‘ครม.อิ๊งค์ 1/2’ ตอบโจทย์การเมือง แต่ไม่ตอบโจทย์ประเทศ!
เพราะหากดูปัญหาต่างๆ ภายในประเทศขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ เรื่องกำแพงภาษีโดนัลด์ ทรัมป์ หรือเรื่องข้อพิพาทชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ต้องถือว่ามุ่งแก้ปัญหาภายในรัฐบาลมากกว่าปัญหาของประเทศ
เก้าอี้ที่ว่างลงจากการถอนตัวของพรรคภูมิใจไทย ถูกนำไปเกลี่ยให้พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ที่ยังอยู่ โดยคำนึงจุดประสงค์ทางการเมือง มากกว่าเรื่องคุณสมบัติของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งกับงานที่จะทำ
เริ่มกันตั้งแต่เก้าอี้ของ ‘อิ๊งค์’ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ตัดสินใจถ่างขาควบเก้าอี้ รมว.วัฒนธรรม อีกตำแหน่ง ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน เพราะที่ผ่านมาเราได้เห็นแค่เพียงนายกฯ ที่นั่งควบ รมว.กลาโหม หรือ รมว.คลัง เท่านั้น
อีกทั้งเก้าอี้ รมว.วัฒนธรรมที่ ‘อิ๊งค์’ นั่งตัดสินใจควบอีกตำแหน่ง มีจุดประสงค์ทางการเมืองมาเป็นอันดับแรก เพื่อป้องกันศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้ตัวเองยังทำงานอยู่ในคณะรัฐมนตรีต่อได้
ขณะเดียวกัน อีกจุดที่น่าสนใจคือ มีการเว้นเก้าอี้ รมว.กลาโหมเอาไว้ โดยยังไม่ได้แต่งตั้งใครมาแทน นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ถูกโยกไปเป็นรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ทั้งที่ก่อนหน้ามีรายชื่อแคนดิเดตเต็มไปหมด ทั้งในรายของ ‘บิ๊กนัย’ พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ อดีตนายทหารรบพิเศษ ที่มาแรงในช่วงท้าย แต่กลับหลุดออกไป ทั้งในรายของ ‘เสธ.ไก่’ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หรือแม้แต่การดัน ‘บิ๊กเล็ก’ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ขึ้นมาเป็น รมว.กลาโหมเต็มตัว
มีการพูดกันว่า บรรดาแคนดิเดต รมว.กลาโหมเหล่านี้ แม้จะมีโปรไฟล์ที่ดี แต่คุณสมบัติของ รมว.กลาโหม ในช่วงเวลาต่อจากนี้ ซึ่งมีภารกิจที่สำคัญและยิ่งใหญ่ ไม่สามารถเอาใครก็ได้มาเป็น แต่ต้องเป็นคนที่ฝ่าย ‘ผู้มีอำนาจ’ ไว้วางใจได้
โดยมีรายงานว่า เก้าอี้ รมว.กลาโหมตัวนี้ เป็นการเก็บไว้รอ ‘บิ๊กแก้ว’ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งยังพ้นตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาไม่ถึง 2 ปี มานั่ง โดยเหลืออีก 3 เดือน จะดำรงตำแหน่งได้
‘บิ๊กแก้ว’ คนนี้ มีความใกล้ชิดกับ ‘บิ๊กแดง’ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ นายทหารคอแดง และอดีตผู้บัญชาการทหารบก อย่างไรก็ตาม สำหรับ ‘ครม.อิ๊งค์ 1/2’ นี้ ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็น ‘ครม.เทือกเขาเหล่ากอ’
หลายคนเข้ามาใน ‘ครม.อิ๊งค์ 1/2’ ได้ ในระบบโควตา ทั้งโควตากลุ่มการเมือง ทั้งโควตาญาติโกโหติกา ทั้งโควตาความใกล้ชิดผู้มีอำนาจ
เริ่มตั้งแต่ รมว.แรงงานป้ายแดง ‘เสี่ยโฟม’ พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ‘หลานอา’ ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม
‘พงศ์กวิน’ ถูกวางตัวให้เป็นทายาททางการเมืองของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจอีกสาย ซึ่งเป็นคนละสายกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยนายสุริยะมีความตั้งใจจะให้เป็นเสนาบดีตั้งแต่ยุคพรรคพลังประชารัฐ แต่เก้าอี้ไม่เพียงพอ
หลังย้ายตาม ‘อาเจ๊กสุริยะ’ มาอยู่กับพรรคเพื่อไทย ได้รับแต่งตั้งเป็นรองหัวหน้าพรรค และเพิ่มบทบาทให้รับผิดชอบพื้นที่ กทม.ในการเลือกตั้ง สส.ครั้งหน้า
ทำให้ใน ‘ครม.อิ๊งค์ 1/2’ ตอนนี้มีคนนามสกุล ‘จึงรุ่งเรืองกิจ’ ถึง 2 คน
ในส่วนของบุคคลที่มาเป็นรัฐมนตรีทางสายเลือดคือ ‘ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์’ รมช.พาณิชย์ป้ายแดง ลูกชายของ นายฐากร ตันฑสิทธิ์ เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ฝ่ายค้านหัวใจรัฐบาล ที่ไม่สามารถเข้ามาเป็นด้วยตัวเองได้ เพราะติดเงื่อนไข ข้อบังคับพรรคไทยสร้างไทย
โดยบุคคลที่จะถูกเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี จะต้องผ่านมติกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ก่อน ซึ่งปัจจุบัน ‘เจ๊หน่อย’ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ที่ยืนยันเป็นฝ่ายค้าน ยังถือครองเสียงมติ กก.บห.ข้างมาก ฉะนั้น นายฐากรจึงส่งชื่อลูกชายมาเป็นรัฐมนตรี โดยใช้ ‘โควตาคนนอก’
หรือในรายของ ‘เสี่ยเบนซ์’ อรรถกร ศิริลัทธยากร นายทะเบียนพรรคกล้าธรรม ที่รอบนี้ผงาด รมว.เกษตรและสหกรณ์ ครั้งก่อนยังนั่งเป็นเสนาบดีไม่ได้ เพราะยังติดความเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เลยส่งพ่อ ‘อิทธิ ศิริลัทธยากร’ มาเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ แต่ครั้งนี้เป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรมเต็มตัว เลยคัมแบ็กอีกครั้ง
‘พ่อมดดำ’ นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แม้จะเป็นนักการเมืองรุ่นใหญ่เมืองแปดริ้ว นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีมาหลายหน แต่ว่ากันว่า การรีเทิร์นฝ่ายบริหาร เพราะสายสัมพันธ์อันเหนียวแน่นของลูกชายกับผู้นำ
‘เทวัญ ลิปตพัลลภ’ รมช.พาณิชย์ ได้มาในโควตาพรรคชาติพัฒนา แต่ทุกคนรู้กันดีว่า เพราะบารมีของ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรค ซึ่งมีความสนิทกับผู้ยิ่งใหญ่ในพรรคเพื่อไทย
ด้านพรรคร่วมรัฐบาลหลายคนที่ถูกเสนอชื่อเข้า ได้เก้าอี้เพราะสัดส่วนหรือความสำคัญภายในพรรคเป็นปัจจัยหลัก อย่างเช่น ‘เสี่ยแทน’ ชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้นั่ง รมช.สาธารณสุขหนนี้
‘เสี่ยหมวย’ อนุชา สะสมทรัพย์ สส.นครปฐม รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ตัวแทนกลุ่มบ้านใหญ่นครปฐม ได้มาดำรงตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข เพราะแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาบาลานซ์ความสัมพันธ์ภายในพรรคให้สมดุล เพราะถือเป็นแกนหลักของพรรคในปัจจุบันร่วมกับกลุ่มสุพรรณบุรี
ขณะที่ ‘ปลัดตุ๋ม’ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ แม้จะเป็นโควตาคนนอก แต่ในทางการเมืองรู้ดีว่า นี่คือ ‘ตัวแทน’ ของกลุ่มนายทุนชื่อดัง ที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่ม 18 ในพรรครวมไทยสร้างชาติ
จะเห็นว่า ที่มาของแต่ละคน และตำแหน่งที่ได้ ล้วนจัดสรรโดยยึดหลักโควตามาก่อนความรู้ความสามารถและความเหมาะสม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ภูมิใจไทยพลัส-เปิดเกมใหญ่ ชูรัฐมนตรีคนนอก ลุยเลือกตั้ง
บรรยากาศการเมืองปลายปี 2568 ต่อเนื่องต้นปี 2569 เดินหน้าเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มรูปแบบ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งเตรียมเปิดรับสมัคร สส.ปลายเดือนธันวาคม ก่อนจะหย่อนบัตรในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 พรรคการเมืองต่างเร่งเปิดตัวผู้สมัคร นโยบายหาเสียง และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงโค้งสุดท้าย
‘บิ๊กป้อม’ ถอย ดัน ‘ตรีนุช’ เลือกตั้งสุดท้ายของ ‘พปชร.’
‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ทั้งที่อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึงวันรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดในวันที่ 27-28 ธันวาคมนี้
คิกออฟเลือกตั้ง69เช็กความพร้อมกกต. เปิดคู่มือผู้สมัครสส.ก่อนออกหาเสียง
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ครั้งใหม่ หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568
‘เท้ง’พลาดซ้ำ รีบผลัก‘ภท.’ พา‘พรรคส้ม'ผูกมัดตัวเอง
ไม่ว่าจะคิดมาดีแล้ว หรือไม่ทันระวัง การรีบประกาศว่า หากพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาล พรรคประชาชนจะไปเป็นฝ่ายค้านของ ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถือเป็นเรื่องที่นักเลือกตั้งซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงไม่เลือกจะทำ
ท็อปไฟว์5ข่าวดังการเมืองไทย68 ยุบสภาฯไคลแมกซ์ปิดท้ายปี
นับถอยหลังเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เศษก็จะสิ้นปี 2568 เข้าสู่ปีใหม่ 2569 ที่เป็นปีมะเมีย ซึ่งตำราโหราศาสตร์บางสำนักบอกว่า จะเป็นปีม้าธาตุไฟ โดยการเมืองไทยปี 2569 เรื่องสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกตั้ง สส.ในวันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 ที่จะนำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง
สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง
หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี

