เปิดศึกกันอีกรอบสำหรับเพื่อนรักหักเหลี่ยมระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ภายหลังเกิดความไม่ลงตัวในเรื่องการจัดสรรโควตาคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 35 คณะ ถึงขั้นที่ “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง จากพรรคเพื่อไทย ประกาศว่าถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ต้องใช้วิธีการจับสลาก
ปฐมเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในครั้งนี้มีสาเหตุด้วยกัน 2 ประการ โดย ประการที่ 1 คือ กระบวนการจัดสรรโควตาประธานคณะกรรมาธิการสามัญฯ จากเดิมในปี 2562 ทุกพรรคตกลงกันว่าจะเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองใหญ่ตามลำดับมีสิทธิเลือกคณะกรรมาธิการก่อนจำนวน 3 คณะ ส่วนจำนวนคณะกรรมาธิการที่เหลือจะให้พรรคการเมืองวนเลือกจนครบ ดังจะเห็นได้จากเมื่อปี 2562 พรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย และพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้น ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหญ่มีสิทธิเลือกคณะกรรมาธิการก่อนจำนวน 3 คณะ จากนั้นถึงจะเป็นสิทธิของพรรคการเมืองอื่นตามลำดับ
แต่ปรากฏว่าปัจจุบันเกิดการเปลี่ยนกติกาใหม่ โดยพรรคร่วมรัฐบาลจับมือกันตกลงกันว่าจะให้ สส.ของแต่ละพรรคนั่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ ตามกระทรวงที่พรรคร่วมรัฐบาลดูแลอยู่ เช่น พรรคเพื่อไทยประกาศจองคณะกรรมาธิการคมนาคม หรือพรรคภูมิใจไทยขอตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการแรงงาน และคณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ เป็นต้น
เหตุผลประการที่ 2 คือ การที่พรรคก้าวไกลมีความต้องการจะเข้ามานั่งในตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการฯ เดิมที่เคยทำหน้าที่มาก่อน เช่น ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ ประธานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยการอ้างว่าต้องการเข้ามาสานงานที่เคยทำไว้ก่อนให้สำเร็จ รวมถึงพรรคก้าวไกลมองว่าควรให้ฝ่ายค้านเข้ามาทำหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการฯ ที่มีอำนาจตรวจสอบรัฐบาลโดยตรง อย่างคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ซึ่งเดิมเป็นของฝ่ายค้านมาตลอด ทว่าครั้งนี้พรรคเพื่อไทยก็มีความต้องการจะเข้ามาเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ ทั้งสองตำแหน่งเช่นกัน
ในมุมของพรรคก้าวไกลต่อเรื่องนี้ไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง เนื่องจากมองว่าหากปล่อยให้กระบวนการจัดสรรโควตาประธานคณะกรรมาธิการเป็นในลักษณะให้ สส.พรรคร่วมรัฐบาลมานั่งประธานคณะกรรมาธิการฯ ตามกระทรวงที่แต่ละพรรคมีรัฐมนตรีเข้าไปนั่งเป็นเจ้ากระทรวง จะทำให้กลไกตรวจสอบโดยฝ่ายนิติบัญญัติไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคร่วมรัฐบาลไม่ควรเป็นประธานคณะกรรมาธิการที่มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริต เพราะยิ่งจะเป็นการทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติไม่เกิดความสง่างาม
แต่สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว เป็นเรื่องยากที่จะยอมให้พรรคก้าวไกลได้ประธานคณะกรรมาธิการฯ ตามอำเภอใจ แม้ว่าด้านหนึ่งจะอ้างถึงเหตุผลในเรื่องความเป็นเอกภาพในการทำงานระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะหาก สส.พรรคร่วมรัฐบาลทำหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการตามสัดส่วนของกระทรวงที่พรรคร่วมรัฐบาลได้รับโควตา จะทำให้การทำงานของสภาเกิดความราบรื่น แต่เหตุผลลึกๆ แล้วมีความกังวลต่อการทำงานของพรรคก้าวไกลอยู่พอสมควร
ทั้งนี้ เป็นเพราะข้อมูลที่พรรคก้าวไกลใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจถล่มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนใหญ่ก็ได้มาจากคณะกรรมาธิการฯ ที่พรรคก้าวไกลเป็นประธานแทบทั้งสิ้น อีกทั้งไม่ต้องการให้ สส.พรรคก้าวไกลที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติคําสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พ.ศ.2554 ในการเรียกหัวหน้าส่วนราชการมาชี้แจงและให้ข้อมูล ซึ่งพรรคเพื่อไทยเองก็ตระหนักรู้ถึงเรื่องนี้อยู่
แม้ถึงที่สุดแล้วการพยายามของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลในการเตะตัดขาพรรคก้าวไกลจะทำอะไรได้ไม่มาก เพราะถึงอย่างไรเสียพรรคก้าวไกลก็ยังคงได้เก้าอี้ประธานคณะกรรมาธิการจำนวน 10 คณะตามสัดส่วนของ สส. แต่ก็ยังดีกว่าให้พรรคก้าวไกลได้อำนาจตามที่ต้องการ เพราะนั่นแทบไม่ต่างอะไรกับการยื่นมีดให้กับฝ่ายตรงข้าม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ภูมิใจไทยพลัส-เปิดเกมใหญ่ ชูรัฐมนตรีคนนอก ลุยเลือกตั้ง
บรรยากาศการเมืองปลายปี 2568 ต่อเนื่องต้นปี 2569 เดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งเตรียมเปิดรับสมัคร สส.ปลายเดือนธันวาคม ก่อนจะหย่อนบัตรในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พรรคการเมืองต่างเร่งเปิดตัวผู้สมัคร นโยบายหาเสียง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงโค้งสุดท้าย
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้
คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568
‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง
ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ
ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี
นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี

