ความจริงกำลังไล่ล่า2พ่อ-ลูก ยื้อเวลารอวันชี้ชะตาทั้งขบวนการ

มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จะส่งผลต่อความอยู่รอดของรัฐบาลในระยะเวลาอันใกล้ กรณี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยสั่งการให้ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกร้องที่ 1 และ พรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้องที่ 2 เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 49 แห่งรัฐธรรมนูญ

โดยในวันพุธที่ 13 พ.ย. หรือไม่ก็เป็นวันพุธที่ 20 พ.ย. ต้องจับตา ศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณารับคำร้องหรือไม่

หลังจากศาล รธน.มีหนังสือแจ้งอัยการสูงสุด ขอทราบการดำเนินการตามคำร้องดังกล่าว ที่นายธีรยุทธเคยร้องอัยการสูงสุดไปก่อนหน้าที่จะมายื่นศาล รธน. ซึ่งในวันที่ 11 พ.ย.นี้ จะครบกำหนด 15 วัน ที่ศาลให้อัยการสูงสุดแจ้งการดำเนินการคำร้องคดีดังกล่าวมายังศาล รธน.

ทางคณะทำงานของอัยการสูงสุดได้ซักถามรายละเอียดใน 6 ประเด็น ที่ได้เคยยื่นต่ออัยการสูงสุด และต่อมาไปยื่นต่อศาล รธน. โดยเฉพาะประเด็นที่สอง เรื่องผู้ถูกร้องที่ 1 กับกรณี MOU 2544 และเกาะกูด นายธีรยุทธ ได้แจ้งกับอัยการเพิ่มเติมประเด็นที่่นายทักษิณไปร่วมคิดกับผู้นำประเทศกัมพูชา โดยอ้างเรื่อง พื้นที่ทับซ้อน แล้วต่อมาไปพูดในงานของสื่อมวลชนแห่งหนึ่งในลักษณะการแสดงวิสัยทัศน์ว่า จะมีการรื้อฟื้นเรื่องพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา และต่อมาพบว่า นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร นำเรื่องดังกล่าวไปบรรจุเป็นนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา

นายธีรยุทธ ระบุว่า การประกาศเขตไหล่ทวีปในอ่าวไทยเมื่อปี 2516 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้ทรงใช้พระราชอำนาจประกาศเขตไหล่ทวีปเป็นอธิปไตยของประเทศไทย ที่บริเวณเกาะกูด ซึ่งมีผู้รับสนองพระบรมราชโองการเวลานั้นก็คือ จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกฯ   และปัจจุบันนายกฯ คือ น.ส.แพทองธาร จะต้องเป็นผู้ที่รับสนองพระบรมราชโองการดังกล่าว แต่ปรากฏว่า ไปเร่งรัดให้มีการเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ที่อาจกระทบกระเทือนต่ออำนาจอธิปไตยแห่งรัฐ 

"ผมได้ส่งเอกสารผลคำวินิจฉัยของศาล รธน.ในอดีต ที่เคยวินิจฉัยชัดเจนว่า การทำหนังสือสัญญาใดกับนานาประเทศ หากหนังสือสัญญานั้น มีบทที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่ออธิปไตยแห่งรัฐ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจแห่งรัฐ  หนังสือสัญญานั้น อยู่ในพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ หมายถึงว่าการใดที่คณะรัฐบาล หรือรัฐมนตรี หรือนายกฯ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ว่าผู้ใดผู้หนึ่งหรือทั้งคณะ จะได้ร่วมกันกระทำการอย่างใดอันอาจส่อไปในทางทำให้ประเทศไทยสูญเสียอำนาจในการปกครองอธิปไตยแห่งรัฐบริเวณเกาะกูด รวมถึงการแบ่งปันผลประโยชน์ในบริเวณน่านน้ำตรงเกาะกูด ก็อาจก้าวล่วงกระทบกระเทือนต่อพระยุคลบาท และอาจเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ได้ การกระทำเช่นนี้ซึ่งยังกระทำการต่อเนื่องอยู่มาโดยตลอด เห็นว่าเข้าข่ายเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระราชอำนาจขององค์พระมหากษัตริย์ฯ”

ข้อกล่าวหาที่นายธีรยุทธยื่นเพิ่มเติมถือว่าเป็นประเด็นที่ฉกาจฉกรรจ์และแหลมคมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการทำให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดนและการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระราชอำนาจ เป็นเรื่องที่คนไทยผู้รักชาติบ้านเมืองไม่อาจทนได้     

