ระเบิดศึกซักฟอก ดีลแลกประเทศ ขยี้"นายกฯอิ๊งค์"ขย้ำ"ทักษิณ"

หลังการเมืองไทยว่างเว้นจากการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจมาร่วม 2 ปีเศษ เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.ค.2565 ตอนรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาวันนี้สิ้นสุดการรอคอยกับศึกซักฟอก-เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ

"แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี"

ที่ฝ่ายค้านVSนายกฯ จะขึ้นเวทีดวลฝีปาก แลกหมัด ซัดกันรัวๆ ภายใต้แคมเปญศึกซักฟอก “ดีลแลกประเทศ” ที่ฝ่ายค้านโหมโรงมาหลายวัน ที่เริ่มตีระฆังขึ้นชกตั้งแต่เช้าวันจันทร์ที่ 24 มี.ค. ไปจนถึงกลางดึกสงัดวันอังคารที่ 25 มี.ค. และลงมติ ไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจ วันพุธที่ 26 มี.ค.

มองไปข้างหน้าถึงเรื่องการโหวตไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจ

สถานการณ์หน้างานตอนนี้ เรื่อง คะแนนเสียงไว้วางใจ ไม่น่ามีปัญหา ลุ้นแค่ว่าจะได้ระดับแตะ 330 เสียง โดยมี สส.ฝ่ายค้านมาลงคะแนนเสียงไว้วางใจให้นายกฯ ถึง 10 เสียง ตามที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จากพรรคกล้าธรรม เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่?

ความมั่นใจเรื่องเสียงโหวตไว้วางใจฉลุย เกิดขึ้นมากหลังเมื่อวันศุกร์ที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่มีการนัดกินข้าวหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ที่โรงแรมโรสวูด ที่หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลมาทุกพรรค แม้แต่บางคนที่ไม่ค่อยโผล่ในวงแบบนี้อย่าง พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ รอบนี้ก็ยังมาในฐานะเจ้าภาพ

วงหารือดังกล่าว แม้ไม่มีการแถลงข่าว แต่คาดการณ์ได้ไม่ยากว่า คุยกันแค่ 2-3 ประเด็นหลักๆ 

ทั้งการที่แพทองธารที่อาวุโสการเมืองน้อย เป็นนายกฯ แค่ 6 เดือนเศษ ในวัย 30 ปลายๆ ประสบการณ์การเมืองยังไม่โชกโชน แต่หัวหน้าพรรคต่างๆ ที่ร่วมโต๊ะ ส่วนใหญ่ผ่านร้อนผ่านหนาวทางการเมืองมามากมาย ลิ้มรสผ่านเวทีซักฟอกมาแล้วหลายสิบครั้งในชีวิต ทั้งในฐานะรัฐบาลและฝ่ายค้าน

บางคนก็โดนอภิปรายมาแล้วหลายรอบ โดยเฉพาะ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สมัยเป็น รมว.สาธารณสุข ยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และบางคนก็เคยเป็นหัวหอกฝ่ายค้าน อภิปรายรัฐบาลมาแล้วเช่นกัน อาทิ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค สมัยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ หรืออย่าง สุวัจน์ ลิปตพัลลภ จากชาติพัฒนาที่ไปร่วมวงด้วย ชีวิตการเมืองสุวัจน์เป็นมาหมดแล้วทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน อยู่ในสภาฯ มาตั้งแต่ยุค พลเอกสุจินดา คราประยูร และต่อเนื่องมาอีกหลายนายกรัฐมนตรี จึงย่อมให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์กับแพทองธารได้มาก อีกทั้งวงหารือดังกล่าว หลายคนคงช่วยเก็งข้อสอบฝ่ายค้านที่จะอภิปรายให้นายกฯ ด้วยเช่นกัน

แต่สิ่งสำคัญ คงไม่พ้นการที่ หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดให้คำยืนยันกับนายกฯ ไว้ว่า สส.ในพรรคจะกดโหวตไว้วางใจให้นายกฯ แบบพร้อมเพรียง ไม่ลา ไม่ขาด ไม่มีตุกติก ประเภทกดโหวตไว้วางใจแต่คะแนนไม่ขึ้น ขอให้ไม่ต้องห่วงเรื่องคะแนนเสียงไว้วางใจ ยังไง ต้องได้มากกว่าที่เคยได้ 319 เสียง ตอนสภาฯ โหวตให้เป็นนายกฯ เมื่อ 16 ส.ค.2567  ส่วนจะถึง 330 เสียงหรือไม่ อยู่ที่ สส.งูเห่าฝ่ายค้าน ที่ไม่ใช่พวกหน้าเดิมๆ จากพรรคไทยสร้างไทย จะพร้อมเปิดตัวรอบนี้เลยหรือไม่ โดยเฉพาะพวก สส.พลังประชารัฐ ที่เตรียมแยกตัวไปอยู่กับพรรคกล้าธรรม       

  ส่วนเหตุที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่กล้าต่อรองเรื่องการโหวตเสียงไว้วางใจให้นายกฯ ก็เพราะด้วยสภาพการเมืองปัจจุบันไม่เอื้อให้พรรคร่วมรัฐบาลเล่นแง่ต่อรองกับทักษิณได้ เช่น หากคิดต่อรอง ทำแบบสมัยพรรคประชาธิปัตย์อภิปรายบรรหาร ศิลปอาชา เมื่อปี 2538 ด้วยการยื่นเงื่อนไข จะโหวตไว้วางใจให้ แต่หลังการโหวตเสร็จ นายกฯ ต้องลาออก เพื่อเปิดทางให้หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลบางคนขึ้นมาเป็นนายกฯ แทน ในความเป็นจริงมันทำได้ยาก เพราะถ้าเจอแบบนั้น พอโหวตผ่านเสร็จ แพทองธาร-เพื่อไทย ยุบสภาฯ ไม่ยอมให้พรรคร่วมรัฐบาลมาบีบ อีกทั้งบางพรรคที่คนมักจับตามองกันว่ามีโอกาสขึ้นมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลแทนเพื่อไทย อย่างภูมิใจไทย ก็ย่อมรู้ดีว่า ไม่ควรแม้แต่จะคิด เพราะใครทำ มันคือการหักหลังเพื่อน ต่อไปจะไม่มีใครคบทางการเมือง

ผนวกกับหากดูจากจำนวน สส.ในสภาฯ ปัจจุบัน เดิมทีหลังมีการยุบพรรคก้าวไกล เมื่อ ส.ค.2567 ทำให้เหลือ สส.ในสภาราวๆ 493 คน ต่อมามีการเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก ทำให้ขึ้นมาเป็น 494 คน แต่ก็มี สส.นครศรีธรรมราช ภูมิใจไทย ถูกศาลฎีกาฯ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงจะมีการเลือกตั้งซ่อม สส.บึงกาฬ แทน สส.ภูมิใจไทยที่โดนใบแดง ทำให้เหลือ สส.ในสภาฯ ประมาณ 492 คน

ซึ่งตอนนี้ภูมิใจไทยเหลือ สส. 68 เสียง ส่วนเพื่อไทยมี สส.ร่วม 142 คน มากกว่าภูมิใจไทย 2 เท่า ของแบบนี้ภูมิใจไทยมีหรือจะไม่รู้ หากอนุทินเป็นนายกฯ ก็บริหารงานยาก แค่ฝ่ายค้านยื่นซักฟอก แล้วเพื่อไทยขู่ไม่โหวตไว้วางใจให้ ก็ตายกลางสภาฯ

ที่สำคัญ หากดูจากตัวเลข สส.ฝั่งรัฐบาล หากทักษิณปรับบางพรรคออก แม้แต่กับภูมิใจไทย เสียงรัฐบาลก็ยังเกินกึ่งหนึ่ง โดยไม่ต้องดึงพรรคอื่นเข้ามาแทนก็สามารถเป็นรัฐบาลต่อไปได้ แล้วก็แก้ปัญหารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ด้วยการดึงเสียง สส.จากพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ เช่น พลังประชารัฐ กลุ่มสันติ พร้อมพัฒน์-วราเทพ รัตนากร ที่พร้อมจะกลับเพื่อไทย มาเติมตอนโหวตเรื่องสำคัญในสภาฯ ก็ยังไหว

ของแบบนี้ พรรคร่วมรัฐบาลต่างรู้ดี แล้วเรื่องอะไร พรรคร่วมรัฐบาลที่ต่างก็เอ็นจอยกับการร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย จะต้องไปต่อรอง ขืนทำยึกยัก จะโดนทักษิณถีบออกไปเป็นฝ่ายค้าน แบบพลังประชารัฐ

ส่วนครั้นเพื่อไทยจะพลิกขั้วไปจับมือกับพรรคประชาชน ตั้งรัฐบาลหลังจบศึกซักฟอกก็ยาก แกนนำพรรคประชาชนประกาศปิดประตูล็อกสนิท ขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มสูบ รอเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้ง เพราะมั่นใจจะแลนด์สไลด์ได้ สส.เกินครึ่งสภาฯ 

ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ พรรคร่วมรัฐบาลเมื่ออยู่เรือลำเดียวกัน จึงต้องจับมือกันประคองรัฐนาวานี้ไปให้ไกลมากที่สุด

อย่างมากสุด หากจะต่อรองกันจริงๆ ก็คือกรณี ข้อมูลฝ่ายค้านเด็ดจริง รุกไล่-บดขยี้แพทองธารกลางสภาฯ จนไปไม่เป็น ชี้แจงไม่ได้ จนมุมกลางสภาฯ

หากออกแบบนี้ พรรคร่วมรัฐบาลอาจแย็บๆ กับทักษิณ ขอต่อรองได้บ้าง เช่น จะโหวตไว้วางใจให้ แต่ว่าหากมีการปรับ ครม.กลางปีนี้ ทักษิณต้องให้พรรคร่วมรัฐบาลมีส่วนร่วมในการตัดสินใจด้วย โดยเฉพาะหากมีการเปลี่ยนโควตา สลับกระทรวง 

ประเมินว่า มากสุดอาจต่อรองได้แค่นี้ แล้วหลังโหวตเสร็จ แพทองธารก็ค่อยมาแก้ปัญหาหน้างานต่อไป มาเคลียร์ประเด็นที่ยังชี้แจงกลางสภาฯ ไปทีละเรื่อง แล้วค่อยปรับ ครม.เขย่าขวดกันใหม่หลังปิดสภาฯ

ทั้งหมดคือสถานการณ์ศึกซักฟอก ที่มองไปข้างหน้า หลังการอภิปรายเสร็จสิ้นลงกลางดึกคืนวันที่ 25 มี.ค.

แต่ตอนนี้ติดตามชมศึกซักฟอก-ดีลแลกประเทศ ที่ฝ่ายค้านรอเผาเครื่องรัฐบาล ด้วยการไล่ขยี้นายกฯ อิ๊งค์-ขย้ำทักษิณ ชินวัตร กลางสภาฯ 2 วันเต็ม แบบจุกๆ มันส์ๆ กันไปเลย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศึกชายแดน เปลี่ยนเกม! ‘อนุทิน’ พลิกบีบ ‘ส้ม-แดง’

พรรคภูมิใจไทย พลิกเกมขี่กระแส ชาตินิยม ได้อย่างทันทีท่วงที เมื่อ “นายกฯ หนู”-อนุทิน ชาญวีรกูล พลิกสถานการณ์จากเสียงตำหนิเรื่องน้ำท่วมใต้และปัญหาสแกมเมอร์ล่าช้า มายืนบนพื้นที่ที่ตัวเองได้เปรียบ คือกระแสชาตินิยม และประเด็นความมั่นคง

พิสูจน์กึ๋น“แม่ทัพใหม่กกต.” คุมบังเหียน2ศึกใหญ่ปีหน้า

ในช่วงปลายปี 2568 ที่กำลังจะสิ้นสุดลง กระแสการเมืองไทยกำลังร้อนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเด็นการเตรียมจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และการออกเสียงประชามติที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2569

แก้รธน.วาระ2เร่งสรุปเนื้อหา วัดใจวาระ3ก่อนกดปุ่มยุบสภา

ในการประชุมร่วมรัฐสภา ครั้งที่ 1 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วันพุธที่ 10 ธ.ค. และครั้งที่ 2 สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ 11 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึงเที่ยงคืนโดยประมาณ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่…พุทธศักราช...ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว วาระ 2

ข้ามเส้นแดง“เผด็จศึกฮุน เซน” “เจ็บต้องจบ”ก่อนถูกห้ามมวย

การปรากฏตัวของขุนพล “มือขวา” ของ “สมเด็จฮุน เซน” ประธานพฤฒสภากัมพูชาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เปรียบเหมือนสัญญาณที่บ่งชี้ว่า “กัมพูชา” กำลังขยับเข้าสู่ปฏิบัติการเอาพื้นที่คืนจากไทย ที่เราได้ยึดมาได้ใน “สงคราม 5 วัน” ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

วาระร้อนหลังเปิดสภาฯ12ธ.ค. จุดไฟการเมืองลุกโชนก่อนยุบ!

รัฐสภาจะกลับมาเปิดสมัยประชุมกันอีกครั้งตั้งแต่ 12 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งหากจังหวะการเมืองเดินไปตาม MOA ที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ทำไว้กับพรรคประชาชน ก็คือจะ ยุบสภาฯ ในวันที่ 31 มกราคม 2569

หาดใหญ่-สแกมเมอร์ทำรบ.'แต้มหล่น' 'อนุทิน'เปิดหน้าชนกู้เรตติ้ง

โดนล่อเป้าในจังหวะที่รัฐบาลกำลังอยู่ในสภาพอ่อนแอจากกรณีมหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สำหรับการปล่อยภาพที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล