เหิม! สั่งฆ่าตร.ทล.ขวางผู้มีอิทธิพล วัดใจรัฐบาล ปราบมาเฟีย!

ไม่มีแผ่ววงการ สีกากี มีข่าวฉาวด้านลบรายวัน ตำรวจน้ำดี สารวัตรแบงก์-พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ต้องเอาชีวิตไปทิ้งกลางวงเหล้างานเลี้ยงบ้าน กำนันนก-นายประวีณ จันทร์คล้าย กำนันตำบลตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม เจ้าของธุรกิจรับเหมารายใหญ่เมืองนครปฐม ถูกกระหน่ำยิงร่างพรุนร่วงคาโต๊ะจีน

มือปืน นายธนัญชัย หมั่นมาก หรือ หน่อง ท่าผา ลูกน้องคนสนิทกำนันนก ก่อเหตุอุกอาจต่อหน้าตำรวจตั้งแต่ระดับ ผกก.-จ.ส.ต.จำนวน 25 นาย โดยไม่สะทกสะท้าน กระสุนอีกนัดพลาดไปถูก พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล.ได้รับบาดเจ็บอีกนาย ร่างสารวัตรแบงก์ถูกนำตัวส่ง รพ.นครปฐม แพทย์ยื้อชีวิตไม่ไหวเสียชีวิต กว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม จะได้รับแจ้งเหตุเวลาก็ล่วงเลยไปกว่าครึ่งชั่วโมง “กำนันนก-หน่อง ท่าผา” หายตัวไปจากที่เกิดเหตุ

เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ร้อยเวรสอบสวนถึงที่เกิดเหตุ วัตถุพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุถูกทำลายเกลี้ยง เก็บกวาดชะล้างทำความสะอาด เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดทุกตัวถูกถอดหายไปกับความมืด ตำรวจร่วมงานเลี้ยงหาย พยานแวดล้อมปิดปากเงียบ

คดีนี้ งานช้าง พื้นที่ภาค 7 ยากที่จะรับมือไหว กำนันนก ชื่อเสียงบารมีกระฉ่อน บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. “มือปราบธรรมะ” นำชุดหนุมานกองปราบ พร้อมทีมสืบสวนจากส่วนกลางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และชุดสืบสวนของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ลงพื้นที่สะสางคดี พร้อมไฟเขียวหากคนร้ายขัดขืนให้ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดทันที

ไม่ทันข้ามวัน กำนันนก กลัวตายยอมเข้ามอบตัว แต่ยังปากแข็งให้การปฏิเสธ ให้หลังไม่กี่ชั่วโมงฟ้ายังไม่ทันสาง มือปืน หน่อง ท่าผา หลบหนีการจับกุมเข้าไปในซอยด้านหลังอุทยานพระแท่นดงรัง อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ต่อสู้เจ้าหน้าที่ถูกวิสามัญฆาตกรรม

คดีสังหารสารวัตรทางหลวง นายประวีณถูกแจ้งข้อหา "เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่น” สำนวนถูกโอนมาให้ตำรวจกองปราบปรามเป็นผู้ทำคดีแทนตำรวจพื้นที่ทันที

สังคมตั้งคำถามคำโตๆ ว่า ตำรวจ 26 คน (รวมสารวัตรแบงก์) ไปทำอะไรที่งานเลี้ยงบ้านกำนัน แล้วทำไมถึงปล่อยให้เกิดเหตุอุกฉกรรจ์ โดยที่ไม่เข้าระงับเหตุหรือจับกุมตัวคนร้าย หนำซ้ำยังช่วยเหลือคนร้ายหลบหนี จิ๊กซอว์แผนประทุษกรรมร้อยเรียงเข้าสู่สำนวนกลายเป็นว่า “ตำรวจ” เอี่ยวร่วมจัดฉากสังหาร

