
ศาล รธน.เคยวางบรรทัดฐานไว้แล้วว่า หากเป็นการร้องเอาผิดตาม รธน.มาตรา 144 ถ้าหากเป็นกรณีกฎหมายประกาศใช้-มีการใช้งบประมาณไปแล้ว ก็อาจไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย ที่ก็อาจทำให้คำร้องคดี 144 ที่ร้อง ป.ป.ช. เอาผิด ครม.เศรษฐา-ครม.แพทองธาร-กมธ.งบฯ ปี 68 และ สส.309 คน กับ สว.ชุดปัจจุบัน 175 คน ต่อให้ ป.ป.ช.ส่งเรื่องไป ศาลรธน.ก็อาจไม่รับคำร้องไว้ก็ได้ แต่หากรับไว้พิจารณา ก็มีระทึกกันเพียบ!
ในวันจันทร์ที่ 4 ส.ค.นี้ ครบกำหนดที่ "แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี" จะต้องยื่น "คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา" ในคดี "คลิปเสียงฮุน เซน" ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ไม่สามารถขอขยายเวลาได้อีกแล้ว
และเมื่อ แพทองธาร ส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเรียบร้อย หลังจากนั้นโดยหลักการพิจารณาคดีที่ผ่านมา ศาล รธน.ก็จะส่งเอกสารนี้ไปให้ "กลุ่มสมาชิกวุฒิสภา 36 คน" ในฐานะผู้ร้อง ได้พิจารณาและใช้สิทธิส่งเอกสารแย้งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายกฯ โดยให้เวลา 15 วัน แต่หากไม่ประสงค์ใช้สิทธิดังกล่าวจะไม่ส่งก็ได้ ที่จะทำให้การพิจารณาคดีเร็วขึ้น
ต่อจากนั้นก็รอดูว่า ตุลาการศาล รธน.จะว่าอย่างไรต่อไป ซึ่งหากมีมติด้วยเสียงข้างมากว่าคำชี้แจงและเอกสารต่างๆ จากฝ่ายแพทองธาร และ สว.เพียงพอที่จะวินิจฉัยได้ ก็อาจยุติการไต่สวน แล้วให้ผู้ถูกร้องคือ แพทองธาร ส่งเอกสาร "คำแถลงปิดคดี" ต่อศาล รธน. รวมถึงคู่กรณีคือกลุ่ม สว.ก็สามารถส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาล รธน.ได้เช่นกัน
หากทุกอย่างเดินไปตามนี้ คำร้องคดีคลิปเสียงอัปยศ ศาล รธน.ก็อาจนัดอ่านคำวินิจฉัยได้ภายในเดือน ส.ค.นี้ หรือไม่เกินกลางเดือน ก.ย. ที่จะทำให้ได้รู้กันเสียทีว่า แพทองธารจะหลุดจากตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ หรือจะมีการสับขาหลอก แพทองธารทำเป็นตั้งใจสู้คดี แต่สุดท้าย ใกล้ถึงวันอ่านคำวินิจฉัย กลับชิงลาออกจากตำแหน่งนายกฯ จนทำให้ศาล รธน.ต้องจำหน่ายคดีออกจากสารบบ ไม่มีการลงมติวินิจฉัยใดๆ แล้วก็ต้องไปเลือกนายกฯ ตั้งรัฐบาลกันใหม่ โดยความชัดเจนตรงนี้คงเกิดขึ้นภายในเดือน ส.ค.-ก.ย.
แม้คดีแพทองธารยังไม่ชัดเจน ว่าศาล รธน.จะนัดลงมติ-อ่านคำวินิจฉัยในวันใด และนายกฯ อิ๊งค์จะรอดหรือไม่รอด
แต่ที่ชัดเจนคือ คนในเครือข่าย "เพื่อไทย-ทักษิณ ชินวัตร” ที่ถูกศาล รธน.ฟันฉับ จนต้องหลุดจากตำแหน่ง กระเด็นตกจากเก้าอี้ ถูกตัดสิทธิการเลือกตั้ง นำร่องไปก่อนแล้วก็คือ "พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน" ที่พ้นสภาพการเป็น "รองประธานสภาผู้แทนราษฎร-สส.เชียงราย เพื่อไทย" ไปแล้วตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ตามคำวินิจฉัยของศาล รธน. ในคำร้องที่ สส.พรรคประชาชนร่วมกันเข้าชื่อยื่นร้องว่า พิเชษฐ์มีพฤติกรรมฝ่าฝืน-ทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ที่เป็นบทบัญญัติระบุไม่ให้นักการเมือง-สส.-คณะ กมธ.งบฯ-รัฐมนตรี กระทำการโดยไม่ชอบ เล่นตุกติก โยกงบประมาณรายจ่ายประจำปี ที่เป็น "เงินแผ่นดิน" โดยมิชอบ
โดยเฉพาะการป้องกันการโยกงบลงพื้นที่เลือกตั้งตัวเอง เพื่อสร้างคะแนนนิยม-สร้างคะแนนเสียง ที่ฝ่าย สส.พรรคประชาชนร้องว่ามีพยานหลักฐาน-พยานบุคคล ว่าพิเชษฐ์ใช้อำนาจการเป็นรองประธานสภาฯ แทรกแซงทำให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตั้งงบโครงการต่างๆ ของสภาฯ ลงพื้นที่เลือกตั้ง จ.เชียงราย ของนายพิเชษฐ์ ตั้งแต่งบปี 2568 จนมาถึงงบรายจ่ายปี 2569
