เหลือเวลาอีก 1 วัน จะถึงวันที่แฟนคลับการเมืองของแต่ละฝ่ายรอคอย วันพฤหัสบดีที่ 13 ก.ค. ประชุมร่วมกันของรัฐสภา มีวาระสำคัญคือ ส.ส. ส.ว.โหวตเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 หรือไม่
แรงกดดันพุ่งเป้าไปที่ “สมาชิกวุฒิสภา” จะยกมือให้กับ “พิธา” มากน้อยเพียงใด!!!
รายงานข่าวแจ้งตรงกันว่า เสียง ส.ว.เสียงใหญ่ค่อนไปในทางที่จะ งดออกเสียงและไม่เห็นชอบ พิธาเป็นนายกฯ
ในทางกลับกัน เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล บอกชัดถ้อยชัดคำว่า ขณะนี้ได้เสียงครบแล้ว แต่ยังคงต้องทำงานต่อเนื่อง เผื่อมีกรณีที่บางท่านอาจเปลี่ยนใจจะได้มีสำรองเอาไว้ เพราะเราไม่มีทางทราบได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหน้างาน
แต่เมื่อเวลาคล้อยหลังไปเพียง 4 วัน ชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล เสียงอ่อย โดยเผยว่า ยังมีโอกาสที่เราจะได้เสียง ส.ว.เพียงพอ ตอนนี้มันมีความไม่แน่นอนอย่างที่บอก คือ ส.ว.โดนกดดันอย่างหนัก มีขู่แบล็กเมล์อะไรต่อมิอะไร
วันแห่งประวัติศาสตร์ 13 ก.ค.นี้ ฟากฝั่งมวลชน “ด้อมส้ม” ระดมสมาชิกเกาะขอบรัฐสภา อ้างว่ามาเพื่อให้กำลังใจ “พิธา” ที่น่าหวาดเสียวคือ ถ้าผลโหวตไม่เป็นไปตามที่หมู่มวลหวังไว้ จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น!!!
ทว่า ก็มีการประเมินสถานการณ์และเตรียมรับมือไว้หมดแล้ว ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภา 2 คน จนถึงวันนี้ เห็นรถตำรวจ รถคุมขังนักโทษ เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินกันขวักไขว่ ทั้งยังจะมีประกาศการชุมนุม ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ
วนกลับมาที่การโหวต ขณะนี้พรรคก้าวไกล พร้อม 8 พรรคร่วมรัฐบาล มีเสียงรวม 312 เสียง หากต้องการสานฝัน “พิธา” จะต้องได้เสียงเพิ่มอีก 64 เสียง ซึ่ง “เสรี สุวรรณภานนท์” ส.ว.เปิดเผยว่า ขณะนี้ ส.ว.ที่จะสนับสนุนลงมติให้ “พิธา” มีเพียง 5 เสียงเท่านั้น และอาจบวกลบนิดหน่อยเท่านั้น
ล่าสุด วัลลภ ตั้งคณานุรักษ์ ส.ว.เช็กเสียง ส.ว.ด้วยกันเอง เปิดเผยว่ามี 10 คนเท่านั้นที่จะโหวตให้กับ “พิธา” ดังนี้ 1.นายวุฒิพันธุ์ วิชัยรัตน์ 2.นพ.อำพล จินดาวัฒนะ 3.นายทรงเดช เสมอคำ 4.นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม 5.นายวันชัย สอนศิริ 6.นายมณเทียร บุญตัน 7.นางประภาศรี สุฉันทบุตร 8.นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ 9.นายพิศาล มาณวพัฒน์ และ 10.นายพีระศักดิ์ พอจิต
สำหรับเหตุผลหลักๆ ที่ ส.ว.จะไม่โหวต หรืองดออกเสียงให้กับ “พิธา” ส.ว.หลายคนเข้าใจดีถึงแก่นแท้ของรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในบทเฉพาะที่ให้ ส.ว.ชุดปัจจุบันมีอายุ 5 ปี และให้ ส.ส.มีวาระ 4 ปี ว่าความพิเศษอยู่ที่ความต้องการให้ ส.ว.พิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อเป็นดังนั้น ส.ว.จึงไม่อาจสนับสนุนให้ “พิธา” จากพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ ได้ เพราะภารกิจหนึ่งของพรรคก้าวไกล คือการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยมีความตั้งใจจะลดโทษให้เหลือเพียง 0-1 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้ใครสามารถนำมาตราดังกล่าวมากลั่นแกล้งกันได้!!! ขณะที่สมาชิกสภาสูงเห็นว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นการจ้องทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นจึงไม่อาจเห็นชอบให้ “พิธา” เป็นผู้นำประเทศไทย
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ “พิธา” ไปไม่ถึงฝั่ง ทั้งกรณีต่างๆ ที่โดนร้องอยู่ อาทิ ความผิดปกติขายที่ดินที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ กรณีถือครองหุ้นสื่อ ซึ่งมีกระแสข่าวว่า เร็วๆ นี้ กกต.จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นการขัดรัฐธรรมนูญ คุณสมบัติการเป็น ส.ส.และนายกฯ หรือไม่
ที่สำคัญ ส.ว.ยังกังวลถึงท่าทีของ “พิธา” ที่มีต่อประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อความมั่นคงของประเทศ กลัวว่าจะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน ทำตัวเป็นเด็กๆ ทะเลาะกับเพื่อนบ้าน ไร้ซึ่งกุนซือและที่ปรึกษาที่ดีในเรื่องการต่างประเทศ ซึ่ง ส.ว.มองว่าที่ผ่านมา “ไทย” วางตัวดีในเวทีโลก ไร้ความขัดแย้ง ช่วยเหลือด้านมนุษยชนเหมาะสมอยู่แล้ว
“พิธา” ได้เป็นนายกฯ หรือชวดเก้าอี้นายกฯ ประเทศชาติก็ปราศจากความสงบอยู่ดี 13 ก.ค.นี้ มันก็แค่เริ่มต้นบรรเลงเท่านั้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)