ตั้งแต่ส่งซิกชี้เป้า ทำลายกล้องวงจรปิด ขจัดวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ ช่วยกำนัน-มือปืนหลบหนี นำปืนไปฝัง ทิ้งเซิร์ฟเวอร์ลงแม่น้ำอำพราง นำไปสู่การออกหมายจับตำรวจตั้งแต่ระดับ พ.ต.ต.-ร.ต.ท. 6 นาย เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ และพลเรือนอีก 5 คน

ทำไมถึงต้องมี งานเลี้ยงประจำเดือน เมื่อส่องโปรไฟล์ กำนันนก ไม่แปลกที่ตำรวจพื้นที่หรือตำรวจทางหลวงจะมาสุมหัวกันอยู่ที่นั่น กำนันนกมีชื่อนั่งเป็นกรรมการ 2 บริษัท ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง คือ บริษัท ป.รวีกนก ก่อสร้าง จำกัด และ ป.พัฒนารุ่งโรจน์ ก่อสร้าง จำกัด รับเหมาก่อสร้างทั่วประเทศ มีเครื่องจักรหนัก รถแบ็กโฮ รถบรรทุกกว่า 100 คัน รับงานก่อสร้างโครงการรัฐทั้งสิ้น 1,311 สัญญา วงเงินรวม 7,108,912,659.44 บาท เฉพาะในพื้นที่นครปฐมก็ 4.7 พันล้านบาท ด้วยหน้างานของกำนันนกเกี่ยวดองหนองยุ่งกับตำรวจทางหลวงโดยตรง

ตั้งแต่เกิดปัญหา ส่วยสติกเกอร์ ที่นักการเมืองออกมาแฉ ตำรวจทางหลวงนครปฐมถูกเด้งกันระนาว พ.ต.ต.ศิวกรเป็นตำรวจตรงฉิน ที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เชื่อมือส่งมาทำงานแก้ปัญหาส่วยสติกเกอร์ที่เป็นปัญหามานาน

ก่อนจะเกิดเหตุไม่นาน กำนันนก ได้มาพบ สารวัตรแบงก์ เพื่อขอเคลียร์เรื่องการบรรทุกน้ำหนักเกิน หรือค่าแบก เพราะตั้งแต่อดีตตำรวจทางหลวงมารับผิดชอบพื้นที่ ตำรวจทางหลวงเข้มงวดมาก จึงขอให้มีการผ่อนปรนกับกิจการรถบรรทุก พร้อมเสนอผลประโยชน์ให้ แต่ถูกปฏิเสธ

กระทั่งงานเลี้ยงวันเกิดเหตุ สารวัตรแบงก์ ถูกผู้บังคับบัญชาโทรตามไปที่งาน กำนันนกเจรจาขอเปลี่ยนตำแหน่งให้กับตำรวจทางหลวงที่อ้างว่าเป็นหลาน ไปทำหน้าที่สายตรวจ จยย.ทางหลวง แต่ถูกปฏิเสธอีกครั้ง แจงให้เป็นไปตามระเบียบ เป็นวาระสุดท้ายของตำรวจน้ำดีที่ทำหน้าที่อย่างเคร่งครัด

เมื่อนักธุรกิจรับเหมาจับมือกับตำรวจทางหลวง เรื่อง “กินสินบาทคาดสินบน” ถึงไม่มีใบเสร็จ สังคมก็มองออก บารมีกำนันนกจึงไม่ใช่ธรรมดา หนำซ้ำ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. ผู้บังคับบัญชาของ สารวัตรแบงก์ 1 ใน 25 ตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ที่ถูกเด้งตั้งกรรมการสอบ ได้ปลิดชีพตัวเองคาบ้านพักย่านคูคต ปทุมธานี มีอะไรที่มากกว่า อัตวินิบาตกรรม ตัวเองหรือไม่?..!! 

การปราบปรามมาเฟียกลายเป็นวาระเร่งด่วนที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กำชับไปยัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ พร้อมกำชับผู้ว่าฯ ให้ขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพล

ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ขับเคลื่อนโดย บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ประกาศลั่นตำรวจชั่วไม่เอาไว้ ซัดเจ้าหน้าที่เป็นไม้ค้ำยันให้ผู้มีอิทธิพล ประกาศเดินหน้าตามบัญชานายกฯ ปราบมาเฟียผู้มีอิทธิพลแบบถอนรากถอนโคน ขยายผลเครือข่ายกำนันนก โดยเฉพาะการฮั้วประมูลงาน เตรียมนำกฎหมายฟอกเงินสอบ ถ้าผิดอายัดทรัพย์เข้าแผ่นดิน

จะกลายเป็นแค่ไฟไหม้ฟางหรือไม่ เมื่อระบบอุปถัมภ์ฝังรากลึกสังคมไทย ซุ้มนักการเมืองใหญ่ กลุ่มผู้มีอิทธิพลกลายเป็นที่ซ่องสุมมือปืน นักเลงหัวไม้ ตำรวจเองยังซุกใต้ปีกนักการเมือง ไต่เต้าเลื่อนตำแหน่ง แสวงหาผลประโยชน์

ความหวังจะปราบผู้มีอิทธิพลจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าผู้นำหน่วยไม่แข็งแกร่งพอ หรือนายกฯ เศรษฐาต้องลงมากำกับดูแลเองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการ ปฏิรูปตำรวจ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ ผู้มีอิทธิพลต้องเกรงกลัวตำรวจ ไม่ใช่ตำรวจไปสยบยอมผู้มีอิทธิพลเหมือนที่ผ่านมา!. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จับแก๊ง 'พล.ต.อ.' ฉกข้อสอบ โยงเครือข่ายเว็บพนัน 'มินนี่'

ตำรวจไซเบอร์ นำโดย ไซเบอร์อรรถ-พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ยังคงเดินหน้าสนองนโยบายรัฐบาล น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์อย่างเข้มข้นทุกรูปแบบจนเป็นที่น่าพอใจ

เครื่องบินรบ-เรือรบ-รถรบ ซื้อจากสหรัฐได้หรือไม่?

ในระหว่างที่ทีมของไทยกำลังเข้าคิวเจรจากำแพงภาษีกับสหรัฐ กระทรวง ทบวง กรมของไทยต้องทำตารางข้อมูลเพื่อนำเสนอว่ามีสินค้า หรือโครงการใดที่ไทยกำลังจัดหาจากสหรัฐ เพื่อให้เห็นภาพมูลค่าดุลการค้าสหรัฐ เป็นตัวช่วยในการเจรจาผ่อนปรนมาตรการกดดันทางภาษี

เขย่าเก้าอี้-ปล่อยสูตร ครม. คนใน (พท.) อยากปรับ สลับคนต่อแถว

กระแสข่าว ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถูกลือรายวัน แม้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ยืนยันหลายครั้งว่ายังไม่ปรับ

3ชนักติดหลัง'ทักษิณ' ชั้น14แพทยสภา-ป.ป.ช.ไต่สวน ขึ้นศาลคดี112ตัดสินปี69

ถึงตอนนี้ การแสดงบทบาททางการเมืองของ ทักษิณ ชินวัตร เห็นได้ชัดว่าต้องการสยายปีกไปถึงการสร้างพื้นที่การเมืองให้กับตัวเองในเวที

ผ่ายุทธศาสตร์‘กล้าธรรมนัส’ รักษาที่มั่น-ไม่ทับที่เพื่อไทย

‘พรรคกล้าธรรม’ ภายใต้แบรนด์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรค ซึ่งมี ‘อ.แหม่ม’ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่หัวหน้าพรรค เป็นหนึ่งในพรรคการเมืองที่เริ่มขยับเตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง แม้จะยังเหลือระยะเวลาอีกนานกว่าจะถึงปี 70 ในกรณีที่รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อยู่เต็มเทอม