ถกคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกอย่างเป็นทางการของรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็น ครม.ชุดที่ 63 ของไทย บรรยากาศคึกคัก เปิดใช้ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เป็นสถานที่ประชุม จากเดิมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี จะใช้ตึกสันติไมตรี
ขณะที่รูปแบบการประชุม ครม.จากเดิมในยุครัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จะให้หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผอ.สำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมด้วย แต่ในยุครัฐบาลนายเศรษฐา ทางเลขาธิการ สมช.จะไม่ได้เข้าร่วมประชุม โดยเรื่องดังกล่าวแล้วแต่รัฐบาลแต่ละยุคเป็นผู้กำหนด
ด้านนายกฯ เศรษฐานำถก ครม.มาในชุดเสื้อผ้าไหมไทยเป็นครั้งแรก ยิ้มแย้มเข้าทำเนียบรัฐบาลด้วยรถยนต์ส่วนตัวส่งเทียบด้านหน้าตึกบัญชาการ 1 ทันที โดยไม่ได้ขึ้นไปยังห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้าก่อน เหมือนเช่นนายกฯ ที่ผ่านมา
ส่วนบรรยากาศในที่ประชุม ครม.เป็นไปด้วยดี นายเศรษฐาได้ทักทายรัฐมนตรีอย่างเป็นกันเอง ใช้เวลาการประชุมไม่นาน และไม่มีการพักเบรกการประชุม เป็นการประชุมรวดเดียวจบ และภายหลังเสร็จสิ้น นายเศรษฐาได้ลงมาแถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบถึงมติการประชุม ก่อนขึ้นไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมโต๊ะเดียวกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมว.ศึกษาธิการ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่วนรัฐมนตรีท่านอื่นก็ได้ร่วมรับประทานอาหารโต๊ะข้างๆ และมีบางส่วนติดภารกิจไม่ได้ร่วมรับประทานอาหารด้วย
อย่างไรก็ตาม ถก ครม.นัดแรก นายเศรษฐาได้สั่งเริ่มทำงานเต็มรูปแบบในทันที และจากที่ก่อนหน้านี้นายเศรษฐาได้เคยประกาศไว้ว่า “จะทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย” ก็ได้ประเดิมโชว์ผลงานแรกซื้อใจประชาชนในเรื่องนโยบายที่พร้อมทำทันที โดย ครม.เห็นชอบมาตรการที่เน้นการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เรื่องปากท้อง ซึ่งทุกมาตรการเป็นสิ่งที่รัฐบาลได้วางแผนการทำงาน วางนโยบายการแก้ไขปัญหามาก่อนแล้วเป็นอย่างดี
ประกอบด้วย 7 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1.จัดตั้งคณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีเฉลิมพระเกียรติครบ 6 รอบ 72 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี 2567 เพื่อให้สมพระเกียรติ และเตรียมงานให้ประชาชนมีส่วนร่วม 2.ลดค่าไฟฟ้าจากเดิม 4.45 บาทต่อกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เป็น 4.10 บาทต่อกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เริ่มบิลเดือนกันยายน 2567
3.ลดราคาน้ำมันดีเซลให้ต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร เริ่มวันที่ 20 กันยายนนี้ 4.การพักหนี้เกษตรกรและธุรกิจขนาดเล็ก ได้ข้อสรุปเป็นเวลา 3 ปี 5.เปิดวีซ่าฟรีชั่วคราวให้นักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ตั้งแต่ 25 กันยายน 66 - 29 กุมภาพันธ์ 67
6.ปรับการแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็น 2 รอบต่อเดือน เริ่ม 1 มกราคม 2567 เพื่อเพิ่มเงินสดให้ข้าราชการ และ 7.ตั้งคณะทำงาน เริ่มดำเนินการส่งเสริม Soft Power ทันที
นอกจากนี้ยังพิจารณาแก้ไขปัญหาความเห็นต่างในรัฐธรรมนูญปี 2560 เห็นชอบให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะรองนายกฯ คนที่ 1 เป็นผู้รับผิดชอบแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ โดยให้ยึดเอาแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ ใช้เวทีรัฐสภาในการหารือรูปแบบแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนร่วมออกแบบกฎกติกาที่เป็นประชาธิปไตยร่วมกัน
ขณะเดียวกัน ยังจัดทัพแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรีทั้ง 6 คน เรียบร้อย โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ กำกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ กำกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
นายปานปรีย์ พหิธานุกร รองนายกฯ กำกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ กำกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กำกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ กำกับกระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมมีการมอบหมายให้รองนายกฯ รักษาราชการแทนนายกฯ และมีการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูงอีกด้วย
ส่วนจากนี้ต้องรอพิสูจน์ฝีมือ “นายกฯ ป้ายแดง” จากค่ายเพื่อไทย หลังจัดทัพแบ่งงานขุนพลเรียบร้อย พร้อมประกาศทำทันที 7 เรื่องเร่งด่วน จะตรงปกและเป็นที่พอใจของประชาชนได้หรือไม่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สื่อทำเนียบฯ งดตั้งฉายา 'รัฐบาลอนุทิน'
สื่อทำเนียบฯ งดตั้งฉายา 'รัฐบาลอนุทิน' เหตุเป็นรัฐบาลรักษาการ หลังนายกฯยุบสภาฯ
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้
'อนุทิน' ลั่นพร้อมเป็นนายกฯ จะทำให้ดีและยิ่งใหญ่กว่า 3 เดือนที่ผ่านมา
'อนุทิน' ประกาศ 'ผมเป็นนายกฯ' พร้อมดัน 'เอกนิติ -ศุภจี-สีหศักดิ์' เป็นรองนายกฯ สู้ศึกเลือกตั้ง โวมีสส.เพิ่มทุกครั้ง พร้อมเปิดนโยบายทหารอาสา 1 แสนคนเงินเดือน 1.2 หมื่นเพิ่มความเข้มแข็งปกป้องอธิปไตย
คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568
‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง
ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ
ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี
นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

