“คดีฮั้วสว.”จ่อฟันนักการเมือง จบแบบ“มวยล้ม”หรือ"รื้อสูตรสภาสูง"

คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนส่วนกลาง ชุดที่ 26 ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมสรุปสำนวนคดี “ฮั้วเลือก สว.” ซึ่งเป็นหนึ่งในคดีที่ถูกจับตามองมากที่สุดในรอบปี 2568 หลังจากที่มีข้อกล่าวหาว่ามีการกระทำที่ผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 โดยเฉพาะในมาตรา 70, 36, 62, และ 77 (1) ซึ่งระบุถึงการกระทำที่ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรม คดีนี้ไม่เพียงแต่เป็นการตรวจสอบความโปร่งใสของกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 2567 เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความซับซ้อนของเกมการเมืองไทยที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสมดุลอำนาจทางการเมือง

จากข้อมูลแหล่งข่าวระบุว่า คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ได้รวบรวมพยานหลักฐานและคำให้การจากผู้ถูกกล่าวหามากกว่า 200 ราย โดยคาดว่าสำนวนที่สรุปในวันที่ 17 ก.ค.นี้จะมีการเสนอให้ดำเนินคดีต่อผู้ถูกกล่าวหา ไม่ว่าจะเป็น สว.ชุดปัจจุบัน รวมไปถึงผู้บริหารและเครือข่ายพรรคสีน้ำเงินในจำนวนนี้ โดยมีรายงานว่า สว. 4 รายยอมรับสารภาพในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการ “ฮั้ว” หรือการสมยอมเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่ง สว. ซึ่งอาจส่งผลให้คดีของบุคคลเหล่านี้มีความชัดเจนมากขึ้นในชั้นต่อไป

ก่อนหน้านี้มีผู้ถูกกล่าวหามากกว่า 200 ราย ที่เข้ามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อคณะอนุกรรมการ โดยส่วนใหญ่ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าไม่เคยเกี่ยวข้องกับขบวนการจัด “ฮั้ว” ในกลุ่มผู้ถูกเรียกเข้ามาชี้แจง มีทั้ง สว.ที่มีชื่อเสียง เช่น พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา ซึ่งได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง และนายนิพนธ์ เอกวานิช สว.

นอกจากนี้ยังมีบุคคลจากพรรคภูมิใจไทยที่โดนให้เข้ามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ตั้งแต่ระดับผู้บริหารพรรค ไปจนถึง สส.พรรค รวมไปถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ได้ส่งทีมกฎหมายเข้ามาชี้แจงแทน

การชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาส่วนใหญ่ระบุว่า เอกสารข้อกล่าวหาขาดรายละเอียดที่ชัดเจน เป็นการ “กล่าวอ้างลอยๆ”

อย่างไรก็ตาม การที่พยานหลักฐานบางส่วน เช่น เส้นทางการเงินและการใช้ “โพยไขว้” เพื่อชี้นำการลงคะแนน ถูกพบโดยคณะอนุกรรมการ ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำให้คดีนี้มีน้ำหนักมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คดีดังกล่าวอยู่เพียงชั้นแรกจากทั้งหมด 4 ชั้น

กระบวนการพิจารณาคดี “ฮั้วเลือก สว.” ดำเนินการตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2561 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ชั้น ดังนี้

 ชั้นที่ 1 การสืบสวนและไต่สวน คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ซึ่งมี ร.ต.อ. ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต.เป็นประธาน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและคำให้การ หลังจากการสรุปสำนวนในวันที่ 17 ก.ค. สำนวนจะถูกส่งต่อไปยังสำนักงาน กกต.ส่วนกลาง

ชั้นที่ 2 การวิเคราะห์สำนวน สำนักงาน กกต.ส่วนกลางจะมอบหมายให้พนักงานสืบสวนและไต่สวนวิเคราะห์สำนวนและจัดทำความเห็น โดยผ่านการพิจารณาของผู้อำนวยการฝ่าย รองผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการสำนัก และเลขาธิการ กกต. หรือรองเลขาธิการที่ได้รับมอบหมาย อย่างไรก็ตาม นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ได้โยนให้รองเลขาธิการเป็นผู้พิจารณาความเห็นในชั้นนี้

ชั้นที่ 3 คณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาด สำนวนจะถูกส่งต่อไปยังคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง ซึ่งมีทั้งสิ้น 35 คณะ คณะละ 5-7 คน เพื่อกลั่นกรองและจัดทำความเห็นก่อนส่งต่อ กกต.ชุดใหญ่

และชั้นที่ 4 การพิจารณาของ กกต.ชุดใหญ่ คณะกรรมการ กกต.จะเป็นผู้ชี้ขาดว่าสำนวนมีมูลเพียงพอหรือไม่ หากเห็นว่ามีความผิด จะยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งหรือสิทธิ์เลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา 

จากจำนวนผู้ถูกกล่าวหาในขั้นต้น มีความเป็นไปได้ที่จำนวนนี้จะลดลงอย่างมากในชั้นที่ 4 เนื่องจาก กกต.ชุดใหญ่จะพิจารณาเฉพาะสำนวนที่มีหลักฐานชัดเจนและน้ำหนักเพียงพอ คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ถูกดำเนินคดีต่อในชั้นศาลอาจเหลือเพียงหลักสิบจากกว่า 200 ราย เนื่องจากข้อกล่าวหาบางส่วนอาจขาดพยานหลักฐานที่หนักแน่น หรือผู้ถูกกล่าวหาสามารถชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้อย่างสมเหตุสมผล

ในส่วนมิติการเมืองคดี "ฮั้วเลือก สว.” ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของความโปร่งใสในการเลือกตั้ง แต่ยังถูกมองว่าเป็นเกมการเมืองที่ขุมอำนาจรัฐบาลขณะนี้อยู่ในมือของพรรคเพื่อไทย ที่มีเป้าหมายเพื่อ “เช็กบิล” พรรคภูมิใจไทยที่ล่าสุดได้ย้ายไปอยู่ในขั้วฝ่ายค้าน การที่ผู้บริหารพรรคภูมิใจไทยและเครือข่าย รวมถึงผู้มากบารมีของพรรคถูกพาดพิงในคดีนี้จำนวนมาก

และการกล่าวถึง “โพยไขว้” และการโอนเงินที่อาจเชื่อมโยงกับขบวนการ “โหวตเตอร์” ทำให้เกิดข้อสงสัยว่านี่อาจเป็นความพยายามของฝ่ายการเมืองบางกลุ่มเพื่อลดทอนอิทธิพลของพรรคภูมิใจไทย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยระบุว่าเป็นการ “ดิสเครดิต” พรรคที่มีศักยภาพและมีอนาคตทางการเมือง เขายังยืนยันว่าพรรคพร้อมใช้สิทธิ์ทางกฎหมายเพื่อปกป้องเกียรติยศ โดยได้มอบหมายให้ทีมกฎหมายดำเนินการฟ้องกลับคณะอนุกรรมการชุดที่ 26 ในข้อหาแจ้งความเท็จ การย้ายไปขั้วฝ่ายค้านของพรรคภูมิใจไทยอาจทำให้พรรคมีจุดยืนที่แข็งแกร่งขึ้นในการตรวจสอบรัฐบาล แต่ในขณะเดียวกันก็อาจทำให้พรรคถูกโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่การเมืองไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่มีความเปราะบาง

ในแง่การเมืองไทย คดี “ฮั้วเลือก สว.” อาจนำไปสู่ผลกระทบในวงกว้าง หากศาลฎีการับคำร้องและตัดสินว่าผู้ถูกกล่าวหามีความผิด สว.ที่ถูกตัดสิทธิ์อาจต้องพ้นจากตำแหน่ง ส่งผลต่อองค์ประกอบของวุฒิสภา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพิจารณากฎหมายและแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ

นอกจากนี้ หากคดีนี้ลุกลามไปถึงการยื่นคำร้องยุบพรรคภูมิใจไทย อาจนำไปสู่วิกฤตการเมืองครั้งใหม่ โดยเฉพาะในช่วงที่ความขัดแย้งระหว่างพรรครัฐบาลและฝ่ายค้านกำลังร้อนแรง

อย่างไรก็ตาม การที่คดีนี้มีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับบุคคลจำนวนมาก อาจทำให้กระบวนการพิจารณายืดเยื้อ และหากหลักฐานไม่เพียงพอ อาจกลายเป็น “มวยล้มต้มคนดู” ที่สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของทั้ง กกต.และดีเอสไอ

ในทางกลับกัน หากคดีนี้สามารถพิสูจน์ได้ถึงการทุจริตในระดับกว้างขวาง จะเป็นการยกระดับมาตรฐานความโปร่งใสในการเมืองไทย และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปกระบวนการเลือก สว.ในอนาคต.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ส้มขีดเส้นโหวตก่อนปีใหม่!

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

พร้อมหน้า นายกฯหนู โพสต์ภาพพาครอบครัวกินห่านพะโล้ในวันพ่อแห่งชาติ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า พาพ่อ แม่เมีย น้อง หลาน ไปกินห่านพะโล้เนื่องในวันพ่อ #ฉั่วคิมเฮง

'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน

'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง