วันจันทร์ที่ 11 ก.ย. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง จะเข้าห้องประชุมรัฐสภาครั้งแรกในชีวิตอย่างเป็นทางการ เพื่อนำทัพคณะรัฐมนตรีร่วมแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภา ที่จะอภิปรายกัน 2 วัน 11-12 กันยายน
เหตุที่เป็นการเข้าประชุมรัฐสภาครั้งแรกของเศรษฐา ก็เพราะเศรษฐาไม่เคยเป็นนักการเมืองมาก่อนในชีวิต และตอนที่ประชุมร่วมรัฐสภา โหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อ 22 ส.ค. ก็ไม่ได้มาแสดงวิสัยทัศน์ ตอบคำถามสมาชิกรัฐสภา ดังนั้นก็ต้องมาติดตามกันว่า เศรษฐาจากซีอีโอบริษัทใหญ่วงการอสังหาริมทรัพย์ที่เคยแต่ออกคำสั่ง ไม่เคยต้องฟังคำสั่งใคร ไม่เคยมีลูกน้อง-พนักงานในบริษัทคอยคัดค้านท้วงติง เสนอแนะ จึงทำให้ยังติดบุคลิกการเป็นเถ้าแก่ใหญ่อยู่ในดีเอ็นเอ เห็นได้จากคลิปโยนปากกาก่อนหน้านี้ จนสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึง ทำให้เศรษฐาต้องออกมาขอโทษประชาชน
จึงต้องดูกันว่า ศึกแถลงนโยบายแมตช์นี้ ยามเมื่อเศรษฐาต้องเจอการอภิปรายแบบไม่เห็นด้วย-คัดค้าน นโยบายรัฐบาลจาก สส.ฝ่ายค้าน รวมถึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.) บางส่วน ที่อาจมีการอภิปรายแบบเชือดเฉือนนโยบายรัฐบาล แล้วตัวเศรษฐาจะทนได้มากน้อยแค่ไหน
กระนั้นเชื่อว่าเศรษฐาพยายามปรับบุคลิกตัวเองอยู่ และไม่น่าจะออกอาการนอตหลุดกลางห้องประชุม
จุดสำคัญต้องดูด้วยว่า สส.ฝ่ายค้าน และสมาชิกวุฒิสภา ที่ประกาศว่าได้ลับดาบเตรียมทั้งกะซวกและชำแหละนโยบายรัฐบาลแบบจัดหนักจัดเต็ม สุดท้ายจะทำได้แค่ราคาคุย ถึงเวลาชกไม่เต็มหมัด ออกหมัดป้อแป้หรือไม่
โดยเฉพาะกับ พรรคประชาธิปัตย์ ที่รุ่นใหญ่ของพรรคประกาศจะลงมานำทีมอภิปรายด้วย ทั้ง ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่เพิ่งพ้นจากการเป็น รมว.พาณิชย์ มาไม่ถึงเดือน โดยมี สส.ประชาธิปัตย์แจ้งความจำนงขออภิปราย 15 คน
งานนี้ให้จับตาประชาธิปัตย์จะกลับมาแสดงบทบาทที่ตัวเองถนัดในการตรวจสอบรัฐบาล จนถูกเรียกขานฝ่ายค้านมืออาชีพได้หรือไม่?
ส่วน พรรคก้าวไกล แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน พบว่าได้โหมโรง เชิญชวนให้ประชาชนและแฟนคลับด้อมส้มติดตามการอภิปราย 2 วันนี้ให้ดี เหมือนกับจะบอกว่ารอบนี้ไม่ผิดหวัง ก้าวไกลจะไล่ถลุงรัฐบาลเศรษฐาอย่างหนัก
“ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานวิป สส.พรรคก้าวไกล กล่าวก่อนถึงการเตรียมพร้อมของพรรคก้าวไกล ว่าพรรคก้าวไกลได้วางตัว สส.ในการอภิปรายครั้งนี้จนถึงตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 30 บวกลบ โดยวางกรอบการอภิปรายไว้ 3 กรอบใหญ่คือ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง โดยในวันแรก จะเน้นเรื่องการอภิปรายนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล ส่วนนโยบายเชิงการเมือง จะอยู่ในวันที่ 12 ก.ย. ซึ่งหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีอ่านคำแถลงนโยบายเสร็จสิ้น ก็จะตามด้วยแกนนำพรรคก้าวไกลลุกขึ้นอภิปรายต่อทันที ที่ตอนนี้วางตัวให้ นส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคด้านเศรษฐกิจเป็นคนอภิปรายคนแรก จากนั้นคาดว่าจะตามด้วย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
"เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต จนถึงขณะนี้พบว่าคนในรัฐบาลยังไม่มีความเข้าใจเรื่องเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่บอกว่าจะนำมาใช้กับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ด้วยการจะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมารองรับการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ มองดูแล้วเหมือนกับจะเป็นการทำแบบผิดฝาผิดตัว เพราะเวลาตั้งนโยบายเราต้องตั้งโจทย์หลักให้ชัด แล้วนำเครื่องมือที่เหมาะสมมาทำ ไม่ใช่เอา 2 โจทย์คือกระตุ้นเศรษฐกิจกับเทคโนโลยีบล็อกเชนมารวมกันแล้วพยายามจะทำให้ได้ เพราะหวังว่าทำครั้งเดียวแล้วจะได้ 2 อย่าง แต่มันอาจไม่ได้เหมาะสมกับสภาพที่มันเป็นก็ได้
ส่วนนโยบายเชิงการเมือง ก็จะมีการอภิปรายเช่นกัน เช่น เรื่องแนวทางการปฏิรูปกองทัพ, การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ แต่ในคำแถลงนโยบายกลับไม่เขียนไว้ ที่แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาลในเวลานี้ต่อประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ" ปกรณ์วุฒิระบุ
ถึงตอนนี้จับอุณหภูมิการเมืองได้ว่า เวทีแถลงนโยบายรัฐบาล 11-12 ก.ย. หากฝ่ายค้านและ สว.ทำการบ้านมาดี อภิปรายแบบตีแสกหน้านโยบายรัฐบาลได้ตรงจุด ชี้ให้เห็นช่องโหว่ของนโยบายรัฐบาลได้ดี ย่อมทำให้ เศรษฐาต้องว้าวุ่นแน่เลย
เพราะอย่างที่หลายคนเห็น คำแถลงนโยบายรัฐบาล มีหลายจุดให้ต้องเค้นคอถามหนักๆ ให้เศรษฐาและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ต้องตอบ หลังรัฐบาลใช้วิธีเขียนนโยบายแบบกว้างๆ ไม่ลงรายละเอียดเพื่อเลี่ยงการผูกมัดตัวเอง รวมถึงการไม่มีรายละเอียดในนโยบายที่ชัดเจน
โดยเฉพาะเรื่องสำคัญที่คนทั้งประเทศรอคอยและเฝ้าติดตามการอภิปราย คือ นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่ใช้งบประมาณแผ่นดินถึง 560,000 ล้านบาท ก็ไม่มีรายละเอียดว่าจะใช้งบประมาณจากส่วนใดแบบเฉพาะเจาะจง และคนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ตกผลึกอย่างเห็นได้ชัดถึงการทำนโยบายดังกล่าว ซึ่งนอกจาก สส.ฝ่ายค้านจะอภิปรายนโยบายดังกล่าวแล้ว ก็คาดว่าจะมี สว.บางคนมาร่วมอภิปรายผสมโรงด้วย
รวมถึงอีกหลายนโยบายที่เพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ ก็ไม่ได้ถูกนำมาเขียนไว้ในนโยบายรัฐบาล ก็จะถูกฝ่ายค้านอภิปรายเช่นกัน อาทิ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ตอนหาเสียง เศรษฐา ทวีสิน เคยให้สัมภาษณ์สื่อว่าเป็นนโยบายที่ใช้เวลาไม่กี่เดือนก็ขับเคลื่อนได้ แต่ล่าสุด สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม จากพรรคเพื่อไทย รีบตีกรรเชียง บอกว่าขอเวลา 2 ปีในการศึกษาและทำนโยบาย ซึ่งก็ไม่ได้มีหลักประกันว่ารัฐบาลเพื่อไทยจะทำได้จริง
ตลอดจนจะมีการอภิปรายนโยบายอื่นๆ ของรัฐบาลด้วย เช่น นโยบายด้านการต่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้าน หลังเกิดวิกฤตการเมืองในเมียนมา เรื่องแนวคิดนโยบายผู้ว่าฯ ซีอีโอ นโยบายการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นโยบายพักหนี้เกษตรกรที่เศรษฐาประกาศจะทำทันทีในเดือนตุลาคมปีนี้ นโยบายปรับโครงสร้างราคาพลังงาน เพื่อลดค่าไฟฟ้า ราคาน้ำมัน และก๊าซหุงต้ม เป็นต้น
ขณะที่นโยบายเชิงการเมือง คาดว่าเรื่องหลักที่พรรคก้าวไกลจะอภิปรายเน้นเป็นพิเศษ คงไม่พ้นเรื่องการขอความชัดเจนจากนายเศรษฐา ในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าจะให้มีการทำประชามติเพื่อให้มีการจัดตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ ตามที่เพื่อไทยเคยหาเสียงหรือไม่ รวมถึง นโยบายปฏิรูปกองทัพ โดยเฉพาะเรื่องการจัดซื้ออาวุธและการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และไม่แน่ อาจจะมี สส.ฝ่ายค้าน-สว.อภิปรายเรื่องที่นโยบายรัฐบาลบอกว่าจะสร้างหลักนิติธรรม Rule of Law โดยอภิปรายลากโยงไปถึงกรณี ทักษิณ ชินวัตร ว่ากระทรวงยุติธรรมจะเอาอย่างไรกับทักษิณ หลังยังนอนพักอยู่ที่ รพ.ตำรวจ เป็นต้น
เมื่อฝ่ายค้าน-สว.ตั้งแท่น จะรอฟาดนโยบายเศรษฐา เพื่อรับน้องทางการเมืองเศรษฐากลางห้องประชุมรัฐสภาอย่างหนัก
ประเมินดูแล้ว ฝ่ายพรรคเพื่อไทยคงวางแผนเตรียมทีมองครักษ์ทั้ง สส.และรัฐมนตรีคอยช่วยแบ็กอัพเศรษฐาในการชี้แจงไว้แล้ว เพื่อไม่ให้เศรษฐาพลาดท่าเสียทีกลางห้องประชุม ถูกฝ่ายค้าน-สว.จัดหนักจนคางเหลืองตั้งแต่เข้าสภาฯ นัดแรก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้
คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568
‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง
ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ
ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี
นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี
แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน
แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"

