จากการกลับคำของ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ว่า "ซักฟอกที่เป็นอภิปรายไม่ไว้วางใจโอกาสมีน้อยมากจริงๆ เพราะรัฐบาลก็เพิ่งมา ยังไม่ได้ใช้งบประมาณที่ตนเองเป็นคนทำเลยแม้แต่บาทเดียว ทำให้ยังไม่มีประเด็นใหญ่มากที่จะเปิดอภิปราย ถ้าเปิดแล้วไม่มีคุณภาพ ไม่เปิดดีกว่า ควรใช้เมื่อเหมาะสม"
ทั้งที่ ก้าวไกล เคยตั้งมั่นว่าจะ อภิปรายไม่ไว้วางใจ และเคยคาดหวังให้เป็น "เวทีใหญ่" ได้โอกาส "ชำแหละรัฐบาล"
เปลี่ยนเป็นเตรียมยื่นขอเปิดอภิปรายแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในสัปดาห์แรกของเดือน เม.ย. ทิ้งท้ายก่อนจะปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรแทน
แม้ นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะย้ำว่า “ขึ้นอยู่กับคุณภาพของข้อมูล ปัญหาของการบริหารของรัฐบาลมีเยอะ เพียงแต่ข้อมูลด้านการทุจริตในระดับที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องไปดูก่อน”
และยืนยันเสียงแข็งว่า “ไม่มีเรื่องที่จะต้องไปเกรงใจ หรือออมมือให้ใคร”
ก็ไม่ทำให้สังคมสิ้นสงสัย ในการเสาะหา ‘สาเหตุที่แท้จริง’ จากการเปลี่ยนรูปแบบการอภิปรายครั้งนี้ ว่าเป็นการปรับแผนรายวันตามสถานการณ์หรือไม่?
สวนทางกับ สมาชิกวุฒิสภา ที่ไม่ยอมอ่อนข้อ และตั้งมั่นในการอภิปรายแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ในช่วงปลายเดือน มี.ค. เพื่อสอบถามนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ถึงปัญหาวิกฤต 7 ด้านของประเทศ
โดยเฉพาะ ‘ปัญหาด้านเศรษฐกิจของชาติ และปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่งเน้นย้ำไปที่ ‘โครงการนโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต’
และปัญหา "ด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย" ในกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งสะท้อนถึง "ความสองมาตรฐาน" หรือไม่
ความเปลี่ยนแปลงที่น่าสงสัยนี้ ทำให้ถูกเชื่อมโยงไปถึงกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เคยเดินทางไปพบกับนายทักษิณที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2566 ในช่วงตั้งรัฐบาล ซึ่งธนาธรเคยให้สัมภาษณ์ว่า พรรคเพื่อไทยคือพันธมิตรกัน
ที่อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์พิเศษระหว่าง ‘เพื่อไทย’ และ ‘ก้าวไกล’ หรือไม่
เนื่องจากมีการตั้งข้อสังเกตว่า ท่าทีที่อ่อนลง และคล้ายจะยอมถอยในหลายเรื่องนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ที่นายทักษิณได้รับการพักโทษ กลับมาอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าหรือไม่
แม้ ก้าวไกล จะมีการตั้งกระทู้ถามในสภาก็จริง แต่ก็ยังเป็นการแตะ กระบวนการ ไม่ใช่ ตัวบุคคล
สอดรับกับเมื่อ คนในพรรค ถูกถามในกรณีนายทักษิณ ก็ต่างตอบแบบ ‘แบ่งรับแบ่งสู้’ เหมือนเกรงใจ
หรืออาจเป็นเพราะ กลัวถูกย้อนเกล็ด เสียเอง หากผลีผลามเปิดศึกใหญ่ หรือวิพากษ์วิจารณ์อะไรรุนแรงเกินงามหรือไม่
เนื่องจากยังมีชนักติดหลัง ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในการกระทำที่ ‘เซาะกร่อนบ่อนทำลาย’ เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง
จึงต้องระมัดระวัง ทั้งการพูดถึงเรื่องการนิรโทษกรรม และอะไรที่เชื่อมโยงกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่อาจถูกหยิบมาเล่นงานได้ทุกเมื่อ
คงต้องรอดูกันในศึกจริงว่า ก้าวไกล จะสามารถทำหน้าที่ ฝ่ายค้าน เชิงรุก ได้อย่างที่เคยบอกไว้ได้จริงหรือไม่?.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี
แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน
แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"
ได้ทุกขั้ว-เสบียงกรัง-อำนาจ เมินกระแส สส.แห่ซบ‘กล้าธรรม’
นอกจาก ‘พรรคภูมิใจไทย’ ที่มี ‘แม่เหล็ก’ ดึงดูดอดีต สส.และนักการเมือง ในการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว ‘พรรคกล้าธรรม’ อาณาจักรของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่ปรึกษาพรรค เป็นอีกค่ายหนึ่งที่มีผู้คนพาเหรดเข้ามาเป็นองคาพยพ
โจทย์หิน3แคนดิเดตนายกฯพท. ลูกเจ๊แดงโปรไฟล์ดีแต่มีข้อกังขา!
หลังพรรคเพื่อไทยเปิดตัว ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ ชินวัตร และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา
พรรค‘ปชน.’ขอโทษจากใจ วอน‘ประชาชน’ไปต่อด้วยกัน
ภาพที่หัวหน้าพรรคสีส้มทุกยุคสมัยมาปรากฏตัวพร้อมหน้าบนเวทีเดียวกันไม่ได้เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยนัก เอาเข้าจริงอาจจะยิ่งกว่าเวทีปราศรัยใหญ่ก่อนเลือกตั้งทุกครั้งด้วยซ้ำ เพราะในกิจกรรม
เร่งเกม'เลือกตั้ง-จบศึกชายแดน' เมื่อทุกแนวรบกำลังได้เปรียบ
เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นฉันทามติของสังคมที่ต้องการให้กองทัพดำเนินกลยุทธ์ในการนำพื้นที่ตามเส้นปฏิบัติการของไทยคืนจากกัมพูชาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการสู้รบระลอกที่ 2

