพึ่งคะแนนเสียงของประชาชนที่ต้องออกมาอย่างท่วมทัน สร้างปรากฏการณ์ให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศเห็นด้วยกับแนวทางหลักของพรรค เพื่อเป็นหลักประกันให้องค์กรอิสระพิจารณาข้อกล่าวหาต่างๆ ใน กรอบข้อกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา เป็นไปตามเจตนารมณ์และเท่าเทียมทุกพรรค
นอกจากนั้นยังพลิกเกมที่ “พิธา” กำลังถูกนักร้องเรียนของฝ่ายรัฐ เดินหน้าตรวจสอบ มาเรียกคะแนนสงสาร จากคนไม่เห็นด้วยในการต่อสู้ทางการเมืองที่ไม่เป็นธรรม ไปสู่เป้าหมายในการเพิ่มเก้าอี้ให้พรรคเพิ่มขึ้นในเวลาที่เหลืออยู่
“เมื่อกระแสขึ้นสูงแบบนี้ เราจึงต้องคิดใหญ่ฝันใหญ่ คือไม่คิดแค่เป็นพรรคขนาดกลางหรือพรรคร่วมรัฐบาล แต่ต้องมี ส.ส.มากเป็นอันดับ 1 เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เมื่อมีกระแสสูง บรรดานักร้องเรียนจึงพากันขยันทำงาน เป็นมุกเดิมที่ 4 ปีที่แล้วก็ทำ ตอนนี้ก็จะทำซ้ำอีก เปิดไพ่ประเภทตัดสิทธิ์ ยุบพรรค หรือให้เราพ้นจากตำแหน่ง ทำแบบนี้มาเกือบ 20 ปี ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นใครมาแรง นี่คือนิติสงคราม ทำลายเราโดยใช้กฎหมาย ดังนั้นวิธีการต่อสู้ของเรา คือต้องยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อ สู้ต่อ ไม่กลัวไม่เกรงไม่ถอย เพราะถ้าหยุด ถ้าหงอ ถ้าหมอบ แสดงว่าอาวุธของพวกเขาใช้สำเร็จ แต่ถ้าพวกเขาทำแล้วเราไม่ตาย เรากลับมามีชีวิตใหม่ แถมไปไกลกว่าเดิม มีคนสนับสนุนมากกว่าเดิม แบบนี้เรียกกระสุนด้าน
.....มีประชาชนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก ให้มันรู้ไป ว่าถ้าเล่นพิเรนทร์แบบเดิม คุณจะเห็นพลังอันไพศาลของมวลชนพรรคก้าวไกลทั่วประเทศ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ เจอของจริงแน่นอน” นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกลกล่าว
“พรรคก้าวไกลใส่เสื้อที่พิมพ์คำว่า ตรงไปตรงมา ในการหาเสียง เพราะเราเชื่อว่าความจริงจะปกป้องเราจากความสกปรกและความเท็จทั้งมวล ความจริงอาจถูกทุบตีจนบางเฉียบ แต่ไม่มีวันแตกสลาย ยิ่งบางก็ยิ่งคม ความจริงจะลอยเหนือความเท็จ ความจริงและประชาชนจะปกป้องเรา และความสกปรกจะกลับไปสู่ผู้ใช้วิธีสกปรกเอง” น.ส.พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกลกล่าว
ส่วนกระแสสูงที่ว่าจะกลายเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กในการนำพิธา-ก้าวไกล เดินเข้าสภาฯ นั่งเป็น รมต.ในรัฐบาลชุดใหม่ได้หรือไม่...ต้องรอชม!!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)


