โศกนาฏกรรม 23 ศพ ประจานระบบล้าหลัง นักการเมืองดันทุรังแก้ไขรธน. เพื่อตัวเอง

พรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยมีความเห็นในเรื่องนโยบายไม่ตรงกันหลายเรื่อง เช่น นโยบายกัญชาเสรี กาสิโนถูกกฎหมาย แต่หากมีการเจรจาต่อรอง แลกเปลี่ยนผลประโยชน์การเมืองกันลงตัว การแก้ไข รธน.ก็มีโอกาสเดินหน้าไปได้

โศกนาฏกรรม 23 ศพ จากเหตุเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี บริเวณถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า ใกล้อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี คลอกครู-นักเรียนดับ 23 ราย เจ็บสาหัสอีก 3 ราย สร้างความสะเทือนใจให้กับสังคมไทยอย่างรุนแรง และกลายเป็นข่าวไปทั่วโลก

หลังเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดคำถามมากมายถึงมาตรฐานความปลอดภัยของรถรับ-ส่งนักเรียน นอกจากเจ้าของรถและคนขับต้องรับผิดชอบตามกฎหมายแล้ว ผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ และรัฐบาล ต้องรับผิดชอบอย่างไรกับความบกพร่องในหน้าที่ จนเกิดโศกนาฏกรรมอันเศร้าสลดในครั้งนี้

ที่น่าตกใจคือเมื่อมีการตรวจสอบสภาพรถ พบว่ารถบัสคันเกิดเหตุมีถังแก๊สเชื้อเพลิง CNG หรือ NGV จำนวน 11 ถัง พบจดทะเบียนถูกต้องเพียง 6 ถัง ส่วนที่เหลือ 5 ถัง ไม่อยู่ในรายการจดแจ้งกับเจ้าหน้าที่ ประตูฉุกเฉินก็เปิดไม่ได้ ค้อนสำหรับทุบกระจกทางออกฉุกเฉินก็ไม่มี และไม่มีพนักงานประจำรถ ส่วนคนขับรถก็หลบหนีไป

พนักงานสอบสวน สภ.คูคต จึงได้ดำเนินคดีพนักงานขับรถ 5 ข้อหา และทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ความสูญเสีย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มักออกมาตรการ วัวหายล้อมคอก ซึ่งในครั้งนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ผุด 5 มาตรการทันที คือ

1.สั่งการให้เรียกรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทางและไม่ประจำทางที่ใช้ก๊าซ CNG มาตรวจสภาพภายใน 60 วัน 2.ยกระดับมาตรฐานการประกอบการขนส่งรถโดยสารไม่ประจำทางทั้งระบบ 3.ประสานงานกับกระทรวงศึกษาธิการและสถานศึกษาทั่วประเทศ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยของรถก่อนเดินทางทุกครั้ง 4.ออกกฎหมายเพิ่มเติมเงื่อนไขในการออกใบอนุญาต ให้มีพนักงานประจำรถที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการเผชิญเหตุ 5.ออกกฎหมายเพื่อให้ผู้ประกอบการต้องแนะนำข้อมูลและแนวทางเผชิญเหตุฉุกเฉินในการใช้บริการเหมือนบนสายการบิน

คำถามคือ 5 มาตรการดังกล่าว ทำไมไม่ดำเนินการก่อนหน้านี้ ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบมัวทำอะไร หรือมีอะไรทำให้ต้องเกียร์ว่าง หากมีการใช้มาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัดก็อาจไม่มีเหตุสูญเสียเกิดขึ้น            

ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และคณะ มาชี้แจง โดย นายชีพ น้อมเศียร ผู้อำนวยการสำนักวิศวกรรมยานยนต์ ชี้แจงว่า "พบล้อรถไม่ได้มีการระเบิด รวมทั้งพบถังก๊าซ 11 ถัง และมีท่อก๊าซหลุดเป็นเหตุให้เกิดก๊าซรั่ว รวมถึงพบเพลาล้อหน้าหักครูดกับถนน ส่วนถังที่รั่วไหลเป็นถังหมายเลข 8 ซึ่งไม่ได้อยู่ในรายการตรวจสอบของวิศวกร" 

นายชีพชี้แจงด้วยว่า รถคันนี้จดทะเบียนครั้งแรกเมื่อปี 2513 และมีการจดทะเบียนอีกครั้งในปี 2561 ซึ่งระยะเวลาค่อนข้างจะยาวนาน ด้วยหลักเกณฑ์ที่รถสามารถยังใช้งานอยู่ได้จนถึงปัจจุบันนี้    

กมธ.ยังได้ซักถามถึงการตรวจสอบจำนวนถังก๊าซภายในรถที่พบว่ามีถึง 11 ถัง อีก 5 ถังที่เกินมา ได้เพิ่มเข้ามาในขั้นตอนไหน การตรวจสภาพรถเป็น การตรวจทิพย์หรือไม่ เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ตรวจสอบสภาพรถจะไม่เห็นจำนวนถังที่เกินมา?

จากการชี้แจงของกรมการขนส่งฯ เท่ากับเป็นใบเสร็จที่ประจานการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการกำหนดและตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย รถผ่านการใช้งานมา 54 ปี ยังให้วิ่งรับ-ส่งเด็กนักเรียนได้อีก การติดถังก๊าซไม่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม ก๊าซ NGV จะเบากว่าอากาศ หากรั่วจะลอยขึ้น การติดตั้งในรถบัสจึงต้องติดบนหลังคา หากติดใต้ท้องรถ ถ้ารั่วจะลอยเข้ามาในห้องโดยสาร หากเกิดประกายไฟจะลุกไหม้ทันที จึงเสมือนติดระเบิดเวลาไว้ใต้ท้องรถแล้วปล่อยให้วิ่งบนท้องถนน

ทำให้เกิดข้อกังขาว่า การตรวจสภาพรถยนต์มีการจ่ายผลประโยชน์ให้เจ้าหน้าที่หรือไม่ ก่อนหน้านี้ในโลกออนไลน์ มีสาวชาวจีนคนหนึ่งได้รีวิว ใช้เงินซื้อใบขับขี่ ที่ขนส่ง จ.เชียงใหม่ โดยเธอไม่เคยเรียนขับรถเลย แค่จ่ายเงินหาเอเยนต์มาช่วยเฉยๆ ก็ได้ใบขับขี่ไทย

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในประเทศที่เจริญแล้วหากเกิดเหตุที่สร้างความสูญเสียมากมายขนาดนี้ รมว.คมนาคม กับ อธิบดีกรมการขนส่งฯ ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกไปแล้ว ไม่เพียงลงโทษเจ้าหน้าที่เพียง 2-3 รายเท่านั้น

ที่น่าตระหนกคือ จากสถิติประเทศไทยมีอัตราผู้เสียชีวิตทางถนนสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก โดยปี 2566 เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 17,498 ราย เป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงความล้มเหลวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลความปลอดภัยทางถนน

เป็นที่ทราบกันดีว่าคนไทยยังไร้วินัย ไม่เคารพกฎจราจร ซึ่งก็เนื่องมาจากการไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทำให้คนไม่กลัวกฎหมาย คนที่มีเส้นสาย หากได้ใบสั่งจราจรก็ ตีตั๋วเด็ก ได้

มูลเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการทุจริตคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่รัฐ รับส่วยสินบน การจัดโครงการต่างๆ ก็ต้องมีเงินทอน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่มีงบทัศนศึกษา ก็ได้ เงินทอน จากบริษัทจัดทัวร์-รถทัวร์ ทำให้ผู้ประกอบการต้องลดค่าใช้จ่ายลง มาตรฐานความปลอดภัยจึงลดหย่อนลงไป ส่วนที่บางคนเสนอให้ยกเลิกทัศนศึกษาของนักเรียนนั้น ควรยกเลิกทัศนศึกษาดูงานของผู้ใหญ่ที่ไม่เกิดประโยชน์มากกว่า แล้วนำงบมาพัฒนาการทัศนศึกษาของนักเรียน

ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในสังคมไทยมีอยู่ทุกวงการ กรณี "แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์" หลอกขายทองให้ประชาชน ก็มีเจ้าหน้าที่รัฐอยู่เบื้องหลัง ธุรกิจสีเทา ทุกประเภท หากไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นลมใต้ปีกก็ทำไม่ได้

การทุจริตคอร์รัปชันจึงกลายเป็นมะเร็งร้ายที่แก้ไม่หาย รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอำนาจ 9 ปีก็ไม่มีการปฏิรูปโครงสร้างประเทศเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แล้วรัฐบาลชุดนี้จะแก้ไขได้อย่างไร?

จากโศกนาฏกรรม 23 ศพ แทนที่รัฐบาลจะมุ่งปฏิรูปโครงสร้างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน พรรคเพื่อไทย กลับจะแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราเพื่อตัวเอง จะรื้อมาตรฐานจริยธรรม-ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ริบอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อสกัดไม่ให้กลไก รธน.เอาผิดกับ นายกรัฐมนตรี-แพทองธาร ชินวัตร ที่กำลังถูกนักร้องยื่นร้องเรียนแล้วกว่า 10 คดี แต่กระแสสังคมไม่เอาด้วย เพื่อไทยจึงล่าถอยไปก่อน

การประชุมสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติของ สส. ที่จะทำให้การทำประชามติแก้ไข รธน.เร็วขึ้น แต่ สว.ได้เปลี่ยนมติ สส.ในส่วนที่เกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ กลับไปใช้หลักเกณฑ์เดิมคือ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเป็นจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง และมีจำนวนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิออกเสียงในเรื่องที่จัดทำประชามตินั้น (Double Majority)

อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยก็ยังดันทุรังที่จะแก้ไข รธน.ทั้งฉบับ โดยมี พรรคประชาชน ซึ่งเป็นฝ่ายค้านเป็นแนวร่วม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า จะนัดแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลหารือกันในสัปดาห์หน้า

แต่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แสดงท่าทีไม่เอาด้วย บอกว่ามีเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไขให้พี่น้องประชาชนซึ่งสำคัญกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

 ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยมีความเห็นในเรื่องนโยบายไม่ตรงกันหลายเรื่อง เช่น นโยบายกัญชาเสรี กาสิโนถูกกฎหมาย แต่หากมีการเจรจาต่อรอง แลกเปลี่ยนผลประโยชน์การเมืองกันลงตัว การแก้ไข รธน.ก็มีโอกาสเดินหน้าไปได้

ขณะเดียวกัน นิตยสารไทม์ (TIME) ได้ประกาศรายชื่อ 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต โดยในปีนี้มีชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ติดอันดับในประเภทผู้นำ (Leaders)

ในขณะที่ อุ๊งอิ๊งค์-แพทองธาร ได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลกับการนั่งในตำแหน่งนายกฯ ของไทย จะสะสางปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันได้อย่างไร ในเมื่อ ตระกูลชินวัตร เคยถูกประชาชนเดินขบวนขับไล่จากปัญหาการทุจริต พ่อนายกฯ-นายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลสั่งจำคุกคดีทุจริตรวม 8 ปี กลับมาได้รับอภัยโทษเหลือ 1 ปี และใช้วิธีเหนือกระบวนการยุติธรรม ทำให้ไม่ต้องติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว

ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายนิติธร ล้ำเหลือ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ได้นัดประชาชนรวมพลังร่วมเสวนา อดีต อนาคตการเมืองไทย เพื่อเป็นทางออกของประชาชนและประเทศ ที่สถานีโทรทัศน์พีซทีวี ในวันที่ 5 ตุลา.นี้ 

นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ได้ประกาศเคลื่อนไหวทางการเมืองในต้นปีหน้า หากรัฐบาลทำอะไรที่ไม่เข้าที่เข้าทางหรือผิดจริยธรรม ก็พร้อมนำประชาชนลงถนน

ส่วน นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศ (คปท.) ได้เชิญชวนประชาชนร่วมงานกฐินหลายกอง จองทอดวัดจันทร์ส่องหล้า โดยวันที่ 5 ตุลา. คณะหลอมรวม 19 ตุลา คปท. ศปปส. กองทัพธรรม 24 พ.ย. ความจริงมีหนึ่งเดียว

เป็นการ อุ่นเครื่อง ของมวลชนนอกสภาที่อึดอัดกับระบบและโครงสร้างสังคมไทยที่ล้าหลัง ไม่สนองตอบประชาชน ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตประชาชนและอนาคตของลูกหลาน

ช่วงนี้แม้ม็อบยังจุดไม่ติด การทุจริตคอร์รัปชัน แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง ใช้อำนาจเอื้อพวกพ้อง จะเป็นเชื้อไฟ จุดไฟทางการเมือง นำประชาชนลงถนนอีกครั้ง!.