ปักธง1ภาค1เก้าอี้นายกอบจ. ส้มเก็บชัยหรือระเนระนาด

นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ระหว่าง นายคณิศร ขุริรัง ผู้สมัครจากพรรคประชาชน และนายศราวุธ เพชรพนมพร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย

จากสัปดาห์ที่ผ่านมา เปรียบดั่ง 'สงครามตัวแทน' ซึ่งกลายเป็นเวทีของเหล่าผู้มากบารมีของทั้ง 2 พรรค

เนื่องจาก 'นายใหญ่' หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขอนำทัพลงพื้นที่ด้วยตัวเอง แทนที่จะเป็นนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก

ขณะที่พรรคประชาชน 'หัวหน้าเท้ง' หรือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ก็ดูจะกระแสไม่ดีพอกัน

จึงต้องให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาคณะก้าวหน้า ออกจากหลังม่านช่วยประกบ โดยมีการปรับแผนมาเป็นการเลือกเฉพาะพื้นที่ยุทธศาสตร์

  มีหมุดหมายของพรรคประชาชนในการส่งผู้สมัครครั้งนี้ คือจะต้องชนะสนามเลือกตั้งนายก อบจ.ให้ได้ 1 แห่ง ในทุกภูมิภาค

ทั้งนี้ เดิมทีคณะก้าวหน้า เคยส่งผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แบบหว่านแหลงกว่า 196 อบต. ใน 50 จังหวัด แต่ชนะไปเพียง 38 อบต. ใน 17 จังหวัด

สำทับด้วยจำนวนสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) 57 คน นายกเทศมนตรี 16 คน และสมาชิกสภาเทศบาล 130 คน ที่ได้มา ปล่อยแทรกซึมในพื้นที่ต่างๆ เพื่อวางรากอยู่ก่อน

นอกจาก อบจ.อุบลราชธานี ซึ่งกำลังขับเคี่ยวกันอยู่ในขณะนี้ ยังมีรายชื่อผู้สมัครนายก อบจ.ที่เพิ่งเปิดเผยอีก 12 คน ดังนี้ 1.นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครเชียงใหม่ เป็นพื้นที่ที่อดีตพรรคก้าวไกล มี สส.เขต 7 คน และคณะก้าวหน้า ชนะนายก อบต.

2.นายวีระเดช ภู่พิสิฐ ผู้สมัครลำพูน เป็นพื้นที่ที่อดีตพรรคก้าวไกล มี สส.เขต 1 คน และคณะก้าวหน้า ชนะ ส.อบจ.

3.นายสุพจน์ สุอริยพงษ์ ผู้สมัครมุกดาหาร เป็นพื้นที่ที่อดีตพรรคก้าวไกล มี สส.เขต 1 คน และคณะก้าวหน้า ชนะ ส.อบจ. และนายกเทศบาล

4.นายอุรุยศ เอียสกุล ผู้สมัครหนองคาย เป็นพื้นที่ที่คณะก้าวหน้า ชนะ นายก อบต. และ ส.อบจ.

5.นายชลธี นุ่มหนู ผู้สมัครตราด เป็นน้องชาย ศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด อดีตพรรคก้าวไกล 2 สมัยซ้อน

6.นพ.เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล ภูเก็ตเป็นพื้นที่ที่อดีตพรรคก้าวไกล มี มี สส.เขต 3 คน (ยกจังหวัด) และคณะก้าวหน้า ชนะ ส.อบจ.

7.นพ.จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ ผู้สมัครสุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่ที่อดีตพรรคก้าวไกล ชนะคะแนน สส.บัญชีรายชื่อ 3 จาก 4 เขต

8.นายสุทธิโชค ทองชุมนุม ผู้สมัครพังงา เป็นพื้นที่ที่อดีตพรรคก้าวไกล ชนะคะแนน สส.บัญชีรายชื่อ 1 จาก 2 เขต

9.นายนิรันดร์ จินดานาค ผู้สมัครสงขลา เป็นพื้นที่ที่อดีตพรรคก้าวไกล ชนะคะแนน สส.บัญชีรายชื่อ 6 จาก 9 เขต

10.นางสาวนันทิยา ลิขิตอำนวยชัย ผู้สมัครสมุทรสงคราม เป็นพี่สาว อานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย สส. สมุทรสงคราม อดีตพรรคก้าวไกล

11.นายนพดล สมยานนทนากุล ผู้สมัครสมุทรปราการ เป็นพื้นที่ที่อดีตพรรคก้าวไกล มี สส.เขต 8 คน (ยกจังหวัด) และคณะก้าวหน้า ชนะนายก อบต. และนายกเทศมนตรี

12.นายเลิศมงคล วราเวณุชย์ ผู้สมัครนนทบุรี เป็นพื้นที่ที่อดีตพรรคก้าวไกล มี สส.เขต 8 คน (ยกจังหวัด) และคณะก้าวหน้า ชนะ ส.อบจ.

 หากพิจารณายังเข่ง จะเห็นได้ว่าผู้สมัครส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นคนหน้าคุ้น ทั้งคนใกล้ชิดของ สส.อดีตพรรคก้าวไกล และพรรคประชาชน ทีมงานคณะก้าวหน้า ตลอดจนผู้เข้าอบรมหลักสูตรนักการเมืองท้องถิ่นก้าวหน้า และยังมีบุคคลที่อยู่ระหว่างการคัดเลือกอีก 4-5 จังหวัด

พร้อมขับเคลื่อนต่อ นำภารกิจสำคัญที่เคยสร้างผลงานในระดับท้องถิ่นไว้มาสานต่อทั้ง 5 ด้าน คือ 1.น้ำประปาดื่มได้ น้ำเกษตรทั่วถึงตลอดปี 2.ขนส่งมวลชน ถนนทั่วถึง รถเมล์ตรงเวลา 3.สาธารณสุขบริการทั่วถึง อยู่ไหนก็ใกล้หมอ 4.อบจ.โปร่งใส ทำงานไว รับใช้ประชาชน และ 5.โรงเรียนคุณภาพ สอนทักษะอนาคต เรียนไปได้ใช้จริง

แต่ภาพหลอนประวัติความพ่ายแพ้ ทั้งสนาม อบจ.ราชบุรี และเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 1 พิษณุโลกนั้น ก็ยังทำให้พรรคเพื่อไทยมีแต้มต่ออยู่ หาก อบจ.อุดรธานี ครั้งนี้ พรรคประชาชนยังแพ้อีก จะกลายเป็นแพ้ 'แฮตทริก' 3 แต้มรวด อาจยิ่งลด 'ความศรัทธา' ในตัวผู้นำ ที่ประกาศปักธงว่า "อย่างน้อยทุกภูมิภาค จะต้องชนะ อบจ.หนึ่งแห่ง" ส่งผลทำให้เสียขบวนหรือไม่

ขณะที่หากมองบรรยากาศการหาเสียงของใน 3 วันสุดท้ายนี้ อาจจะดูไม่ครึกครื้นเท่า เพราะแสงสปอตไลต์ถูกฉายไปก่อนแล้ว

แต่การเก็บคะแนนรอบนี้ อาจหมายรวมถึงแนวรบที่จะพังเรียงตามกันมาไม่ต่างจากโดมิโน จนทำหมากของพรรคประชาชนเซล้มทั้งกระดาน หรือไม่?.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)