2 ช็อตพิสูจน์ ‘เฉลิมชัย’ การกระทำสำคัญกว่าพูด

ใครจะอยู่ หรือใครจะลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โปรดเคารพการตัดสินใจของแต่ละคน เพราะคนที่อยู่ต่อไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นคนไร้อุดมการณ์ หรือตระบัดสัตย์เหมือน “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” หัวหน้าพรรคแต่อย่างใด

สำคัญคือ คนอยู่พรรคต่อไปวันข้างหน้าจะเล่นการเมืองอย่างไร ในเมื่อ “หัวหน้าพรรค” กลายเป็นคน “คำนั้น คำไหน” ไปแล้ว ประชาชนยังจะเชื่อถือคำสัญญา ยังจะฝากผีฝากไข้ได้อีกหรือไม่ คำพูดนั้นสำคัญ แต่สำคัญกว่านั้นคือ “การกระทำ” วันนี้พิสูจน์แล้วเลิกเล่นการเมืองของ “เฉลิมชัย” ไม่มีอยู่จริง

วันประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธ.ค. ก่อนปิดการประชุม “หัวหน้าเฉลิมชัย” ให้คำมั่นสัญญา (อีกแล้ว) ว่า “ผมให้คำมั่นสัญญากับสมาชิกพรรคว่า กก.บห.ชุดนี้จะยึดมั่นในอุดมการณ์ และหลักการของพรรค พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ใช่อะไหล่ของพรรคไหน ส่วนการเริ่มต้นทำงานที่สำคัญของพรรค จะเริ่มทำทันที ทั้งงานในสภาและในพรรค ซึ่งสภาจะเริ่มเปิดประชุมในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ผมจะทุ่มเททุกอย่างให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านที่สมบูรณ์และเข้มแข็งที่สุด เชื่อมั่นว่าหากพรรคมีความเป็นเอกภาพ สามารถนำสิ่งที่สูญเสียกลับคืนมาได้”

ลองไตร่ตรองเอาแล้วกัน จะทำได้ตามที่กล่าวไว้ไหม อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปคงมีหลายช็อตที่ต้องติดตาม เริ่มตั้งแต่การเข้าร่วมรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ข่าวลือหนาหูว่าการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งหน้าประชาธิปัตย์จะบินเข้ากองไฟ โดยมีสัญญาต่อกันจะยกเก้าอี้รัฐมนตรีให้ 2 ตำแหน่ง และถ้าดูนาทีนี้ จับกระแสคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์มีความ “คิดสั้น” อยากเข้าร่วมเสียด้วย

“หัวหน้าเฉลิมชัย” ประกาศไว้นับตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงการเปิดประชุมสภา ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ประชาธิปัตย์ยังจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้ดีที่สุด โดยจะทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งและสมบูรณ์ที่สุด ทว่า คำพูดสวนกับการกระทำ เมื่อเทียบเคียงกับการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคเพื่อนบ้านที่เป็นคู่แข่ง อย่าง “พรรคก้าวไกล” เรียกว่าทำงานได้ดีกว่า “ประชาธิปัตย์” เพราะอย่างน้อยเขาก็เฝ้าระวังนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล และมอนิเตอร์พฤติกรรมคนของรัฐบาล ผิดกับประชาธิปัตย์ที่ไม่ตรวจสอบ ไม่กระทุ้งรัฐบาลแม้แต่น้อย

ช็อตต่อไปคือ “เฉลิมชัย” และพวก จะฟื้นฟูพรรคอย่างไรเพื่อพิสูจน์ตัวเอง อันที่จริง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรค ก็เฉลยข้อสอบไว้แล้ว หากคณะกรรมการบริหารเปิดใจรับฟังก็จะเห็นภาพอะไรบางอย่าง

“อภิสิทธ์” กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า บทเรียนข้อสรุปต่างๆ ตนไม่ได้คิดว่ามันยากจนเกินไป เราไม่ได้มาถึงจุดนี้ เพราะโครงสร้างพรรค เพราะข้อบังคับพรรค หรือเพราะพรรคเราจน ตนอยู่กับพรรคมา 30 ปี ขอยืนยันว่าการสนับสนุนผู้สมัครของพรรค และการสนับสนุนพรรค ไม่มียุคใดที่ทำได้มากเท่ากับยุคของนายเฉลิมชัย แต่ความพร้อมที่มากที่สุดตรงนั้น กลับมาพร้อมกับความพ่ายแพ้ทางการเมืองที่ใหญ่ที่สุด ต้องยอมรับว่าที่เรามาถึงจุดนี้ เพราะประชาชนมองไม่เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนหรือเป็นตัวแทนของความคิดอะไร

“เขาบอกการเมืองแบ่งเป็น 2 ขั้ว ขั้วหนึ่งเขาเรียกฝ่ายอนุรักษ์ แต่ประชาธิปัตย์ก็ไม่ใช่คำตอบสำหรับเขา คำตอบเขาคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี อดีตนายกฯ ส่วนฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าประชาธิปไตย ประชาธิปัตย์ก็ไม่ใช่คำตอบเขา เพราะเขาบอกว่า ประชาธิปัตย์ไปร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ทางเดินไปข้างหน้าของพรรค จึงเป็นเรื่องของการค้นหาจิตวิญญาณของความเป็นประชาธิปัตย์ว่าที่ยืนของเราจะเป็นความหวัง และตัวแทนของความคิดให้กับประชาชน”

หาก “ประชาธิปัตย์” ยุคเฉลิมชัย หาจุดขายเจอก็เป็นนิมิตที่ดี ที่จะทำให้พรรคกลับมาเฟื่องฟูได้อีกครั้ง กลับมาเนื้อหอม ใครๆ ก็อยากร่วมพรรค ร่วมงานด้วย เพราะถึงพร้อมทุกประการ คนที่ออกจากพรรคไปจะหวนกลับมาก็ละอาย

ในทางกลับกันถ้ามัวแต่สาละวนจะร่วมรัฐบาลเพราะห่วงอำนาจ และยังปล่อยให้ “ทุน” นำทุกอย่าง “ประชาธิปัตย์” ก็จะโดนกลืนไม่มีวัน “ผงาด” หรือยืนหนึ่งได้เหมือนวันวาน ยิ่งกว่านั้นจะเกิดวิกฤตซ้อนวิกฤต เมื่อฤดูเลือกตั้งใกล้เข้ามาอีกครั้ง แต่พรรคไม่มีกระแส สส.ทั้งหลายหลังจากที่ฟินกับการพาพรรคไปร่วมรัฐบาลแล้ว ก็จะโดดหนีย้ายไปซบพรรคใหม่ ทิ้ง “ประชาธิปัตย์” ไว้เป็นซาก ฉะนั้น จำไว้ให้ดีวันนี้ใครพูดอะไรไว้ ถึงวันนั้นอย่ากลายเป็นคน “สับปลับ” แล้วกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

เทพไท ไม่แปลกใจ 'อภิสิทธิ์-ปชป.' ฉุดกระแสใต้คืนชีพ ห่วง สส.เขต โดนกระสุนดินดำเอาไปกิน

เทพไท ชี้ ผลการสำรวจของนิด้าโพล อาจวัดความนิยมของพรรคการเมือง และจะบ่งบอกถึงส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ แต่สำหรับส.ส.ในระบบเขต ยังเชื่อว่าพรรคการเมืองที่มีทรัพยากรพร้อม มีกระสุนดินดำเป็นจำนวนมาก และยิงเข้าเป้า ก็จะมีโอกาสชนะการเลือกตั้ง

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน