‘แม้ว’ออกโรง‘อิ๊งค์’เข้าสภา รัฐบาลปริ่มน้ำเริ่มทำพิษ

‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี โผล่ไปปาฐกถาพิเศษ ในงานดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกฯ และ รมว.วัฒนธรรม เข้ารัฐสภาบ่อยขึ้นในช่วงที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญปฏิบัติหน้าที่

 2 สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่ว่าจะในรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน หรือรัฐบาล น.ส.แพทองธาร

แต่ทั้งหมดเกิดขึ้นภายหลังจากที่ พรรคภูมิใจไทย ถอนยวงออกจากรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้าน และมีคดีความในกระบวนการยุติธรรมและองค์กรอิสระของบุคคลสำคัญในพรรคเพื่อไทยใกล้งวดจะได้ข้อสรุปในเดือน ส.ค.

 ‘ทักษิณ’ ไม่เคยร่วมงานดินเนอร์พรรคร่วมสักครั้งนับตั้งแต่พรรคเพื่อไทยเข้าสู่อำนาจ ทุกครั้งเป็นหน้าที่ของลูกสาว แต่ครั้งนี้มาเอง

 ส่วน ‘แพทองธาร’ โดนฝ่ายค้านประณามเสมอว่า ไม่เคยมาตอบกระทู้ แต่เข้ารัฐสภามาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ครั้งในการประชุมประจำสัปดาห์ นับตั้งแต่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ และเกิดเหตุการณ์สภาล่ม

  อย่างน้อยๆ มันสะท้อนได้อย่างหนึ่งว่า การที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ นอกจากทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพแล้ว มันยังทำให้ความมั่นใจหดหายไปด้วย

  บรรยากาศดินเนอร์พรรคร่วมครั้งนี้ ต่างจากครั้งก่อนๆ ตอนสถานการณ์ปกติ แม้มันดูเหมือนจะชื่นมื่น แต่มันไม่ได้คึกคักเหมือนเก่า

 งานเลี้ยงเริ่มตอน 18.00 น. แต่ตลาดวายตั้งแต่ 20.30 น. หลัง ‘ทักษิณ’ เดินทางกลับ ซึ่งรัฐมนตรีทุกคนเตลิดหมดไม่มีใครอยู่ ทั้งที่กำหนดการเขียนไว้ถึง 22.30 น.

   ไม่มีการร่วมร้องเพลง ไม่มีการเต้น ไม่มีกิจกรรมที่เอนเตอร์เทน สส.ให้ทำร่วมกันเหมือนตอนที่ยังมี พรรคภูมิใจไทย ไฮไลต์ของงานเหมือนจะหมดลงตั้งแต่ ‘แพทองธาร’ และ ‘ทักษิณ’ ลงจากเวที

แกนนำสำคัญของรัฐบาลบางคนไม่ปรากฏตัวในงานเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ หัวหน้าพรรค กธ. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

 เป็นงานกระชับความสัมพันธ์ที่ขาดหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลถึง 2 พรรค

อย่างไรก็ดี หากถอดรหัสปาฐกถาพิเศษของ ‘ทักษิณ’ ในค่ำคืนดินเนอร์ของพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ครั้งนี้อดีตนายกฯ ไม่ได้พูดยืดยาวเหมือนกับหลายๆ เวที

  ‘ทักษิณ’ ใช้เวลาพูดราวๆ ไม่เกิน 30 นาที โดยเปิดหัวด้วยเรื่องเสียงของรัฐบาล โดยย้อนความหลังสมัยตนเองเป็นนายตำรวจติดตาม นายปรีดา พัฒนถาบุตร อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อหลายสิบปีก่อน

 ‘ทักษิณ’ เล่าทำนองว่า นายปรีดาที่เสมือนเป็นอาจารย์ทางการเมืองของตัวเอง ขณะนั้นทำหน้าที่เป็นวิปรัฐบาล ซึ่งเสียงในตอนนั้นปริ่มน้ำกว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันมาก แต่ยังผ่านมาได้ ฉะนั้น สถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง

   ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าของฉายา ‘สทร.’ ยังประกาศผูกข้อมือพรรคร่วมรัฐบาลที่นั่งอยู่ในค่ำคืนดินเนอร์นั้นว่า จะเป็นรัฐบาลด้วยกันต่อในรัฐบาลชุดหน้า

  เวลาราวๆ 30 นาทีของ ‘ทักษิณ’ บนเวที มีหลักใหญ่ใจความสำคัญคือ รัฐบาลไปได้แม้เสียงปริ่มน้ำ

ขณะที่ลูกสาว ‘อุ๊งอิ๊ง’ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่ขึ้นพูดก่อนพ่อ เน้นย้ำหลายครั้งถึงเพื่อน สส.ในพรรคร่วมว่า หากมีอะไรให้บอก สามารถเข้ามาปรึกษาหารือกับตัวเองได้

และหลังจากค่ำคืนดินเนอร์ ช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น ‘อุ๊งอิ๊ง’ มุ่งหน้าไปรัฐสภา ซึ่งมีการประชุมสภาฯ ตามปกติ โดยไม่มีวาระใดเป็นพิเศษ  

การเข้าสภาฯ ครั้งนี้ มีเหตุจากการที่ถูกฝ่ายค้านขอนับองค์ประชุม จนต้องหนีด้วยการชิงปิดประชุมแทนถึง 2 ครั้ง ซึ่งคล้ายๆ กับการไปประกบ สส.ไม่ให้เถลไถลออกไปไหน จนต้องเสียท่าให้ฝ่ายค้าน

เพราะการที่นายกฯ ศูนย์กลางของรัฐบาลอยู่ที่รัฐสภา อย่างน้อย สส.พรรคเพื่อไทย รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลย่อมต้องอยู่ที่นั่น

การไปนั่งเฝ้า สส.ย่อมตอกย้ำให้เห็นว่า เสียงที่ปริ่มน้ำของรัฐบาลมันส่งผลกระทบต่อการทำงานเป็นอย่างมาก

หากไม่มีปัญหา ‘อุ๊งอิ๊ง’ คงไม่ต้องไปรัฐสภา และคงไม่ต้องลงมาใกล้ชิด สส.ขนาดนี้

เพราะหากสภาล่มบ่อยๆ มันย่อมเป็นการสะท้อนให้เห็นด้วยว่า รัฐบาลทำงานไม่ได้

ฉะนั้น ค่ำคืนดินเนอร์ที่ใครต่อใครว่าชื่นมื่นนั้น แท้จริงแล้วมันคือเวทีที่เต็มไปด้วย ‘ความไม่มั่นใจ’ ทั้งจากคนที่พยายามให้ความมั่นใจคนอื่นบนเวที หรือคนที่นั่งฟังอยู่ด้านล่าง

 เพราะความไม่มั่นใจในสถานการณ์ต่างหาก มันจึงเกิดดินเนอร์นี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)