รหัสลับทักษิณถึง สส.พท. อบจ.เขตไหนแพ้ขึ้นบัญชีดำ

เหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 สัปดาห์เท่านั้น จะถึงวันลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ใน 47 จังหวัดทั่วประเทศ ที่จะเลือกกันวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.  

ทำให้ต่อจากนี้ ผู้สมัครนายก อบจ.-พรรคการเมืองที่ส่งคนลงสมัครอย่างเป็นทางการ คือ เพื่อไทยและพรรคประชาชน รวมถึงพรรคการเมือง-กลุ่มการเมืองที่ไม่ได้ส่งคนลงเลือกตั้งนายก อบจ.อย่างเป็นทางการ แต่เป็นที่รู้กันดีว่า สนับสนุน-แบ็กอัพผู้สมัครนายก อบจ.หลายจังหวัด โดยเฉพาะ "พรรคสีน้ำเงิน" ที่ส่งเครือข่าย สส.ของพรรคลงเลือกตั้งนายก อบจ.หลายจังหวัดในภาคอีสานและภาคใต้ทั้งหมด จะต้องเร่งหาเสียงเลือกตั้งอย่างหนักหลังจากนี้ 

ในส่วนของ พรรคเพื่อไทย ที่ส่งคนลงสมัครนายก อบจ.รวมทั้งสิ้น 16 จังหวัด พบว่า ทักษิณ ชินวัตร เพื่อไทยตัวพ่อขอลงมากรำศึกด้วยตัวเอง ด้วยการวางคิวหาเสียงช่วยผู้สมัครของพรรค โดยเน้นหนักไปที่ ภาคเหนือ-อีสาน

อย่างช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ไปที่ นครพนม-บึงกาฬ-หนองคาย และจะปิดทัวร์รอบนี้ที่มหาสารคาม จันทร์ที่ 20 ม.ค. และสัปดาห์หน้าข่าวบอกว่า ทักษิณกับเพื่อไทยกำลังดูคิวอยู่ว่าจะไปอีกบางจังหวัด แต่ในช่วงโค้งสุดท้ายมีคิวกลับถิ่น ล้านนาบ้านเกิด โดยที่ไปแน่ๆ แล้วก็คือ เชียงราย วันที่ 29 ม.ค.ที่จะขึ้นเวทีหาเสียง 3 เวทีรวดในวันเดียว และน่าจะปิดการหาเสียงที่จังหวัดเชียงใหม่ บ้านเกิดตระกูลชินวัตรช่วง 30 หรือ 31 ม.ค.

ตรวจสอบข่าวถึงช่วงต้นสัปดาห์นี้ว่ากันว่า ทักษิณประเมินพื้นที่กับแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่รับผิดชอบพื้นที่เลือกตั้งรายภาคแบบวันต่อวัน ทั้งเช้า-กลางวัน-เย็น เช่น สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคอีสานหลายจังหวัด เช่น นครพนม-ศรีสะเกษ-มหาสารคาม จนเรียกได้ว่ายามนี้ สุริยะคือเจ้าภาพหลักในการดูแลพื้นที่ภาคอีสานไปแล้ว ชนิดร่ำลือกันว่าเป็น คลังแสง คนสำคัญของเพื่อไทย ในการส่งกำลังบำรุงไปช่วยหลายจังหวัด จนเป็นที่ถูกอกถูกใจผู้สมัครนายก อบจ.และ สส.เพื่อไทยในพื้นที่อย่างมากว่า จัดหนักจัดเต็ม รวมถึงแกนนำพรรคเพื่อไทยคนอื่นๆ เช่น “ยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา ที่แม้แค่จังหวัดเชียงรายก็หนักอยู่แล้ว ในการต้องทำให้เมียตัวเอง สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ชนะเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงรายให้ได้ แต่ก็มีข่าวว่าทักษิณโทรศัพท์คุยกับยงยุทธทุกวัน เพื่อเช็กสถานการณ์ในพื้นที่เลือกตั้งนายก อบจ.ภาคเหนือตอนบน ว่าแต่ละจังหวัด โอกาสแพ้-ชนะเป็นอย่างไร รวมถึงทักษิณก็คุยกับแกนนำเพื่อไทยอีกหลายคน

โดยมีข่าวว่า จนถึงตอนนี้ทักษิณ-แกนนำเพื่อไทยหลายคนประเมินว่า จากที่ส่งไป 16 จังหวัด มีโอกาสเข้าป้ายเอาชนะได้ร่วมๆ 13 จังหวัดเลยทีเดียว

ร่ำลือกันดังสนั่นจากตึกที่ทำการพรรคเพื่อไทยแห่งใหม่ แถวถนนวิภาวดีรังสิตว่า ทักษิณได้ส่งสัญญาณไปยังแกนนำพรรคเพื่อไทยที่รับผิดชอบพื้นที่รายภาค รวมถึงสื่อสารไปยัง สส.เขตเพื่อไทย รวมถึงอดีต สส.เพื่อไทยที่สอบตกในการเลือกตั้ง สส. ปี 2566 ที่ผ่านมาว่า ให้ สส.-อดีต สส.เพื่อไทยทุกคนต้องลงมาช่วยหาเสียง-ทำคะแนนให้กับผู้สมัครนายก อบจ.ที่พรรคส่งลงเลือกตั้งนายก อบจ.

โดยหากได้รับรายงานหรือมีข้อมูลว่า สส.ของเพื่อไทย-อดีต สส.เพื่อไทย ที่สอบตกและต้องการลงสมัคร สส.ต่อในการเลือกตั้งรอบหน้า ถ้าไม่ลงไปช่วยหาเสียงให้แบบเต็มที่ ทางพรรคจะมีการขึ้น บัญชีดำ-แบล็กลิสต์ ไว้เพื่อรอเช็กบิลย้อนหลัง เช่น หากอดีต สส.คนไหน ในจังหวัดใด ที่ปัจจุบันมีตำแหน่งต่างๆ เช่น ที่ปรึกษารัฐมนตรี-เลขานุการ รมต.-กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี แล้วพบว่าไม่ได้ช่วยพรรคในการเลือกตั้งนายก อบจ. ทำตัวแบบ ขาลอย-เกียร์ว่าง เพราะเห็นว่าผู้สมัครนายก อบจ.ในจังหวัดตัวเอง แม้จะเป็นคนของเพื่อไทย แต่เป็นคนจากอีกกลุ่มหนึ่งในจังหวัดที่ไม่ถูกกัน เลยไม่เข้าไปช่วย ปล่อยให้แพ้ไป หรือหากชนะ ก็รอเคลมผลงาน ว่าเป็นผลงานตัวเองที่ทำให้ได้คะแนนจนชนะมาได้ ทำนอง จับเสือมือเปล่า เอาผลงานไปอ้างกับพรรคและทักษิณ แต่ของแบบนี้ทักษิณกับพรรคเพื่อไทยเช็กได้กับผู้สมัครนายก อบจ.โดยตรงว่า นักการเมือง-อดีต สส.คนดังกล่าวเข้ามาช่วยหาเสียงจริงหรือไม่ หากไม่ช่วยแต่อ้างผลงาน ก็ไม่เว้น จะรอขึ้นบัญชีไว้ เช่น ถ้ามีจังหวะเหมาะสม อาจถูกปรับออก-บีบให้ลาออกจากตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่นั่งอยู่ และหนักสุดคือ ไม่ส่งลงเลือกตั้ง สส.เขตรอบหน้า เอาคนใหม่มาแทน 

