‘นายกฯอิ๊งค์’เก็บตัว-โลว์โปรไฟล์ ลุ้น!ไขก๊อกก่อนศาลเชือด29ส.ค.

หลังบริหารประเทศได้ไม่ถึงปี “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับ “สมเด็จฮุน เซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งเวลาผ่านมาเดือนกว่าแล้ว ที่ น.ส.แพทองธารไร้อำนาจสั่งการในตำแหน่งนายกฯ ต้องระหกระเหินออกจากตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ไปนั่งทำงานที่กระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะเจ้ากระทรวง

โดยในช่วงแรกยังได้เห็นเจ้าตัวออกหน้าสื่ออยู่บ้างในการเปิดงานต่างๆ ของกระทรวง เช่น งานซอฟต์พาวเวอร์ นอกจากนี้ยังลงพื้นที่ดูแลประชาชนในช่วงสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ และยังเป็นตัวแทนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปเยี่ยมให้กำลังใจทหารและประชาชนจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงที่ผ่านมา

แต่ปัจจุบันเมื่อสถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนไป ด้วยเหตุปะทะชายแดนที่ระอุขึ้นก่อนจะสงบลงด้วยข้อตกลงหยุดยิงในปัจจุบัน เป็นที่น่าสังเกตว่า น.ส.แพทองธารเริ่มเก็บตัวเงียบเรื่อยมา โดยงดจ้อสื่อมวลชน แม้วันที่เจอกันแบบประจันหน้านักข่าว ก็ถามคำตอบคำ หรือไม่ก็แค่ส่งยิ้มให้สื่อมวลชนเท่านั้น

และล่าสุดคดีคลิปเสียงมีความเคลื่อนไหวต้อนรับเดือนสิงหาคม เดือนเกิดของนายกฯ อิ๊งค์ หลังก่อนหน้านี้ศาลให้เวลาส่งเอกสารชี้แจง 15 วัน และขยายเวลาให้ส่งคำชี้แจง 2 ครั้ง ครั้งแรก 15 วัน ครั้งที่สอง 5 วัน วันสุดท้ายที่ต้องส่งคำชี้แจงคือวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ซึ่ง น.ส.แพทองธารได้ส่งเอกสารในวันดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว

และในการประชุมประจำสัปดาห์ของศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 13 สิงหาคม 2568 ได้หยิบประเด็นดังกล่าวขึ้นมาหารือ พร้อมนัดฟังคำวินิจฉัย ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้

แต่ทว่าก่อนจะถึงวันชี้ชะตา วันนี้เกิดกระแสข่าวหนาหูว่า น.ส.แพทองธารจะชิงลาออกก่อนศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย ซึ่งมีการวิเคราะห์กันว่าเพื่อเลี่ยงข้อหาผิดจริยธรรม และอาจประจวบเหมาะอ้างได้ว่าเป็นการลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งกระแสข่าวดังกล่าวทำให้บรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทยต่างพร้อมใจออกมาปฏิเสธ ว่าไม่เป็นความจริง เป็นเพียงแค่ข่าวลือ และในพรรคก็ไม่เคยมีการพูดคุยกันเรื่องนี้แต่อย่างใด ขณะที่ น.ส.แพทองธารเมื่อถูกถามถึงเรื่องนี้จะชี้แจงหรือแก้ข่าวอย่างไรหรือไม่ เจ้าตัวไม่ตอบคำถาม เพียงแต่ส่งยิ้มเท่านั้น ส่วนเรื่องกำลังใจในขณะนี้ เจ้าตัวยอมรับว่ายังมีกำลังใจดีอยู่

อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์กันด้วยว่า มีความเป็นไปได้เช่นกันที่ น.ส.แพทองธารอาจจะชิงลาออก เพราะคดีคลิปเสียงนี้ส่งผลให้เกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายกับประเทศชาติอย่างมาก น.ส.แพทองธารอาจรอดยากหรือไม่?

แต่ทว่าที่ทอดเวลามานานจนถึงวันนี้ยังไม่ตัดสินใจลาออก บ้างก็วิเคราะห์กันว่า เพราะต้องการให้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระ 2-3 ที่มีการพิจารณาระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม 2568 ผ่านไปเรียบร้อยก่อน เพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนไปได้ ขณะเดียวกันยังมีการวิเคราะห์ที่น่าสนใจจาก นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ระบุตอนหนึ่งว่า

“คาดเดาว่าการนัดหมายวินิจฉัยน่าจะมีขึ้นในการประชุมวันพุธที่ 13 สิงหาคม 2568 และวันที่นัดหมายอาจเป็น 20 หรือ 27 สิงหาคม 2568 ไม่ควรล่าช้ากว่านั้น เพราะคดีนี้เป็นคดีสำคัญ และไม่ควรปล่อยให้ประเทศอยู่ในภาวะที่มีแต่นายกรัฐมนตรีรักษาการนานเกินไป

และการดึงเวลาให้ล่าช้าออกไป อาจเป็นการเปิดโอกาสให้แพทองธารตัดสินใจลาออกเอง ซึ่งจะทำให้ตัวเองยังมีอนาคตทางการเมือง และศาลอาจจะรู้สึกสบายใจมากกว่าที่ไม่ต้องวินิจฉัย เนื่องจากผู้ถูกร้องเรื่องคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี เมื่อไม่มีสถานะเป็นรัฐมนตรีแล้วก็สามารถจำหน่ายคดีทิ้ง ไม่ต้องวินิจฉัยให้เป็นประเด็นอะไรอีก” 

ขณะที่ฟากผู้นำฝ่ายค้านเองก็มองกระแสข่าวชิงลาออกของ น.ส.แพทองธาร และกระแสการยุบสภา หลังผ่านงบฯ 69 ว่าการตัดสินใจจะยุบสภาหรือไม่อยู่ที่ทางรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย หากประเมินตามสถานการณ์ในปัจจุบัน เชื่อว่าอาจมีการพยายาม “พยุงรัฐบาล” แบบนี้ไปก่อน แต่ว่าจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ที่นายกฯ อิ๊งค์ภาพลักษณ์ติดลบ อยู่ในห้วงเผชิญวิบากกรรม และเพื่อเป็นการให้เกียรติศาลได้วินิจฉัยคดีเสร็จสิ้นก่อน มีรายงานข่าวว่า ในช่วงนี้ น.ส.แพทองธารจะพยายามโลว์โปรโฟล์ตัวเอง เลี่ยงให้สัมภาษณ์ในประเด็นดังกล่าว และในการประชุม ครม.อาจจะไม่เข้าร่วมทุกสัปดาห์ โดยจะเก็บตัวเงียบ มุ่งทำงานในหมวกเจ้ากระทรวงวัฒนธรรมต่อไป จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 29 สิงหาคมนี้

ดังนั้นช่วงนี้จะเห็น “นายกฯ แพทองธาร” อยู่ในมุมโลว์โปรไฟล์ ยิ้มสยบทุกความเคลื่อนไหว ส่วนจะตัดสินใจชิงลาออกไปก่อนหรือไม่ ยังต้องลุ้นกันต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก