รทสช.แตกยับ-เสี่ยงปรับออก เสี่ยใหญ่เร่ง"เฮ้ง"ปิดเกม แตกหัก"กลุ่มพีระพันธุ์"

หลังแกนนำพรรคและ สส.รวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปีก พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ-รมว.พลังงาน และหัวหน้าพรรค รทสช. พร้อมใจกัน ออกมาดาหน้าดิสเครดิต หนังสือ-ลายเซ็น 21 สส.รทสช. ที่มี 2 หัวหอกในการเคลื่อนไหวคือ เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์-สส.บัญชีรายชื่อ และ ออย พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ อดีต ผอ.พรรค รทสช. ที่มีชื่ออยู่ในหนังสือ-ลายเซ็นส่งถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้ ปรับ ครม.-โละ ครม.โควตา รทสช.ที่มีด้วยกัน 4 คน แต่โดนกลุ่มพีระพันธุ์สวนกลับว่าเป็น ของปลอม-แอบอ้าง-เคลมชื่อ

อันเป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นอย่างร้อนแรงตั้งแต่ช่วงดึกวันจันทร์ที่ 9 มิ.ย. จนถึงช่วงเย็นวันอังคารที่ 10 มิ.ย. ก็พบว่ายังไม่มีความเคลื่อนไหวอย่างเป็นทางการจาก 2 หัวหอกหลัก “สุชาติ-พิชชารัตน์” ที่ประกาศตัวชัดเจนว่า ไม่กินเส้นและต้องการแตกหักกับกลุ่มพีระพันธุ์ และเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค

การไร้ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของกลุ่มเสี่ยเฮ้ง หลังออกมาทิ้งบอมบ์ดังกล่าวอีกครั้งใส่กลุ่มพีระพันธุ์ ถูกมองว่าเป็นเพราะกลุ่มเสี่ยเฮ้งต้องการตั้งหลัก รอจับทิศทางเพื่อเตรียมรุกในหมากต่อไป เพื่อ เขย่า-ขย่มกลุ่มพีระพันธุ์ให้เสียการทรงตัวทางการเมือง ขณะที่ฝ่ายตัวเองก็กำลังวางแผนการทำ พรรคโอกาสใหม่ ควบคู่กันไปด้วย หลังก่อนหน้านี้ กลุ่มสุชาติ ขยับไปแล้วหลายรอบ และได้ผลสั่นสะเทือนพอสมควรกับการใช้ห้องวีไอพี โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ เป็นจุดเคลื่อนไหวทางการเมือง

 ทั้งการนัดกินข้าวกลางวัน สส.รทสช. เมื่อศุกร์ที่ 30 พ.ค. ที่โรงแรมคอนราด โดยมี สส.ทั้งระบบเขตและปาร์ตี้ลิสต์ไปร่วมวงด้วยร่วม 20 คน ที่ถือเป็นการโชว์พาวการเมืองที่เรียกเสียงฮือฮาพอสมควร กับการเปิดหน้า-เปิดตัวกลุ่มเสี่ยเฮ้งให้สาธารณชนเห็น

 จากนั้น 2 มิ.ย. ก็นัด สส.ภาคใต้ไปกินอาหารญี่ปุ่นและดื่มกาแฟที่เดิมต่อ โดยในวงดังกล่าวมีหลายคนไปร่วมด้วย ชนิดคนคาดไม่ถึงว่าจะไปร่วมวงกับสุชาติได้ ทั้งที่คนรู้กันทั้งประเทศ กำลังงัดกับกลุ่มพีระพันธุ์ เช่น สุพล จุลใส สส.เขต 3 ชุมพร หรือที่เรียกกัน นายกช้าง อดีตนายกฯ อบจ.ชุมพร พี่ชาย ลูกหมี ชุมพล จุลใส ขุนพลใหญ่ภาคใต้ของ รทสช.ที่เดิมทีจะได้เป็น รมช.มหาดไทย ตอนตั้งรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน แต่ตอนนั้น มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เลยบายเก้าอี้ให้คนอื่น และยังมี พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สส.เขต 10 นครศรีธรรมราช ที่ออกมาจากประชาธิปัตย์ เพื่อมาอยู่ที่ รทสช.พร้อมกับ พีระพันธุ์-เอกนัฏ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีข่าวกระเซ็นกระสาย ทำนองไม่ค่อยแฮปปี้ที่ถูกปรับออกจาก รมว.อุตสาหกรรม

 อย่างไรก็ตาม ภาพวงกาแฟดังกล่าวก็ถูกคนในภาพออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีการคุยเรื่องย้ายพรรคจาก รทสช.ไป "พรรคโอกาสใหม่" แต่อย่างใด เป็นการคุยเรื่องปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ เลยต้องการให้สุชาติ รมช.พาณิชย์ เข้ามาช่วยเหลือ

ทั้งหมดจะเห็นได้ว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มสุชาติ-พิชชารัตน์ ทั้งการนัด สส.รทสช.ไปกินข้าว-กินกาแฟ 2 รอบ แล้วมีการปล่อยภาพออกมาให้เห็น และการเคลื่อนไหวปล่อยรายชื่อ สส. 21 คน ที่ส่งถึงนายกฯ เพื่อให้ปรับ ครม.แบบโละกระดาน รมต.ของ รทสช.ยกแผง ทั้งที่ตัวสุชาติก็เป็น รมช.พาณิชย์ด้วย

มันแสดงให้เห็นว่า กลุ่มสุชาตินับวันยิ่งยกระดับการแตกหักกับกลุ่มพีระพันธุ์แรงขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่มีเกรงใจ เปิดหน้าชน แตกเป็นแตก ให้รู้กันไปเลย เหมือนต้องการท้าทาย แน่จริงขับออกจากพรรคเลย

เพราะเป้าหมายของกลุ่มสุชาติ ดูแล้วคงต้องการให้กลุ่มพีระพันธุ์เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคแล้วมีมติขับตนเองและบางคน เช่น พิชชารัตน์ ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค จะได้ไปเปิดตัว เคลื่อนไหวทำพรรคโอกาสใหม่ต่อไป ขณะเดียวกันการที่เคลื่อนไหวทำหนังสือมีลายเซ็น สส.รทสช.ร่วม 21 คน แม้หลายคนจะออกมาปฏิเสธว่า เป็นการแอบอ้าง ลายเซ็นปลอม ไม่ได้ลงชื่อดังกล่าว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาพที่ออกไปมันทำให้เห็นชัดว่า รวมไทยสร้างชาติมีปัญหาภายในอย่างรุนแรง พีระพันธุ์-เอกนัฏ ไม่สามารถคุมทิศทาง-คุมลูกพรรคได้

ถึงขนาด สส.ในพรรคทำหนังสือเปิดผนึกให้นายกฯ โละ-ปรับ ครม.ของพรรคแบบยกแผง โดยเฉพาะการปรับพีระพันธุ์ออกด้วยเหตุผลว่า มีเรื่องร้องเรียนที่ กกต.และ ป.ป.ช.ที่อาจมีปัญหาเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมาตรฐานจริยธรรม ที่มันก็คือ การลากเอาหัวหน้าพรรคตัวเองมาประจาน

ความขัดแย้ง-แตกแยกอย่างรุนแรงดังกล่าวของ รทสช.ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ย่อมทำให้ทักษิณ-เพื่อไทย ไม่แน่ อาจใช้จังหวะนี้ โดยอ้างเหตุผลว่า พรรค รทสช.มีปัญหากันเองในพรรครุนแรง เกรงว่าหากอยู่ร่วมรัฐบาลต่อไปจะมีปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ การแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาลและปัญหาเรื่องเสถียรภาพในพรรคร่วมรัฐบาล เลยต้องปรับ รทสช.ออกจากการร่วมรัฐบาลและยึดโควตารัฐมนตรี 4 คน มาไว้ก่อน แล้วเกลี่ย-ล้างไพ่ กันใหม่ในพรรคร่วมรัฐบาล อย่างที่มีข่าวร่ำลือมาก่อนหน้านี้ จนทำให้แวดวงการเมืองคิดถึงตอนตั้งรัฐบาลแพทองธาร ที่ทักษิณถีบ พลังประชารัฐออก แล้วเอาโควตารัฐมนตรีของ พปชร.ไปให้ ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ได้ไป 3 คนคุม ก.เกษตรฯ หลังธรรมนัสรวมเสียง สส.พปชร.ตอนตั้งรัฐบาลได้ประมาณ 20 เสียง

แวดวงการเมืองจึงเริ่มมองกันว่า หรือสุดท้าย เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับ พปชร.-บิ๊กป้อม-ธรรมนัส กล้าธรรม จะเกิดขึ้นกับ รทสช.-กลุ่มพีระพันธุ์-กลุ่มเสี่ยเฮ้ง-พรรคโอกาสใหม่ แบบเดินตามรอยเดียวกันมา    

หลังก่อนหน้านี้ก็มีกระแสข่าวว่า เสี่ยใหญ่-นักธุรกิจดัง ที่แนบแน่นกับทักษิณ ชินวัตร และเคยเป็น "นายทุน-กระเป๋าเงิน" ให้กับ รทสช.ตอนเลือกตั้งปี 2566 แต่ช่วงหลังแยกทาง-มีปัญหากับกลุ่มพีระพันธุ์ จนไปแบ็กอัปตั้งพรรคโอกาสใหม่ ก็ต้องการทวงคืนโควตารัฐมนตรีของ รทสช. ที่เสี่ยใหญ่คิดว่าเป็นของฝ่ายตัวเองคืนจากกลุ่มพีระพันธุ์ เมื่อเห็นว่าตอนนี้จังหวะพร้อมแล้ว ทักษิณ-นายกฯ ส่งสัญญาณพร้อมปรับ ครม.จึงต้องใช้จังหวะนี้ให้กลุ่มสุชาติออกมาขย่ม-เขย่า กลุ่มพีระพันธุ์แบบหนักๆ จน รทสช.แตกหัก แล้วถูกปรับออกจากรัฐบาล แล้ว ก็ให้กลุ่มสุชาติรวมเสียง สส.รทสช.ให้ได้จำนวนหนึ่ง เพื่อไปเอาโควตาจากเพื่อไทยมาสัก 2 เก้าอี้ คือ รมว.พลังงาน-รมว.อุตสาหกรรม อันเป็นข่าวที่แวดวงการเมืองพูดกันมาร่วม 2 เดือนแล้ว ซึ่งหากทุกอย่างสำเร็จตามแผน “กลุ่มเสี่ยใหญ่-เสี่ยเฮ้ง” ก็เท่ากับได้ทั้งโควตารัฐมนตรี และเอาคืนกลุ่มพีระพันธุ์ หลังจากรอมานาน นับแต่แยกทางกันเดินทางมาปีเศษ

จึงเชื่อได้ว่า แผนเขย่า-ขย่มกลุ่มพีระพันธุ์ ของกลุ่มเสี่ยใหญ่-เสี่ยเฮ้ง คงไม่หมดแค่นี้ คงย่อมมีแผน ทั้งบนดิน-ใต้ดิน ออกมาอีกหลายระลอก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้

ขณะเดียวกัน จุดหนึ่งที่ทำให้ กลุ่มพีระพันธุ์มั่นใจว่าทักษิณจะไม่ใช้จังหวะพรรค รทสช.แตกยับ มาชิงปรับ รทสช.ออก ก็เพราะคนในพรรค รทสช.เชื่อว่ามีบุคคลวีไอพีคอยแบ็กอัปกลุ่มพีระพันธุ์อยู่ ทำให้ทักษิณเกรงใจไม่กล้าทำอะไรกับ รทสช.

ทว่าสุดท้าย ความเชื่อดังกล่าวจะจริงหรือไม่ คงอยู่ที่ปัจจัยหลายอย่าง เช่น "ดีลลับ" ระหว่างวีไอพีกับทักษิณ จน รทสช.ได้ร่วมรัฐบาล หมดอายุหรือยัง เป็นต้น.  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)