และยิ่งหากอำเภอไหนในจังหวัดต่างๆ ได้คะแนนน้อย จนทำให้คนของเพื่อไทยแพ้เลือกตั้ง จะยิ่งโดนหนัก เช่น หากพบว่าคะแนนในอำเภอที่ สส.เพื่อไทยเป็น สส.อยู่ คะแนนลดลง จากตอนเลือกตั้ง สส. ปี 2566 ที่สะท้อนว่า ตัว สส.เพื่อไทยคนดังกล่าว นอกจากไม่ช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.ให้แล้ว แสดงว่ากระแสตอบรับประชาชนในพื้นที่ต่อ สส.เพื่อไทยคนดังกล่าวเริ่มมีปัญหา หากยังส่งลงเลือกตั้งอีก เพื่อไทยอาจแพ้ได้ ถ้าใครโดนแบบนี้ อาการหนัก จะถูกขึ้นบัญชีดำไว้ มีโอกาสเลือกตั้งรอบหน้าจะถูกเช็กบิลย้อนหลัง โดนเปลี่ยนตัวไม่ให้ลงเลือกตั้ง สส.ก็ได้ หากชี้แจงกับพรรคไม่ได้

“มีบางจังหวัดซึ่งในพื้นที่ คนของเพื่อไทยหรือ สส.เพื่อไทยแตกกันเองเป็นหลายก๊ก เช่น ที่เชียงราย ก็มีข่าวว่า ตอนทักษิณไปช่วยหาเสียงให้เมื่อ 5 ม.ค.ที่ขึ้นเวทีหาเสียง 3 เวที ระหว่างนั่งกินข้าวกัน ทักษิณบอกกับคนในพรรคเพื่อไทยสายเชียงราย โดยเฉพาะ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย 5 สมัย รองประธานสภาฯ และวิสาร เตชะธีราวัฒน์ อดีต รมช.มหาดไทย ว่า ขอให้ทั้ง 2 คนช่วยหาเสียงให้ เมียยงยุทธด้วย เพราะทักษิณรู้ดีว่าในเชียงราย เพื่อไทยแบ่งออกเป็น 3 ก๊ก คือ บ้านใหญ่ติยะไพรัช-บ้านใหญ่เตชะธีราวัฒน์ และกลุ่มพิเชษฐ์ ซึ่งฝ่ายพิเชษฐ์กับวิสาร ทั้ง 2 คนอยู่สายเจ๊แดง-เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ไม่ค่อยกินเส้นกับยงยุทธ ทำให้ทักษิณเลยต้องเอ่ยปากดังกล่าวเพื่อขอให้ทั้ง 3 กลุ่มเชียงรายจับมือกัน เพราะคู่แข่งคือ อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ไม่ธรรมดา เพราะเป็นอดีตนายก อบจ.และเป็นคนของพรรคสีน้ำเงิน

และยังมีแบบนี้อีกหลายจังหวัด เช่น มหาสารคาม ก็เป็นที่รู้กันดีว่า เพื่อไทยที่ มหาสารคามแบ่งออกเป็น 3 ก๊ก คือ กลุ่มของสุทิน คลังแสง อดีต รมว.กลาโหม-กลุ่มบ้านใหญ่ศิริพานิชย์ ของ ประยุทธ์ หัวเขียง อดีต สส.มหาสารคามหลายสมัย และกลุ่มของ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ที่ส่งน้องชายลงนายก อบจ.มหาสารคาม จนลือกันในพรรคว่า กลุ่มคลังแสงกับกลุ่มหัวเขียงไม่อยากให้ กลุ่มจรัสเสถียรใหญ่เกินไป เลยอาจไม่ช่วยหาเสียงให้น้องชายยุทธพงศ์ แต่ข่าวว่าทักษิณบอกไปแล้วให้ทั้ง 3 กลุ่มต้องจับมือกัน รวมถึงยังสั่งการไปอีกหลายจังหวัดให้ทุกกลุ่มในแต่ละจังหวัดต้องจับมือกัน หากจังหวัดไหนไม่ทำ อาจมีคิดบัญชีย้อนหลังเมื่อจบศึกเลือกตั้งนายก อบจ.” สายข่าวจากเพื่อไทยให้ข้อมูลเอาไว้

 ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า ศึกนายก อบจ.รอบนี้ ทักษิณเอาจริง ไม่ได้มาเล่นๆ จึงไม่แปลกหากผลเลือกตั้งออกมา คนของเพื่อไทยจะเข้าป้ายเกือบทั้งหมด!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก