กระชับมิตรผู้นำฯ-โชว์วิชั่นไทย เวทีแรก ‘เศรษฐา’ สอบผ่านไหม!

หลังดรามา! เหมาลำเครื่องบินการบินไทย 30 ล้านบาท ในภารกิจราชการ บินลัดฟ้าไปร่วมเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ระหว่างวันที่ 18-24 กันยายน 2566 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นภารกิจแรกในต่างประเทศของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จะใช้โอกาสโชว์ตัวนายกรัฐมนตรีป้ายแดงของไทยในเวทีระดับโลกด้วย

แต่แค่เพียงเริ่มต้น ตั้งแต่ก่อนบินลัดฟ้า ก็กลับมีข้อครหา ถูกจับจ้อง และมีเรื่องที่หลายคนยังคาใจมากมายในการเช่าเหมาลำการบินไทย ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากอดีตรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมาใช้บริการเครื่องบินกองทัพอากาศมาตลอด และเมื่อรัฐบาลใหม่เข้ามา แล้วทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ก็ต้องถูกจับจ้อง จับตา เป็นเรื่องธรรมดา

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทางรัฐบาลเศรษฐาก็ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า เงิน 30 ล้านบาทที่ลงทุนไปครั้งนี้มีความเหมาะสม เป็นไปตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และการันตีว่ามีความคุ้มค่ากับภารกิจในครั้งนี้อย่างแน่นอน

จะว่าไปแล้วภารกิจของนายกฯ เศรษฐาที่ยูเอ็นก็แน่นพอสมควร ยิ่งเป็นนายกฯ ใหม่ป้ายแดง เสมือนได้ไปเปิดตัวกับนานาประเทศ ทั้งระดับผู้นำ บุคคลสำคัญระดับนานาชาติ และภาคธุรกิจเอกชนใหญ่ๆ ระดับโลกทั้งนั้น แต่จะเรียกว่าเนื้อหอมหรือไม่ อาจยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะรัฐบาลเพิ่งเริ่มต้นทำงานได้เพียง 2 สัปดาห์ จึงต้องให้เวลาในการทำผลงานและผุดแนวทางต่างๆ ในการขับเคลื่อนงานสักระยะก่อน

ทั้งนี้ สำหรับภารกิจของ นายเศรษฐา ที่ยูเอ็นเรียกว่าถูกอัดแน่นในเวลา 3 วัน โดยแบ่งหลักๆ เป็น 3 ส่วน ได้แก่

1.การร่วมการประชุมระดับพหุภาคีภายใต้กรอบสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ซึ่งนายเศรษฐาได้กล่าวสุนทรพจน์ในรูปแบบเดียวกับผู้นำประเทศอื่น โดยกล่าวถึงมุมมองเป้าหมายว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน การประชุมในกรอบของการประชุมอาเซียน ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นปัญหาและความท้าทายระดับโลก และนายเศรษฐายังได้เข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองจัดโดยประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาและภรรยา โดยนายเศรษฐาได้ใช้โอกาสนี้กระชับความสัมพันธ์กับผู้นำโลกอื่นๆ ในงานดังกล่าวด้วย

2.การพบหารือระดับทวิภาคีกับผู้นำและบุคคลสำคัญระดับนานาชาติ ได้แก่ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เลขาธิการสหประชาชาติ และประธาน FIFA ที่นายเศรษฐามีความตั้งใจที่จะพัฒนาฟุตบอลไทยให้มีโอกาสมากขึ้นในเวทีโลก

และ 3.ได้พบกับบริษัทชั้นนำของสหรัฐ Blackrock SpaceX, Citibank, Tesla, Goldman Sachs, JP Morgan, Estee Lauder, Microsoft และ Google โดยนายเศรษฐาตั้งใจให้เกิดการลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในไทย เพื่อหวังเพิ่มเม็ดเงินหลายพันล้านในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่สำคัญอีก เช่น การประชุมมอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทยประจำสหรัฐ และการพบปะชุมชนไทยในสหรัฐ

สำหรับการโชว์วิชั่นผู้นำประเทศของนายเศรษฐาในเวทีดังกล่าวนั้น บางคำอาจฟังคุ้นหู คล้ายๆ สคริปต์ของอดีตนายกฯ ประยุทธ์ อย่างในถ้อยแถลงการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนประจำปี ค.ศ.2023 ที่นายเศรษฐายก แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยมองว่าจำเป็นต้องมีแนวทางที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่าน เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างเป้าหมายเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งประเทศไทยได้นำหลัก “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” และ “นโยบายเศรษฐกิจ BCG” มาเป็นแนวทางเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมประกาศความมุ่งมั่นในการพัฒนาที่จะ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นจุดขายของไทยอยู่แล้ว หรือนโยบายเศรษฐกิจ BCG ที่รัฐบาลประยุทธ์ดำเนินมาแล้ว คำคุ้นเคยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นหลักและแนวทางซึ่งรัฐบาลที่เข้ามาก็จะใช้ขับเคลื่อนต่อไปนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ไปเปิดตัวเวทีแรกที่ยูเอ็นครั้งนี้ นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรีที่เป็นอดีตนักธุรกิจ นอกจากจะไปกางแผนยุทธศาสตร์ของไทยด้านความร่วมมือเรื่องสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้ว ยังได้โชว์กึ๋นในฐานะที่เคยอยู่ในภาคธุรกิจมาก่อน ทั้งการหารือกับบริษัทชั้นนำยักษ์ใหญ่ของสหรัฐจนมีความสนใจจะมาลงทุนในไทย และยังเปิดนโยบายสำคัญเพื่อเชื้อเชิญนักลงทุนสหรัฐเข้าประเทศ ในการผลักดัน “เศรษฐกิจเกียร์สูง” ว่า

“ขอย้ำถึงนโยบายและโอกาสมากมายสำหรับบริษัทสหรัฐ ทั้งการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศเข้าสู่เกียร์สูง อาทิ นโยบาย digital wallet และ Blockchain เป็นต้น การบริโภคที่เพิ่มขึ้นควบคู่กับความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น อาทิ การเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุม เศรษฐกิจสีเขียว และการเปลี่ยนผ่านพลังงาน

การสร้างไทยให้เป็นประเทศนวัตกรรมที่ครอบคลุม และบูรณาการสำหรับลูกหลานในอนาคต อาทิ การเปิดตลาดใหม่ เร่งเดินหน้าเจรจา FTA การสร้างกลไกใหม่แห่งการเติบโตแบบครอบคลุม และการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการหลายอย่างเพื่อลดข้อจำกัดและข้อห่วงกังวล เพื่ออำนวยความสะดวก และสร้างบรรยากาศที่น่าดึงดูดสำหรับการลงทุนอีกด้วย”

ทั้งนี้ ในส่วนภารกิจ 2 วันที่ผ่านมา ถือว่า นายกฯ ป้ายแดง คนนี้ได้ใช้โอกาสที่มีในทุกเวทีเก็บเกี่ยวความร่วมมือกับนานาประเทศเพื่อประโยชน์ของคนไทยพอสมควร และยังเหลืออีก 1 วันกับภารกิจที่ยูเอ็น ก่อนจะเดินทางกลับถึงไทยในเช้าวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน ตามเวลาประเทศไทย

ส่วนการไปครั้งนี้จะคุ้มค่าคุ้มราคาค่าเครื่องบิน 30 ล้านบาท และข้อสอบแรกของนายเศรษฐา ในเวทีโลกนี้จะผ่านฉลุยหรือไม่ คงต้องวัดกันที่ผลตอบรับจากนานาประเทศและกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆ ที่ “นายกฯเศรษฐา” ได้โปรยยาหอมเอาไว้ จะตัดสินใจหอบเงินมาร่วมลงทุนกับไทยหรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศึกชิง ‘เมืองกล้วยไข่’ ‘กล้าธรรม’ ปะทะ ‘รัตนากร’

1 ในพื้นที่เป้าหมายสำคัญของ ‘พรรคกล้าธรรม’ ภายใต้การนำของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าพรรค คือ จ.กำแพงเพชร

เปิดขั้นตอนหย่อนบัตร8ก.พ.69 บัตร3ใบเลือกตั้งพ่วงประชามติ

ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูกาลการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) อย่างเป็นทางการ โดยในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่จะมีการเลือกตั้ง สส. พร้อมกับการทำประชามติหนึ่งเรื่องในวันเดียวกัน โดยกำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ถึง 17.00 น. ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

'ภท.-ปชน.' แตกหักปม112 'พท.' ตัวแปรรอร่วมรัฐบาล

การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงโค้งสำคัญ พรรคการเมืองต่างเร่งนำเสนอนโยบาย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และทีมรัฐมนตรี เพื่อขอโอกาสประชาชนเข้ามาบริหารประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า

ภูมิใจไทยพลัส-เปิดเกมใหญ่ ชูรัฐมนตรีคนนอก ลุยเลือกตั้ง

บรรยากาศการเมืองปลายปี 2568 ต่อเนื่องต้นปี 2569 เดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งเตรียมเปิดรับสมัคร สส.ปลายเดือนธันวาคม ก่อนจะหย่อนบัตรในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พรรคการเมืองต่างเร่งเปิดตัวผู้สมัคร นโยบายหาเสียง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงโค้งสุดท้าย

‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’

‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้

คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568