หลังที่ประชุมสภาฯ ให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2569 ไปเมื่อวันเสาร์ที่ 31 พ.ค. และกว่าจะเปิดสภาฯ อีกรอบก็หลัง 3 ก.ค. แต่เชื่อว่าตลอดทั้งเดือน มิ.ย. กระแสข่าว-ความเคลื่อนไหวเรื่อง ปรับคณะรัฐมนตรี จะตามมาเป็นระลอก
ซึ่งหากไม่มีกรณีศาลฎีกาฯ นัดไต่สวนคดีชั้น 14 วันศุกร์ที่ 13 มิ.ย. เชื่อได้ว่าการปรับ ครม.คงเกิดขึ้นภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์แรกของเดือน มิ.ย. เพราะรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ที่บริหารประเทศตั้งแต่เดือน ก.ย.2567 นับถึงตอนนี้ก็เข้าสู่เดือนที่ 9 ไทม์มิ่งการเมืองลงตัวเข้าล็อกสำหรับการปรับ ครม.แบบ "ทักษิณสไตล์" ที่มักปรับ ครม.เฉลี่ยประมาณ 7-8 เดือนต่อ 1 วงรอบ
แต่เมื่อสถานการณ์วันที่ 13 มิ.ย.ยากต่อการคาดการณ์ได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้น ทำให้ทักษิณ-ครอบครัวชินวัตร ต้องเตรียมตั้งรับผลที่จะตามมาในทุกด้าน ยามนี้จึงต้องโฟกัสทุกอย่างไปที่การรับมือวันที่ 13 มิ.ย.เป็นหลักไว้ก่อน การปรับ ครม.จึงอาจเกิดขึ้นหลัง 13 มิ.ย.
และในกระแสปรับ ครม.ที่กลับมากระเพื่อมอีกรอบ จะพบว่า “พรรครวมไทยสร้างชาติ” (รทสช.) กับโควตารัฐมนตรีของพรรค ก็เริ่มถูกลากโยงเข้าไปอยู่ในสมการนี้ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นกระแสข่าวลือ ทักษิณ-เพื่อไทย จะดึง ก.พลังงาน จาก รทสช.กลับคืนมา โดยอาจดึงกลับมาดูเองหรืออาจเอาโควตาไปให้ “นักธุรกิจ” ที่ใกล้ชิดกับทักษิณ ที่เคยเป็นนายทุนพรรค รทสช.ตอนเลือกตั้งปี 2566 รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ ตอนเลือกตั้งปี 2562 มาก่อน แต่เป็นที่รู้กันทางการเมือง นายทุนคนดังกล่าวมีปัญหาขัดแย้งกับแกนนำพรรค รทสช.สายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค จนแยกทางกันเดินร่วมปีแล้ว และมีข่าวว่า นายทุน-นักธุรกิจคนดังกล่าว ไปแบ็กอัปสนับสนุนการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ที่ชื่อ พรรคโอกาสใหม่ และต้องการได้โควตารัฐมนตรีพลังงาน จากพีระพันธุ์และ รทสช.กลับคืนมา แล้วจะให้ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อดีต รมว.พลังงาน ยุคบิ๊กตู่ และอดีต สส.ปาร์ตี้ลิสต์ รทสช.มานั่งแทน หรือไม่ก็ดัน สุชาติ ชมกลิ่น จาก รมช.พาณิชย์ ขึ้นมาเป็น รมว.พลังงาน เป็นต้น ที่หากเป็นแบบนี้ รทสช.แตกยับ!
มันจึงทำให้พรรค รทสช. เป็นอีกหนึ่งพรรคที่อาจได้รับผลกระทบ-เกิดแรงกระเพื่อม จากการปรับ ครม.รอบนี้
ผนวกกับตอนนี้สภาฯ เหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 ปี ก็จะครบวาระ ทำให้คลื่นใต้น้ำในพรรค รทสช. ที่ก่อตัวมานานแล้วหลังเลือกตั้งปี 2566 จบสิ้นลง ซึ่งมีบางกลุ่มในพรรค รทสช.ไม่พอใจการบริหารงานของกลุ่มพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. แต่ก็เก็บความไม่พอใจดังกล่าวเอาไว้ แต่เมื่อตอนนี้อายุของสภาฯ เหลือไม่ถึง 2 ปี
จึงทำให้แกนนำ-สส.ใน รทสช.ที่อยู่คนละฝั่งกับกลุ่มพีระพันธุ์ เริ่มออกมาเคลื่อนไหวให้เห็นกัน
โดยเฉพาะกับกลุ่ม สส.ที่มีแกนนำคือ “สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์-สส.ปาร์ตี้ลิสต์ รทสช.” ที่สัปดาห์ที่ผ่านมาออกมายอมรับว่า เลือกตั้งรอบหน้าจะโบกมือลาพรรค รทสช.เพื่อไปอยู่กับพรรคใหม่ ซึ่งถูกถอดรหัสว่าคือ พรรคโอกาสใหม่ รวมถึงก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า หากมีการปรับ ครม. กลุ่มของพีระพันธุ์ หัวหน้าพรรค อาจริบเก้าอี้ รมช.พาณิชย์จากสุชาติคืน เพราะรู้ว่าสุชาติจะพา สส.ในกลุ่มย้ายออกจากพรรค รทสช.
จุดนี้เลยยิ่งทำให้สุชาติตัดสินใจง่ายขึ้น ในการเริ่มเตรียมเปิดตัวออกจาก รทสช.ไปอยู่กับพรรคใหม่
การขยับที่น่าสนใจของกลุ่มการเมืองใน รทสช.ก็คือ เมื่อวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างที่มีการประชุมสภาฯ ถกงบ 69 ก็ปรากฏว่า สส.รทสช.ร่วม 20 คน ไปรวมตัวกันที่ห้องอาหารวีไอพี โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ เพื่อไปพบปะกินข้าวกัน โดยมีการถ่ายรูปวงหารือ-กินข้าวดังกล่าว และมีการจงใจปล่อยภาพให้หลุดออกมาด้วย
วงดังกล่าวพบว่ามี สส.รทสช.ทั้งสายปาร์ตี้ลิสต์ และ สส.เขต รวมถึงอดีตผู้สมัคร สส.เกรดเอของ รทสช.ร่วม 20-22 คน คนไปนัดพบปะกัน เช่น ศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา, วัชระ ยาวอหะซัน สส.นราธิวาส, พิพิธ รัตนรักษ์ สส.สุราษฎร์ธานี, พันธ์ศักดิ์ บุญแทน สส.สุราษฎร์ธานี, ปรเมษฐ์ จินา สส.สุราษฎร์ธานี, ถนอมพงษ์ หลีกภัย สส.ตรัง, กุลวลี นพอมรบดี สส.ราชบุรี, ธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ สส.เพชรบุรี, จ.อ.อภิชาติ แก้วโกศล สส.เพชรบุรี, จิรวุฒิ สิงโตทอง สส.ชลบุรี, พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ, เกรียงยศ สุดลาภา สส.บัญชีรายชื่อ, ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ สส.บัญชีรายชื่อ, สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ และ สส.บัญชีรายชื่อ, ธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น
มีรายงานว่า การนัดหารือดังกล่าว คนที่เป็นผู้ประสานในการนัดครั้งนี้คือ พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ที่คนในพรรค รทสช.เรียกกันว่า "น้องออย-คุณออย" ที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นเหรัญญิก คุมบัญชีค่าใช้จ่ายพรรคทุกบาท และอดีต ผอ.พรรค รทสช. และยังเคยเป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ตอนเลือกตั้งปี 2562
โดยชื่อนี้เป็นที่รู้กันดีว่า ก่อนจะเข้าสู่การเมืองเคยทำงานอยู่กับนักธุรกิจชื่อดัง อดีตนายทุนใหญ่พรรค รทสช.-พปชร.มาตั้งแต่ก่อนจะเข้ามาสู่วงการการเมือง รวมถึงพบว่า นางสาว ภัทรานันท์ ทองประพาฬ กรรมการบริหารพรรคโอกาสใหม่ ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2567 เป็นน้องสาวของ นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ
“การนัดเจอกันที่โรงแรมคอนราดที่ผ่านมา คนในพรรครวมไทยสร้างชาติมีการนัดเจอกันที่นั่นก่อนหน้านี้ น่าจะหลายรอบแล้ว ส่วนการนัดหมายที่มีภาพถ่ายหลุดออกมาเมื่อ 30 พ.ค. ไม่ใช่การเจอกันครั้งแรก เพียงแต่ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังพี่เฮ้งบอกว่า จะมีการนัดเจอกันของ สส.ในกลุ่ม และกำลังคิดเรื่องย้ายพรรค รวมถึงมีข่าวว่าอาจมีการปรับ ครม.เกิดขึ้นในเดือนนี้ ก็เลยกลายเป็นที่สนใจ และช่วงหลังพบว่า วงกินข้าวเริ่มมีคนมากขึ้น บางคนที่ไม่คิดว่าจะมาหรืออาจจะย้ายพรรค ก็มาด้วย” แหล่งข่าว สส.รวมไทยสร้างชาติ ที่มีรูปตัวเองปรากฏตัวในภาพถ่ายวันดังกล่าว เล่าฉากหลังให้ฟัง
และล่าสุด สุชาติ ชมกลิ่น ให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อ 1 มิ.ย.ยอมรับว่า ไม่ค่อยพอใจโครงสร้าง-การบริหารงานภายในพรรค รทสช.โดยเฉพาะช่องว่างระหว่างกรรมการบริหารพรรคกับ สส.เขต ที่จูนกันไม่ติด
และที่น่าสนใจก็คือ โรงแรมคอนราดที่ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ พบว่าแถวนั้นมีออฟฟิศใหญ่ที่เป็นศูนย์บัญชาการทางธุรกิจของคนที่ร่ำลือกันว่าเป็นนายทุนพรรคโอกาสใหม่
การปรับ ครม.ที่จะมีขึ้น นอกจากต้องติดตามว่า เพื่อไทยกับภูมิใจไทยจะเคลียร์กันลงตัวหรือไม่ หากเพื่อไทยยื่นคำขาด ต้องเอามหาดไทยมาให้เพื่อไทยแล้ว ความเคลื่อนไหวใน รทสช.ก็น่าสนใจเช่นกัน หลังเห็นแวว แตกยับมาแต่ไกล.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)


