การชักภาพร่วมกันระหว่างแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล นำโดย ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่โรงแรมโรสวูด กทม. เมื่อช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากยังไม่มีการแบ่งสัดส่วนโควตารัฐมนตรีแต่ละพรรคเสร็จสิ้นแล้ว
หากจะยังไม่เรียบร้อย คงเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในบางตำแหน่ง แต่ไม่ได้สาระสำคัญระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลกันเท่าไหร่
ดูแล้วทุกอย่างจะจบเรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้ ตามคำให้สัมภาษณ์ของ ‘บิ๊กอ้วน’ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย
หากไม่มีอะไรคลาดเคลื่อน ภายในสัปดาห์นี้น่าจะเห็นหน้าตา ‘ครม.แพทองธาร 1/2’ กันแล้ว
ความน่าสนใจในการปรับ ครม.ครั้งนี้คือ พรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ ตัวใหญ่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พรรคกล้าธรรม (กธ.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ตามที่มีรายงานข่าวออกมาว่า พรรคเหล่านี้ต่างได้โควตาเพิ่มขึ้นจากเก่า
ถือเป็นไปตามที่คาดการณ์กันไว้ว่า เมื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถอนตัวออกไป เสียงของรัฐบาลน้อยลง ทำให้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือมีมูลค่าเพิ่ม
อำนาจต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือมีสูงขึ้น ไม่แปลกที่พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจะนำ 8 เก้าอี้รัฐ
มนตรีที่ว่างลงมาจัดสรรและแจกจ่ายให้เพื่อเป็นการตอบแทน มัดใจ แก่พรรคร่วมเหล่านี้
จะเห็นว่า กระทรวงสำคัญหลายกระทรวงที่สามารถแบ่งให้ได้ ถูกจัดสรรไปให้พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคที่มีอำนาจต่อรองสูง ทั้งพรรคกล้าธรรม ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ
เมื่อทุกพรรคได้โควตามากขึ้น ย่อมทำให้เกิดความสงบในรัฐบาลตามไปด้วย
แต่อย่างไรก็ดี การตัดสินใจอุ้ม ‘แพทองธาร’ อยู่บนเก้าอี้นายกฯ ของพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค มีราคาที่ต้องจ่ายมากน้อยแล้วแต่อุดมการณ์ของพรรคก่อนหน้านี้
พรรคที่มีราคาจ่ายสูงสุด หนีไม่พ้น ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ที่มี ‘เสี่ยตุ๋ย’ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เป็นหัวหน้าพรรค
ขณะที่พรรคกล้าธรรม ที่มี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เป็นผู้นำจิตวิญญาณ พรรคประชาชาติ ที่มี วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นศูนย์รวมจิตใจ ไม่มีผลกระทบอะไร เพราะชัดเจนมาตลอดว่า เป็นพรรคพันธมิตรใกล้ชิดของพรรคเพื่อไทย
พรรคประชาธิปัตย์ อดีตศัตรูของพรรคเพื่อไทยร่วมทศวรรษ ได้รับแรงกระแทกรุนแรงจากฐานเสียง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ไปแล้วตั้งแต่ตัดสินใจเข้าร่วมกับรัฐบาล น.ส.แพทองธาร เมื่อครั้งมาแทนพรรคพลังประชารัฐ
ด้านพรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา ในทางการเมืองพรรคเหล่านี้ได้รับผลกระทบไม่มาก เพราะมีแนวทางการดำเนินการทางการเมืองที่สามารถร่วมได้กับทุกขั้วมาโดยตลอดอยู่แล้ว
ทั้งนี้ สำหรับพรรค รทสช.ถูกมองว่าเป็นดีเอ็นเอของ ‘ลุงตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา แฟนคลับของทั้ง นายพีระพันธุ์ และ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค คาดหวังว่าทั้งสองจะตัดสินใจถอนตัวออกจากรัฐบาลตามหลังพรรคภท.
แต่นอกจากไม่ถอนตัวในทันทีแบบพรรค ภท.แล้ว กลับยังปรากฏข่าวต่อรองและแย่งเก้าอี้ออกมาจากพรรคและกลุ่มต่างๆ ในพรรคมาเป็นระยะ
ภาพ ‘พีระพันธุ์’ ที่ร่วมเฟรมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่โรงแรมโรสวูด กทม. เพื่อยืนยันไปกันต่อ สร้างความโกรธเกี้ยวและผิดหวังให้กับ แฟนคลับ ที่เป็นดังผนังทองแดงกำแพงเหล็กมาตลอด ถึงขั้นประกาศกรวดน้ำคว่ำขันกันเลยทีเดียว!
แม้ทางพรรคจะพยายามชี้แจงว่า มีภารกิจสำคัญที่ต้องทำให้เสร็จเพื่อประชาชน แต่หลายฝ่ายมองว่า เป็นเพียงข้ออ้างในการอยู่บนอำนาจต่อเท่านั้น
และดูเหมือนว่า การตัดสินใจครั้งนี้ของพรรค รทสช.ทำให้พวกเขาสูญเสียความเป็นหัวหมู่ ‘พรรคฝ่ายอนุรักษนิยม’ ไปในทันที โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ฐานเสียงสำคัญที่หมายมั่นจะเป็นเบอร์ 1 ในครั้งหน้า
กลายเป็นว่า ‘พรรคภูมิใจไทย’ ที่ชิงถอนตัวออกไปได้ใจคนกลุ่มนี้แทน และกำลังจะสถาปนาตัวเองเป็นหัวหมู่พรรคฝ่ายอนุรักษนิยมแทนแล้ว
ฉะนั้น การปรับ ครม.ครั้งนี้ แม้ทุกพรรคที่ยังอยู่จะได้ตำแหน่งแห่งหนที่ดีขึ้นและมากขึ้น รวมถึงพรรค รทสช. แต่กลับต้องแลกกับคะแนนนิยม โดยเฉพาะ นายพีระพันธุ์ กับ นายเอกนัฏ ที่แฟนคลับคาดหวังมากกว่าคนอื่นๆ ภายในพรรค
ความผิดหวังจากแฟนคลับจะทำให้พรรค รทสช.เดินยากในการเลือกตั้งครั้งหน้า หรือบางทีอาจจะจบแล้ว?.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)