เรื่อง MOU 2544 และ เกาะกูด กำลังประเด็นร้อนสำหรับรัฐบาล นายกฯ แพทองธาร ถึงกับเรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลมาหารือที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทำความเข้าใจให้เป็นในทิศทางเดียวกัน ก่อนออกมาแถลงถึงจุดยืนของรัฐบาล ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศก็ตั้งโต๊ะชี้แจงเช่นกัน แต่ก็ยังไม่สิ้นสงสัย

เนื่องจาก MOU 2544 ไทยกับกัมพูชาใช้กฎหมายคนละฉบับ โดยไทยใช้กฎหมายทางทะเล ตามสหประชาชาติ และยอมรับอนุสัญญาว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ค.ศ.1982 (UNCLOS) แต่กัมพูชาไม่ยอมรับ UNCLOS และกำหนดแผนที่ “เส้นเขตไหล่ทวีป” โดยลากเส้นจากหลักเขตที่ 73 มาประชิดเกาะกูด แล้วอ้อมตัวเกาะไปด้านล่าง  แล้ววกกลับมาเป็นรูปตัว U ปรากฏตามแผนที่แนบท้าย MOU 44 กลายเป็นจุดเริ่มของการเกิด "พื้นที่ทับซ้อน"  

การที่รัฐบาลยืนยันไม่ยกเลิก MOU 44 โดยอ้างกลัวจะถูกฟ้องนั้น ในรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีมติ ครม.เสนอให้ยกเลิก MOU แล้ว ซึ่งต้องผ่านรัฐสภาเห็นชอบแต่ยุบสภาไปก่อน ขณะที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงยืนยันว่า ยกเลิก MOU ฝ่ายเดียวได้แล้วทำฉบับใหม่ให้ถูกกฎหมาย เนื่องจากทำผิดกติกาสากล สอดรับกับ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ที่ประกาศล่า 1 แสนรายชื่อคนคลั่งชาติ ยกเลิก MOU 44

แม้ น.ส.แพทองธาร และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ซึ่งคาดว่าจะได้รับการแต่งตั้งเป็น ประธานคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (Joint Technical Committee: JTC) ออกมายืนยันอีกครั้งว่า ต้องเจรจาเขตแดนให้ชัดก่อนเจรจาเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลแล้วนำเข้ารัฐสภา

แต่ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรองนายกฯ ได้มีการเจรจาระหว่างไทย-กัมพูชาแล้ว แต่กัมพูชาขอให้ไทยรับรองเขตแดนทางทะเลของกัมพูชา ตามเอกสารประกาศเขตแดนฉบับลงวันที่ 12 กันยายน 2515 ที่ลากเส้นผ่ากึ่งกลางเกาะกูด ทำให้ฝ่ายไทยยุติการเจรจา และก็ไม่มีการเจรจาอีก

ถามว่า แล้วรัฐบาลแพทองธารจะเจรจาอย่างไรไม่ให้ไทยเสียเปรียบ ท่ามกลางความไม่ไว้วางใจเรื่อง ผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากนายทักษิณเคยได้รับแต่งตั้งจาก สมเด็จฮุน เซน นายกฯ กัมพูชา ให้เป็นที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชา และหลังนายทักษิณได้รับการพักโทษ สมเด็จฮุน เซน ก็มาเยี่ยมถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า

นายธีรยุทธ ยังเปิดเผยถึงการให้ถ้อยคำอัยการได้ให้ความสนใจในประเด็นเรื่องการที่ผู้ถูกร้องที่ 1 ไปนอนที่ รพ.ตำรวจ ชั้น 14 เพราะอย่างในคำร้องที่ยื่นศาลได้เขียนไว้ว่า จะมีพยานบุคคลที่จะส่งชื่อในบัญชีพยานต่อศาล รธน. หรืออย่างกรณีที่แกนนำพรรคการเมืองไปคุยกันที่ บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อ 14 ส.ค. เราก็มีพยานบุคคลที่จะนำเสนอต่อศาล รธน.ด้วย ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เคยบอกว่าเคยไปพบเยี่ยมเยียนที่ รพ.ตำรวจ หรือในรายงานผลการตรวจสอบของ กสม. ก็ระบุชัดเจนว่า เชื่อว่าไม่ได้ป่วยถึงขั้นวิกฤต และมีการเอื้อประโยชน์กันในกลุ่มเจ้าหน้าที่เพื่อให้ผู้ถูกร้องได้พักอาศัยที่ชั้น 14

ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ที่มี นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธาน ได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวเข้ามาให้ข้อเท็จจริงด้านกระบวนการยุติธรรมที่นายทักษิณพักรักษาตัวที่ชั้น 14 ซึ่งมี นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์, พล.ต.ต.สรวุฒิ เหล่ารัตนวรพงษ์ อดีตรองนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ มาร่วมประชุมด้วย

โดย กมธ.พบพิรุธว่า ระยะเวลาตั้งแต่ น.ช.ทักษิณไปถึงสถานพยาบาล และพิจารณาหารือกับพยาบาลที่ได้ปรึกษาแพทย์ราชทัณฑ์แล้วส่งต่อไปยัง รพ.ตำรวจ ใช้เวลาเพียง 21 นาทีเท่านั้น ระยะเวลาในการวินิจฉัยโรคมีแค่เพียง 4 นาที ส่วน เวชระเบียน ข้อมูลการรักษา ไม่มีใครตอบได้ และไม่มีหน่วยงานใดยอมรับว่าเป็นผู้ใช้อำนาจตัดสินให้ น.ช.ทักษิณ พักรักษาตัวนอกเรือนจำ ต่อเนื่องยาวนานถึง 181 วัน

ส่วนกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอ เวชระเบียน การรักษาตัวของนายทักษิณจาก รพ.ตำรวจ 3 ครั้ง แต่ยังไม่ได้รับ หน่วยงานที่รับผิดชอบก็โยนกันไปมา ขณะที่ นายกฯ อิ๊งค์ ยก พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) มาปกป้องพ่อตัวเอง ยิ่งทำให้น่าสงสัยว่าหากป่วยร้ายแรงจริง เปิดเผยให้สังคมเห็นก็จบไปแล้ว

แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะยื้อเวลาออกไป แต่ภาคประชาชนก็ไล่บี้ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบต้องทำหน้าที่ ซึ่งตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 34 บัญญัติว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอำนาจสั่งให้ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น มาให้ถ้อยคําหรือส่งมอบเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาเพื่อประโยชน์ในการไต่สวน และให้บุคคลใดมาให้ถ้อยคํา หรือส่งบัญชี เอกสาร หรือหลักฐานใดๆ มาเพื่อประโยชน์ในการไต่สวน หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน  หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะที่ นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยยื่นหนังสือถึงเลขาธิการแพทยสภา ขอให้ตรวจสอบนายแพทย์ที่ รพ.ราชทัณฑ์และ รพ.ตำรวจ ไม่ประพฤติปฏิบัติตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมและกฎเกณฑ์ทางจรรยาบรรณเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับ น.ช.ทักษิณ ได้เข้ายื่นหนังสือถึงนายกแพทยสภา ขอติดตามผลการร้องเรียนตรวจสอบผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม (แพทย์) ครั้งที่ 2 ซึ่งระยะเวลาล่วงเลยมา 11 เดือน

อดีตเลขาธิการแพทยสภาท่านหนึ่งระบุว่า   กระบวนการพิจารณาจริยธรรมของแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภานั้น น่าจะได้ข้อสรุปแล้ว เพราะระยะเวลาเนิ่นนานมาพอสมควรแล้ว ทั้งนี้ หากมีแพทย์คนใดกล้าประพฤติผิดทางจริยธรรม บันทึกเวชระเบียนอันเป็นเท็จ ไม่เพียงแต่ถูกแพทยสภาลงโทษพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือเพิกถอนใบอนุญาตฯ แล้วอาจต้องรับโทษในคดีอาญาอีกด้วย

กรณี นักโทษเทวดา ชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หนีความจริงไม่พ้น หากหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก็ต้องโดนข้อกล่าวหาละเว้นหน้าที่ตาม ม.157 ส่วน น.ช.ทักษิณ จัดฉาก ป่วยทิพย์ ออกจากเรือนจำไปนอนอยู่ที่ รพ.ตำรวจโดยมิชอบ เท่ากับว่า หนีคุก โดยการสมคบคิดของกรมราชทัณฑ์กับ รพ.ตำรวจ ต้องกลับมารับโทษจริง 1 ปี

อย่างไรก็ตาม ทั้ง 6 ประเด็นที่ นายธีรยุทธ ยื่นศาล รธน. มีความเกาะเกี่ยวร้อยรัดเป็นห่วงโซ่กันอยู่ ที่จะเชื่อมโยงว่าพรรคเพื่อไทยยินยอมให้นายทักษิณใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิถีทางอื่นที่ไม่ได้ปรากฏใน รธน.

ดังนั้น หากศาล รธน.รับคำร้อง และนายธีรยุทธให้ถ้อยคำเพิ่มเติม ย่อมจะส่งผลต่อคำวินิจฉัยของศาล รธน. ที่จะออกมาในทิศทางที่ไม่เป็นคุณกับนายทักษิณและพรรคเพื่อไทย จะเป็นการชี้ชะตา ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย-รัฐบาลแพทองธาร และขบวนการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ส้มขีดเส้นโหวตก่อนปีใหม่!

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า

'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน

'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.

รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%

'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

นายกฯ ประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล 'ร.9'

นายกฯ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 'ในหลวง ร.9' วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2568