ปมตรวจสอบ ชั้น 14 ป่วยทิพย์ ทักษิณ ชินวัตร ที่หลายฝ่ายกำลังเฝ้าติดตามว่า การสอบสวน-ไต่สวนขององค์กรอิสระ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ แพทยสภา องค์กรวิชาชีพของแพทย์ทั่วประเทศจะออกมาอย่างไร?
โดยที่พอมีความคืบหน้าได้ลุ้นติดตามกันก็คือ การประชุมบอร์ดใหญ่แพทยสภา วันที่ 8 พ.ค. ที่ต้องติดตามว่า คณะกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจจริยธรรมแพทย์ที่รักษาทักษิณ จะสามารถสรุปผลการสอบสวนส่งเข้าที่ประชุมใหญ่แพทยสภาในวันดังกล่าวได้หรือไม่ หรือจะต้องเลื่อนออกไปอีก หลังก่อนหน้านี้เลื่อนมาแล้วเมื่อ 10 เม.ย.
ขณะที่ฝ่าย ป.ป.ช.ที่รูปคดีไม่คืบหน้า เป็นไปได้สูงว่า สาเหตุหนึ่งเพราะ ป.ป.ช.ต้องการผลสอบ-มติของแพทยสภาที่จะออกมา เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผนไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. เพราะกรรมการทั้งหมด ไม่มีใครจบแพทย์แม้แต่คนเดียว จึงไม่ได้มีความรู้ด้านการแพทย์ ที่จะเป็นจุดสำคัญของสำนวนคดีดังกล่าว ที่ให้ ป.ป.ช.ทุกคนร่วมเป็นองค์คณะ ทำให้ผลสรุปของแพทยสภาจะมีผลต่อรูปคดีของ ป.ป.ช.สูง
อย่างไรก็ตาม สัปดาห์นี้คนที่สนใจติดตามเรื่องดังกล่าวต่างลุ้นกันว่า พุธที่ 30 เม.ย. ที่ศาลฎีกาฯ นัด ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว ตามคำตัดสินของศาลฎีกาฯ จะออกมาอย่างไร จะมีความคืบหน้าใดๆ ปรากฏออกมาให้เห็นหรือไม่ เช่น ศาลจะมีการรับเรื่องไว้หรือไม่ หรือจะแจ้งต่อชาญชัยว่าไม่รับเรื่องไว้พิจารณา เหมือนกับเมื่อ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ที่เคยยื่นไปแล้ว 2 รอบ แต่ศาลฎีกาฯ ไม่รับคำร้อง แต่ชาญชัยยังไม่ยอมยกธงขาว ยื่นไปเป็นรอบที่ 3 เมื่อ 10 ม.ค.2568 เพื่อขอให้รับคำร้องไว้ไต่สวนและมีคำสั่งบังคับโทษจำคุกให้เป็นไปตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุด
จับกระแสได้ว่า ฝ่ายต่อต้าน-ฝ่ายตรงข้ามทักษิณ ดูจะตั้งความหวังกับวันพุธนี้พอสมควร หลังก่อนหน้านี้ 27 ม.ค.2568 ศาลฎีกาฯ นัดให้ชาญชัยไปฟังคำสั่งในคำร้องคดีดังกล่าว แต่เมื่อถึงตอนฟังคำสั่ง ศาลฎีกาฯ อ่านคำสั่งว่า เนื่องจากคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาดำเนินการ จึงให้เลื่อนฟังคำสั่ง โดยไม่ได้มีการไม่รับคำร้องไว้แบบ 2 รอบที่ผ่านมา
ก่อนจะถึง 30 เม.ย. มีการคาดการณ์ไปในหลายรูปแบบ ตามแต่ข้อมูล-มุมวิเคราะห์ของแต่ละคน ทั้งในเชิงบวกและลบต่อทักษิณ
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่ลุ้นให้ ศาลฎีกาฯ รับเรื่องไว้พบว่า ส่วนใหญ่ประเมินไปในทางที่ว่า ต่อให้ผลที่ออกมารุนแรงที่สุด ก็คงไม่ถึงขั้นสร้างแรงสั่นสะเทือนจนแผ่นดินไหวแถวบ้านจันทร์ส่องหล้าชนิดตั้งหลักไม่ทัน แม้ก่อนหน้านี้จะเคยมีกรณี จตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. ในปี 2564 ที่ศาลฎีกาให้นับโทษจตุพรต่อในคดีที่ถูก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ฟ้องเรื่องหมิ่นประมาท จนจตุพรต้องกลับไปเข้าคุกอีก 11 เดือน 16 วัน แม้จะเคยมีคำสั่งให้ปล่อยตัวออกมาแล้ว แต่ครั้งนี้คงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะยังไม่มีการนับหนึ่งอะไรทั้งสิ้น
ทว่า มันก็ไม่แน่เช่นกัน สุดท้ายอาจเป็นข่าวดีของฝั่งทักษิณก็ได้ คือศาลอาจแจ้งกับผู้ร้อง ชาญชัย ว่าไม่รับคำร้องเป็นครั้งที่ 3 ก็ได้เช่นกัน
ท่าทีล่าสุดของทักษิณเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาบอกไว้ว่า ไม่กังวลอะไร ทุกอย่างว่าไปตามกระบวนการ
รอติดตามต่อไปว่า การแจ้งคำสั่งของศาลฎีกาฯ ต่อชาญชัยในช่วงบ่ายวันพุธนี้ จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวการเมือง จากท้องสนามหลวงไปถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า ย่านจรัญสนิทวงศ์หรือไม่ หรือจะเป็นข่าวดีที่ทำให้ทักษิณถอนหายใจโล่งอก
และไม่ใช่แค่ที่ศาลฎีกาฯ ซึ่งยังไม่ชัดจะออกมาอย่างไร แต่ทักษิณหลังจากนี้อาจต้องสั่ง ทีมทนายความ-ฝ่ายกฎหมาย ให้เตรียมสู้คดีในชั้น ศาลปกครอง เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งองค์กร
หลังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ส่งเรื่องถึงผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการตาม พ.ร.ป.ผู้ตรวจการแผ่นดินด้วยการส่งเรื่องพร้อมความเห็นยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ โดยขอให้เพิกถอนการกระทำของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รมว.ยุติธรรม ที่บังคับใช้กฎหมายที่ไม่ครบถ้วนกรณีของทักษิณ ที่พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ การขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งให้นำตัวทักษิณกลับเข้าเรือนจำ หากศาลปกครองมีคำตัดสินว่า กระบวนการรักษาตัวทักษิณที่ รพ.ตำรวจ และการพักโทษเป็นเรื่องที่กระทำโดยมิชอบ
มองความเป็นไปของเรื่องนี้ เป็นไปได้สูงที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะยื่นคำร้องไปยังศาลปกครอง
และแม้จะเป็นที่ทราบกันดีว่า กระบวนการพิจารณาของศาลปกครองมักใช้เวลานาน อีกทั้งหากศาลปกครองกลางมีคำสั่งออกมาแล้ว หากผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องเห็นแย้ง ก็ยื่นศาลปกครองสูงสุดได้อีก ทำให้เรื่องชั้น 14 หากไปถึงศาลปกครองจริง คงใช้เวลาอีกพอสมควร เร็วสุดก็ร่วม 2-3 ปี กว่าจะจบ
กระนั้นเชื่อได้เลยว่า หากผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติยื่นศาลปกครอง ย่อมทำให้คนในบ้านจันทร์ส่องหล้าเครียดหนักที่เรื่องชั้น 14 ยังตามหลอนไม่จบไม่สิ้น ตอนนี้ก็มี ป.ป.ช.-แพทยสภา และต่อไปอาจต้องมาลุ้นคดีที่ศาลฎีกา-ศาลปกครอง ภายในใจต้องมีร้อนรุ่ม กดดันแน่นอน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง
ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ
ศึกเลือกตั้งรอบใหม่ กับ 'สามก๊กฉบับชาติวิบัติ' ภาค 3
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สามก๊กฉบับชาติวิบัติ ภาค 3 (มีการปรับเปลี่ยนฝ่ายและชื่อตัวละครให้สอดคล้องสถานการณ์)
สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์ 'เพื่อไทย' จับตาใช้สูตรปี66 จัดลำดับ
สแกน 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์พท. แกนนำรุ่นใหญ่ ภูมิธรรม-สมศักดิ์-เสี่ยเพ้ง-สรวงศ์ ส่งลูก-หลังบ้าน-เครือญาติเข้าพรรค พวกย้ายพรรค-โยกสลับจากสอบตกเขตเพียบ จับตาอาจใช้สูตรเดิม เอาตัวเต็งรมต.ไว้ท้าย ลดแรงกระเพื่อม
ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี
นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี
แนวรบสุดท้ายสู้สแกมเมอร์ ปัจจัยที่ต้องปิดจ๊อบชายแดน
แม้สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน "ไทย-กัมพูชา" ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ฝ่ายไทยจะสามารถยึดเป้าหมายในหลายพื้นที่ และ มีแนวโน้มที่ดีใน 13 แนวรบ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่า "กัมพูชา"