ที่แม้ก่อนหน้านี้ หลังศาล รธน.รับคำร้องคดีนี้ไว้วินิจฉัย นายพิเชษฐ์จะมีการวางแผนเอาตัวรอด ด้วยการสั่งให้สภาฯ ขอยกเลิกงบดังกล่าวที่มีด้วยกัน 3 โครงการที่อยู่ในงบปี 69 เป็นเงินหลายร้อยล้านบาท แต่ก็ไม่รอด เพราะ "ความผิดสำเร็จแล้ว" ต่อให้ยกเลิกโครงการไปและแม้ยังไม่มีการใช้เงินแม้แต่บาทเดียว เพราะ พ.ร.บ.งบปี 69 ยังไม่ออกมาเป็นกฎหมาย แต่ศาล รธน.ชี้ว่าจากการไต่สวนพยานเอกสาร-พยานบุคคล เห็นได้ชัดว่าพิเชษฐ์มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำให้สภาฯ ตั้งงบลงพื้นที่เลือกตั้งอันเป็นการฝ่าฝืน รธน.มาตรา 144
“การดำเนินโครงการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกร้องมีเจตนาเพื่อนำงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดินไปใช้ประโยชน์ในการหาเสียงหรือสร้างความนิยมให้แก่ผู้ถูกร้องในเขตเลือกตั้งของผู้ถูกร้อง อันเป็นการกระทำที่เป็นลักษณะการใช้สถานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อประโยชน์ของตนเองในการหาเสียงหรือสร้างความนิยมให้แก่ตนเองในเขตเลือกตั้งของตน...
ถือได้ว่าผู้ถูกร้องทำการเสนอและแปรญัตติโครงการทั้ง 3 โครงการ ที่มีผลให้มีส่วนไม่ว่าโดยตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2569 จึงเป็นผู้กระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง
ศาลรัฐธรรมนูญจึงสั่งให้ผู้ถูกร้องสิ้นสุดสมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย คือวันที่ 1 สิงหาคม 2568 และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง” คำวินิจฉัยของศาลรธน.ระบุไว้ตอนหนึ่ง
ผลจากคำวินิจฉัยดังกล่าว ทำให้คณะกรรมการการเลือกตั้งต้องจัดการเลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย แทนนายพิเชษฐ์ต่อไป ต้องดูกันว่า “พรรคประชาชน” จะส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมรอบนี้หรือไม่ โดยหากพรรคประชาชนที่มี สส.เขต จ.เชียงราย 3 คน ส่งคนลงเลือกตั้ง จะทำให้เป็นศึกเลือกตั้งซ่อมที่เข้มข้น จะเป็นการสู้กันระหว่าง "แดง-เพื่อไทย” กับ "ส้ม-ประชาชน" ในสถานการณ์ที่กระแสรัฐบาลเพื่อไทยไม่สู้ดีเท่าใดนัก แม้แต่กับที่เชียงรายที่เคยเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นสำคัญของทักษิณและเพื่อไทยในภาคเหนือ นอกจากนี้ ทำให้เพื่อไทยต้องส่งชื่อ สส.มารับตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนพิเชษฐ์โดยเร็ว
ล่าสุด ในการประชุม สส.เพื่อไทยสัปดาห์นี้ จะมีการพิจารณารายชื่อคนที่จะมาแทนพิเชษฐ์ เพื่อให้ที่ประชุมสภาฯ โหวตในวันที่ 7 ส.ค.ทันที ซึ่งโควตาดังกล่าวเป็นของภาคเหนือ-เพื่อไทย ซึ่งมีตัวเต็งหลายคน เช่น วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาลและอดีตรองประธานสภาฯ เป็นต้น
โดยคดีที่ทำให้พิเชษฐ์ต้องหลุดจากตำแหน่ง-พ้นจากการเป็น สส. ทำให้เห็นแล้วว่า “มาตรา 144” ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เริ่มสำแดงฤทธิ์แล้วในการเอาผิดกับคนที่คิดไม่ซื่อ จ้องแสวงหาผลประโยชน์จากเงินแผ่นดิน
ซึ่งการร้องว่ามีการทำผิด รธน.มาตรา 144 ในช่วงที่ผ่านมา ยังมีกรณีที่กลุ่มภาคประชาชน-นักเคลื่อนไหวการเมือง นำโดย สมชาย แสวงการ, นิติธร ล้ำเหลือ, เจษฎ์ โทณะวณิก, ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติให้เอาผิด ครม.รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และ ครม.แพทองธาร ชินวัตร ต่อเนื่องกัน กรณีได้เสนอเรื่องต่อ กมธ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 รวมถึงสมาชิกรัฐสภา ทั้ง สส.-สว.ที่ร่วมกันเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2568 กรณีรัฐบาลตัดงบประมาณรายจ่ายปี 2568 วงเงิน 35,000 ล้านบาท ที่เดิมสำนักงบประมาณจัดสรรไว้ให้สถาบันการเงินของรัฐ 5 แห่งเพื่อชำระหนี้เงินกู้-ดอกเบี้ย และเงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย แต่รัฐบาลนำเงินดังกล่าวไปแจกเป็นเงินหมื่นให้ประชาชน หรือดิจิทัลวอลเล็ต ที่แจกไปแล้ว กลุ่มผู้ร้องจึงเห็นว่า ครม.เศรษฐา-ครม.แพทองธาร-กมธ.งบปี 2568 รวมถึง สส.-สว.ที่ร่วมกันเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ 68 ร่วมกันทำผิด รธน.มาตรา 144 ที่บัญญัติว่า
“ห้ามสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการ หรือคณะรัฐมนตรี เปลี่ยนแปลงงบประมาณเว้นแต่ในทางลดหรือตัดทอน และห้ามแตะต้องรายจ่ายที่เป็น
(1) เงินส่งใช้ต้นเงินกู้
(2) ดอกเบี้ยเงินกู้
(3) เงินที่กฎหมายกำหนดให้จ่าย”
โดยยื่นเรื่องไปที่ ป.ป.ช.นานพอสมควรแล้ว เพื่อขอให้ ป.ป.ช.ส่งคำร้องไปยังศาล รธน. ซึ่งหากศาล รธน.รับคำร้องก็จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน แต่พบว่าจนถึงขณะนี้ การพิจารณาของ ป.ป.ช.ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ออกมาว่าจะมีมติส่งคำร้องไปศาล รธน.หรือไม่
ต้องบอกว่าหาก ป.ป.ช.ส่งไปศาล รธน. คำร้องนี้จะถูกจับตามองอย่างมาก เพราะจะสร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองสูง เนื่องจากโยงถึง ครม.-สส.-สว.เกือบทั้งรัฐสภา ที่คงลุ้นระทึกว่าจะมีชะตากรรมแบบเดียวกับพิเชษฐ์หรือไม่?
อย่างไรก็ตาม หากไปดูผลการประชุมตุลาการศาลรธน.เมื่อ 17 ก.ค. 2568 ที่รับคำร้องคดีพิเชษฐ์ จะพบว่า สส.พรรคประชาชนมีการอ้างถึงว่า พิเชษฐ์มีการให้นำงบของสภาฯ ปี 2568 ไปลงพื้นที่ตัวเองและมาทำต่อในงบรายจ่ายปี 2569 แต่ศาล รธน.ไม่รับวินิจฉัยในส่วนของงบปี 2568 โดยระบุไว้ว่า
“เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ได้รับการพิจารณาเสร็จสิ้น และเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับแล้ว ไม่อยู่ในขั้นตอนของการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายในกระบวนการทางนิติบัญญัติ ไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องในส่วนนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย”
นั่นหมายถึง ศาล รธน.เคยวางบรรทัดฐานไว้แล้วว่า หากเป็นการร้องเอาผิดตาม รธน.มาตรา 144 ถ้าหากเป็นกรณีกฎหมายประกาศใช้-มีการใช้งบประมาณไปแล้ว ก็อาจไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย ที่อาจทำให้คำร้องคดี 144 ที่ร้อง ป.ป.ช. เอาผิด ครม.เศรษฐา-ครม.แพทองธาร -กมธ.งบฯ ปี 68 และ สส.309 คน -สว.ชุดปัจจุบัน 175 คน ต่อให้ ป.ป.ช.ส่งเรื่องไป ศาล รธน.ก็อาจไม่รับคำร้องไว้ก็ได้ แต่หากรับไว้พิจารณาก็มีระทึกกันเพียบ!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
มีคำตอบ! รัฐบาลอนุทินมี ‘ศุภจี‘ เป็นจุดเด่น ทำไมปล่อยให้มี ’ธรรมนัส’ เป็นจุดอ่อน
คุณศุภจีคือตัวแทนของ "ภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ" ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ดึงดูดชนชั้นกลางและคนเมือง และเป็นเกราะป้องกันทางการเมือง เมื่อฝ่า
ขนลุก! กูรูใหญ่ สาปแช่งพรรคเพื่อไทย หลังข่าวซูเอี๋ยพรรคส้ม
ความคิดที่เพื่อไทยและประชาชนจะจับมือกันตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งแล้วเลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือท่าดีทีล้มละลายทางการเมือง
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
เปิด 3 ทฤษฎี! 'นายกฯหนู' ยุบสภาหลังโหวตวาระ 3 แก้รธน.
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้ความผ่านเฟซบุ๊กว่า Game of Thrones การเมืองไทย


